0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ทริปเที่ยว 2 มหานครแดนมังกร เซี่ยงไฮ้-ปักกิ่ง 5 วัน 4 คืน

calendar_month 07 มี.ค. 2014 / stylus Admin Chillpainai / visibility 23,655 / เที่ยวต่างประเทศ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันพี่ใหญ่อย่าง "จีน"
 
ได้ผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลก
 
การเรียนรู้เมืองจีนคือสิ่งที่คนไทยอย่างเราควรให้ความสำคัญ
 
และการเดินทางท่องเที่ยวก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในเรียนรู้มหาอำนาจแห่งแดนมังกรนี้
 
ทรู จึงได้จัดทริปดีๆ ให้ได้ไปเยือน 2 มหานครแดนมังกร เซี่ยงไฮ้-ปักกิ่ง เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน
 
มาดูสิว่าทริปนี้จะสนุกแค่ไหน
karok_eat
 
วันแรก
 
                 5.30 น. รวมพลกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขอออกชั้น 4 ประตู 9 เคาน์เตอร์ S โดยครั้งนี้เราจะเดินทางไปกับสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์  เที่ยวบินที่ UL886
 
                 พอถึงเวลา 7.25 น. เครื่องบินก็พาเราเดินทางสู่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางสู่สนามบินเซี่ยงไฮ้  
 
                 ประมาณ 12.35 น. เราก็ถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้ ก่อนจะเข้าไปเที่ยวในเมืองเซี่ยงไฮ้มาฟังประวัติคร่าวๆ กันก่อนนะคะ  เมืองเซี่ยงไฮ้นี้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแยงซี เป็นเขตการปกครองระดับเขตการปกครองพิเศษ ที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง เซี่ยงไฮ้ในอดีตนั้นเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง แต่ในปัจจบันเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในจีน มีท่าเรือที่มีจำนวนเรือคับคั่งมากที่สุดในโลก ในเมืองนั้นเต็มไปด้วยตึกสูงรูปทรงแปลกตา สลับไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปในยุคล่าอาณานิคม โดยในทริปครั้งนี้เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของมหานครแห่งนี้
 
                 จากนั้นเราจะเดินทางสู่ช็อคโกแลตแฮปปี้แลนด์ ที่ดัดแปลงมาจากอาคารพาวิลเลี่ยน 8 แห่ง  รวมพื้นที่กว่า 30 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเคยจัดงาน World Expo ภายในประกอบไปด้วยนิทรรศกาลและกิจกรรมมากมายที่เกี่ยวกับช็อคโกแลต รวมไปถึงผลงานศิลปะต่างๆ ทั้งในแบบของจีนและแบบยุโรป 
 
 
“อลังการจนอยากกินเลย^^”
 
ไม่ว่าจะเป็นปราสาทช็อคโกแลตน้ำหนัก 160 ตัน, เครื่องประดับและกระเป๋าถือ ปราสาทอิสลาม สร้างโดยใช้มิลค์ช็อคโกแลตและดาร์คช็อคโกแล็ต 98ตัน ไวท์ช็อคโกแล็ต 60 ตัน ภายในปราสาท พื้นและกำแพงสร้างด้วยช็อคโกแลตทั้งหมดเป็นปราสาทช็อคโกแลตหนึ่งเดียวและใหญ่ที่สุดในโลก ณ ตอนนี้มีทหารม้าราชวงค์ฉิน(แบบที่ซีอาน) ที่ใช้ช็อคโกแลต 2 ตัน ขอบอกว่ามาที่นี่แล้วเหมือนเราได้ย้อนไปในวัยเด็ก เหมือนความฝันที่เราได้เห็นเมืองช็อคโกแลตนั้นป็นจริงเลยล่ะค่ะ
 
 
“ช็อคโกแลตจริงๆเหรอเนี่ย”
 
                 หลังจากฟินกับโรงงานช็อคโกแลตจนถ้วนหน้าแล้ว ต่อไปเราจะเดินทางไปชมโรงงานผลิต ผ้าไหม ของจีน ที่นี่เราจะได้ชมวิธีการนำเส้นไหมออกมาผลิตเป็นสินค้าทั้งใช้เครื่องจักร และแรงงานคน ชมการดึงใยไหมรังแฝด ( แปลกแต่จริง ) เพื่อมาทำไส้นวมผ้าห่มไหม ซึ่งเหมาะกับการซื้อเป็นทั้งของฝากและใช้เอง 
 
                ยามเย็นเราก็จะเดินทางไปยังหาดว่ายทัน ซึ่งในสมัยก่อนเรียกว่าหาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ชมวิวทิวทัศน์ และทัศนียภาพของ แม่น้ำหวงผู่ในอดีตเป็นที่เช่าของบรรดาประเทศนักกล่าอาณานิคม สิ่งปลูกสร้างจึงเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกและฝั่งเมืองใหม่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ทันสมัยที่สุดของจีน
 
 
หาดว่ายทันหรือหาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ 
 
               ในตอนค่ำเราจะทานอาหารอร่อยๆ ณ ภัตตาคาร หลังจากทานอาหารเสร็จก็ไปช้อปปิ้งที่ถนนกิงลู่ ซึ่งให้อารมณ์เหมือนถนนสีลมของบ้านเรา หรือออร์ชาร์ดของสิงคโปร์ ถนนนี้มีความยาวถึง 5 กิโลเมตร
หลังจากช้อปจนเหนื่อยก็พักผ่อนในโรงแรมระดับ 4 ดาว
 
วันที่สอง 
 
               รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมเดินทางสู่วัดพระหยกขาว เชิญทุกท่านเดินทางสู่ วัดพระหยกขาว (ยู่โฝ่สือ) ภายในบรรจุพระพุทธรูปปรางค์ไสยาสน์ที่แกะด้วยหยกขาวทั้งองค์ และมีพระพุทธรูปหยกขาวสององค์ประดิษฐานอยู่ ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเจียงหวาน และยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และพระปางค์สมาธิอีกองค์สูง 6 ฟุต ตกแต่งด้วยอัญมณีต่างๆหนัก 1,000 กิโลกรัม วัดแห่งนี้มีความสำคัญในด้านวัฒนธรรมและยังมีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องให้โชคให้ลาภ
 
 
"วัดพระหยกขาว"
 
 
                เดินกันจนเริ่มเมื่อยทางทริปเขาก็จะพาเราไปผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการ นวดฝ่าเท้า เป็นการแช่เท้าด้วยยาสมุนไพรจีน และนวดผ่อนคลายที่ ศูนย์วิจัยทางการแพทย์แผนโบราณ และที่นี่เรายังได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางการแพทย์แผนโบราณและการแพทย์แผนปัจจุบันได้มีการส่งเสริมการรักษาโรคด้วยการใช้ยาสมุนไพรซึ่งมีมานานกว่าพันปี และรับฟังการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จากนั้นในช่วงเที่ยงๆ ก็จะไปรับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร  กับเมนูพิเศษไก่แดงเซี่ยงไฮ้ หลังจากมื้อกลางวันก็จะไปช้อปต่อที่ ตลาดเถาเป่าเฉิง ที่มีสินค้าราคาถูก อาทิเช่น ผ้าไหม, ถุงเท้า, รองเท้า, นาฬิกา เป็นต้น 
 
                เตรียมโบกมือลาเซี่ยงไฮ้และเดินทางสู่ปักกิ่งโดยรถไฟความเร็วสูง ซึ่งรถไฟความเร็วสูงนี้ มีความยาวทั้งสิ้น 1,318 กิโลเมตร โดยใช้เงินทุนก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น 220,900 ล้านหยวน วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 300 กม. / ชม. ซึ่งสามารถช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางกว่าหนึ่งพันกิโลเมตรจาก 10 ชั่วโมง เหลือเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น 
 
               เมื่อถึงกรุงปักกิ่งทางทริปเขาจะพาเราไปทานอาหารค่ำและเดินทางไปพักผ่อนยังโรงแรมระดับ 4 ดาว
 
วันที่สาม
 
               หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว  เราก็จะเดินทางไปชมจัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ 880 เมตร ทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก 500 เมตร พื้นที่ทั้งสิ้น 440,000 ตารางเมตร สามารถจุประชากรได้ถึง 1,000,000 คน ปัจจุบันจัตุรัสเทียนอันเหมินนับเป็นจัตุรัสใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนใหม่ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีฉลองเนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆซึ่งบริเวณนั้นยังเป็นที่ตั้งของ อนุสาวรีย์วีรชนศาลาประชาคม จัตุรัสเทียนอันเหมินล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญ ได้แก่ หอประตูเทียนอันเหมินที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของจัตุรัส ธงแดงดาว 5 ดวงผืนใหญ่โบกสะบัดอยู่เหนือเสาธงกลางจัตุรัส 
 
 
"จัตุรัสเทียนอันเหมิน" 
 
 
                  จากนั้นเราจะไปชม พระราชวังต้องห้าม THE FORBIDDEN CITY สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง เป็นทั้งบ้านและชีวิตของจักรพรรดิในราชวงศ์หมิงและชิงรวมทั้งสิ้น 24 พระองค์ พระราชวังเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี มีชื่อในภาษาจีนว่า ‘กู้กง’ หมายถึงพระราชวังเดิม มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘จื่อจิ้นเฉิง’ ซึ่งแปลว่า ‘พระราชวังต้องห้าม’ ซึ่งเหตุที่เรียกพระราชวังต้องห้าม เนื่องมาจากชาวจีนถือคติในการสร้างวังว่า จักรพรรดิเปรียบเสมือนบุตรแห่งสวรรค์ ดังนั้นวังของบุตรแห่งสวรรค์จึงต้องเป็น ‘ที่ต้องห้าม’ คนธรรมดาสามัญไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้ โบราณสถานแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร ที่นี่เราจะได้ชมอาคารเครื่องไม้ที่ประกอบด้วยห้องต่างๆ ถึง 9,999 ห้อง ชมตำหนักว่าราชการพระตำหนักชั้นใน ห้องบรรทมของจักรพรรดิ์ และห้องว่าราชการหลังมู่ลี่ไม้ไผ่ของพระนางซูสีไท่เฮา 
 
 
"พระราชวังต้องห้าม"
 
                    ต่อกันด้วยการเดินทางไปชิมชา ที่ร้านชาอันลื่อชื่อของเมืองจีน ที่นี่เราจะดื่มด่ำกับกลิ่นรสที่หอมและนุ่มของชาจีน ชิมชากันแล้วก็ไปทานเมนูเลื่องชื่อของปักกิ่งนั่นก็คือ เป็ดปักกิ่ง ณ ภัตตาคาร
 
                  พอทานอาหารเสร็จเราก็จะเดินทางสู่ พระราชวังฤดูร้อน “อี้เหอหยวน” ของพระนางซูสีไทเฮา อุทยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน มีประวัติศาสตร์มาเกือบพันปีแล้ว ย้อนหลังไปราวคริสต์ศักราชที่ 11 สมัยราชวงศ์จิน (ค.ศ. 1115-1234) พื้นที่ในเขตไห่เตี้ยนนอกกรุงปักกิ่ง มีภูมิประเทศของขุนเขางดงาม ประดุจภาพวาด อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้งไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก จึงเหมาะเป็นสถานที่ที่เจ้านายผู้ปกครองในระบบศักดินานิยมมาพักผ่อนตากอากาศ และก่อสร้างพระราชวังฤดูร้อนขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644-1911) พระราชวังฤดูร้อนได้ทวีความสำคัญขึ้น โดยจักรพรรดิต่อมาอีกหลายพระองค์โปรดเสด็จมาประทับทรงงาน ตลอดจนว่าราชการแผ่นดินที่นี่ จนทำให้พระราชวังฤดูร้อนมีบทบาทสำคัญในด้านเป็นศูนย์กลางทางการเมืองกล่าวกันว่า การก่อสร้างพระราชวังฤดูร้อนนอกพระราชฐานนี้ดำเนิน มาตลอดเวลา 800 ปีจวบจนกระทั่งสิ้นสุดกาลสมัยของราชวงศ์แมนจู  อาณาบริเวณของพระราชวังแห่งนี้ครอบคลุมภูเขา 3 ลูก เขาเซียงซัน เขาอี้ว์เฉวียนซัน และเขาวั่นโซ่วซัน มีพื้นที่กว้างใหญ่รวมทั้งสิ้นกว่า 100 ตารางกิโลเมตร และที่นี่ก็ยังเคยเป็นเป็นที่ประทับของพระนางซูสีไทเฮาอีกด้วย
 
 
"พระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน”
ภาพจาก http://en.wikipedia.org/
 
                หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร และชมสุดยอดกายกรรมปักกิ่ง 
 
 
 
 
วันที่สี่
 
                  ตื่นเช้าวันนี้เราจะมีโปรแกรมอันยิ่งใหญ่ แต่ก่อนอื่นหลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม เรียบร้อยก็ยังมีเวลาเดินช้อปเดินชิลซื้อของในเมือง
 
                 ช้อปกันจนจุจ็เดินทางไปสู่ไฮไลต์ของวันนี้คือ กำแพงเมืองจีน ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลกในยุคกลางสมัยจักรพรรดิ จิ๋นซีฮ่องเต้ สร้างด้วยแรงงาน เลือดเนื้อ และชีวิตของคนนับล้านคน
 
 
มีความยาว 6,350 กม. ก่อสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณกว่า 2,000 ปี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ปี ค.ศ. 1987 สร้างในปี – ราว 700 ปีก่อนคริสตกาล ถึง ราชวงศ์หมิง ปี ค.ศ.1368-1644 อาณาเขต – ความยาว 14,600 ลี้ (ราว 6,700 กิโลเมตร) สมญานาม‘กำแพงหมื่นลี้’ปัจจุบันส่วนที่หลงเหลือให้เห็นเป็นรูปกำแพงตามดินแดนตอนเหนือของจีน ได้แก่ กรุงปักกิ่ง(18 ด่าน) นครเทียนจิน(2 ด่าน) มณฑลกันซู่(20 ด่าน) มณฑลเหอเป่ย(43 ด่าน) มณฑลเหลียวหนิง( 2 ด่าน) มณฑลหนิงเซี่ย(15 ด่าน) มณฑลซันซี(61 ด่าน) และมณฑลส่านซี(24 ด่าน) ล้วนเป็นกำแพงเมืองที่ก่อสร้างในสมัยราชวงศ์หมิงทั้งสิ้น โดยสุดด้านตะวันออก คือ ด่านซันไห่กวน ในมณฑลเหอเป่ย และสุดด้านตะวันตก คือ ด่านเจียอี้ว์กวน ในมณฑลกันซู่
 
 
                   หลังจากนั้นก็เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร โดยมีเมนูพิเศษ สุกี้มองโกลให้ได้ชิมกัน เสร็จแล้วทางทริปเขาจะพาเราไปยังโรงงานจิวเวอรี่และ ศูนย์การค้าหวังฟู่จิ่ง (Wangfujing) ซึ่งเป็นที่ช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองปักกิ่ง เป็นถนนเส้นยาวๆ สำหรับคนเดินห้ามรถทุกชนิดวิ่งผ่าน มีห้างสรรพสินค้า พลาซ่า และร้านค้าน้อยใหญ่เรียงรายสองข้างถนน รวมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านหนังสือ ครบครัน 
 
                 เดินจนเหนื่อยก็ปิดท้ายด้วยการทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
 
วันที่ห้า
 
                รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นทางทริปเขาจะพาเราไปเลือกซื้อ “ผีเซี๊ยะ” ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าจะนำโชคลาภเงินทองมาให้พร้อมทั้งคอยเฝ้าทรัพย์สมบัติไว้เพราะผีเซี๊ยกินเงินทองแล้วเก็บไว้ไม่ถ่ายออกมา และไปช้อปต่อที่ตลาดรัสเซีย ให้ช้อปได้อย่างจุใจ และที่นี่เราก็สามารถเลือกทานอาหารกลางได้อย่างอิสระ
 
                 14.30 น. ถึงเวลาโบกมือลาแดนมังกร โดยสายการบิน สายการบินศรีลังกัน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ UL 889 
 
                 18.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จบทริปกลับบ้านกันอย่างประทับใจ
 
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ http://trueyou.co.th/privilege/3076144/
 
โทรสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ 02-530-7887
 
 
เรื่องโดย นางสาวฮานะ


เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai