calendar_month 23 ส.ค. 2021 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 211,248 / สถานที่ยอดนิยม
อ่างทอง จังหวัดเล็กๆ จังหวัดเมืองรองใกล้กรุงที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่เมื่อได้ไปสัมผัสทำให้เรารู้ว่าอ่างทองมีเรื่องราวที่น่าสนใจกว่าที่คิด เพราะอ่างทองมีวัดวาอารามพร้อมเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่เล่าขานให้เราฟังมากมาย เป็นแหล่งรวมศิลปินงานช่างชั้นครู รวมถึงศิลปินรุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์ผลงานในแนวทางของตัวเอง มีเรื่องราววิถีชีวิตของชาวอ่างทองที่ผูกพันยึดโยงกับแม่น้ำน้อย แม่น้ำสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เราได้สัมผัส วันนี้ชิลไปไหนเลยได้รวบรวม 10 จุดเช็คอิน ที่กิน ที่เที่ยวในจังหวัดอ่างทองมาให้เพื่อนๆ ได้ลองไปตกหลุมรักกัน
เริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ที่จุดเช็คอินยอดฮิตแห่งเมืองอ่างทอง กับวัดม่วง ที่ประดิษฐานพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หรือหลวงพ่อใหญ่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดอีกองค์หนึ่งในโลก
วัดม่วงนั้นตั้งอยู่ในอำเภอวิเศษชัยชาญค่ะ ทำเลที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเรือกสวนไร่นา ที่นี่จึงเป็นจุดที่เหล่าช่างภาพทั่วไทยมาถ่ายภาพอันงดงามของหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปสีทองอร่ามขนาดหน้าตักกว้าง 63 เมตร สูง 95 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวขจี เป็นหนึ่งภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากเดินทางมาอ่างทอง ซึ่งเมื่อได้เดินทางมาสัมผัสจริงๆ ก็ตื่นตะลึงกับภาพความงดงามตรงหน้า ภาพของพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่จนหยุดทุกสายตาเอาไว้ ซึ่งถ้าเราใช้เส้นทาง 3195 สายโพธิ์พระยา - อ่างทอง - ท่าเรือ เดินทางมายังวัดเราก็จะเห็นภาพของหลวงพ่อใหญ่ปรากฏอยู่แม้จะอยู่ที่ไกลๆ
หลวงพ่อใหญ่ สร้างโดยพระครูวิบูลอาจารคุณ(หลวงพ่อเกษม) พร้อมศรัทธาพุทธศาสนิกชนชาวไทย เพื่อถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระพันปีหลวง โดยใช้เวลาสร้างถึง 16 ปี แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2550 ซึ่งเดิมทีนั้นวัดม่วงเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปี พ.ศ.2230 แต่เมื่อครั้งเสียกรุงให้แก่พม่าในปี พ.ศ.2310 ที่นี่ก็ได้ถูกทิ้งร้างลง ต่อมาปี พ.ศ.2526 พระครูวิบูลอาจารคุณ(หลวงพ่อเกษม) ได้มาบูรณะอีกครั้ง และสร้างหลวงพ่อใหญ่นี้ขึ้นมา เลยทำให้วัดม่วงกลายเป็นที่นิยมของเหล่าพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางมาสัมผัสความสวยงามของหลวงพ่อใหญ่ให้ได้สักครั้งในชีวิต
วิธีการในการสักการะหลวงพ่อใหญ่ นอกจากธูปเทียน ดอกไม้บูชาแล้ว เชื่อกันว่าการที่ได้ใช้สองมือของเราแตะที่ปลายพระหัตถ์ขององค์พระพร้อมจิตที่ตั้งมั่นอธิษฐานขอพรในสิ่งที่เราต้องการ จะได้พานพบกับสิ่งที่เราตั้งใจ โดยจุดที่ให้ประชาชนขึ้นไปแตะที่ปลายพระหัตถ์ทางวัดได้มีบริการเจลแอลกอฮอล์เอาไว้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วยค่ะ
การเข้าสักการะหลวงพ่อใหญ่ทำได้ตั้งแต่หกโมงเช้าไปจนถึงทุ่มครึ่งค่ะ ในตอนค่ำจะมีการเปิดไฟสปอต์ไลท์ฉายไปที่องค์พระทำให้เกิดภาพที่งดงามและประทับใจ ส่วนยามเช้าถ้าใครได้พักที่อำเภอวิเศษชัยชาญเราแนะนำว่าลองมาชมหลวงพ่อใหญ่ยามพระอาทิตย์ขึ้นนั้นเป็นภาพที่สวยงามมากๆ เพราะในยามเช้าเราจะเห็นสายหมอกจางๆ ที่ปกคลุมไร่นาสีเขียว พร้อมกับแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าฉาบทาองค์พระให้เรื่อเรืองขึ้นในยามเช้าเป็นภาพที่ถ้าใครได้มาเห็นรับรองว่าต้องประทับใจมากๆ เลยล่ะค่ะ อีกทั้งบริเวณถนนหลังองค์พระยังมีเส้นทางให้นักวิ่งได้มาวิ่งสัมผัสอากาศดีๆ และความงดงามในยามเช้าอีกด้วย ใครได้มาพักแถวนี้ลองติดรองเท้าวิ่งกันมาได้เลยค่ะ
นอกจากความสวยงามของหลวงพ่อใหญ่แล้วภายในวัดม่วงยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอีกมากมาย อาทิ อุโบสถที่ล้อมรอบด้วยประติมากรรมกลีบดอกบัวสีชมพู พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาลที่ติดกระจกแก้วทั้งด้านในและด้านนอกซึ่งด้านในประดิษฐานรูปหล่อทองเหลืองพระเกจิอาจารย์ดังมากมาย และศาลพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ ให้เราได้เข้าไปสักการะกันอีกด้วย
ที่ตั้ง : ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
เปิด : 6.00-19.30 น.
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/y56tBor8nW1XLgtQ6
จากนั้นเข้าสู่ตัวเมืองวิเศษชัยชาญไปเดินเล่นตลาดเก่า กินขนมไทยหายากกันที่ตลาดศาลเจ้าโรงทอง หรือตลาดวิเศษชัยชาญ ตลาดเก่าอายุอานามกว่า 100 ปี ซึ่งตลาดศาลเจ้าโรงทองนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย เดิมทีชุมชนแห่งนี้มีชื่อว่าบ้านไผ่จำศีลเกิดจากคณะอั้งยี่ซึ่งนำโดยนายสิ่งฮะ แซ่ฉั่ว อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และก่อสร้างศาลเจ้าศิลปะจีนเอาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อว่าตลาดศาลเจ้าโรงทองเพราะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้ากวนอู และมีโรงทำทองรูปพรรณที่มีชื่อเสียงมากมาย
ใครที่ขับรถมาเราขอแนะนำว่าจอดรถบริเวณวัดนางในธัมมิการามได้ค่ะ แล้วเดินข้ามถนนมาก็จะเจอตลาด ซึ่งตัวตลาดนั้นมีพื้นที่ใหญ่มาก แบ่งเป็นตลาดเหนือ ตลาดกลาง ตลาดใต้ ทางเข้าตลาดจะอยู่บริเวณตลาดกลาง พอเดินเข้ามาเราก็จะพบกับร้านกาแฟกาเจ๊า ซึ่งร้านนี้เป็นร้านกาแฟโบราณที่ใช้การชงแบบดั้งเดิมคือใส่ในกระป๋องนมสแตนเลส ตัวร้านอยู่ภายในห้องแถวไม้บานประตูเฟี้ยมตกแต่งแบบดั้งเดิม เหมือนสภากาแฟที่มีเหล่าคนในชุมชนแวะเวียนมาสั่งกาแฟไม่ขาดสาย บอกเลยว่ากาแฟโบราณของร้านนี้นั้นอร่อยมากๆ ค่ะ หวาน มัน กำลังดี ใครไม่ทานกาแฟสั่งเป็นชาไทยก็ได้นะคะเข้มข้นอร่อยไม่แพ้กัน
บริเวณตรงข้ามร้านกาแฟกาเจ๊าเป็นร้านขนมบ้าบิ่นป้าเปีย ขายมากว่า 50 ปีแล้วค่ะ ซึ่งปัจจุบันป้าเปียหรือคุณยายเปียก็ยังนั่งขายขนมบ้าบิ่นอยู่ จากอันละสลึงจนถึงวันนี้คุณยายขายอยู่ 7 อัน 20 บาท ซึ่งขนมบ้าบิ่นคุณยาย เนื้อนุ่ม หอมมะพร้าวอร่อยมากๆ ยิ่งได้ทานคู่กับกาแฟร้านกาเจ๊าก็เข้ากันสุดๆ
ภายในตลาดยังมีร้านขนมอีกมากมาย อย่างขนมเกสรลำเจียกขนมพื้นบ้านประจำจังหวัดอ่างทอง ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำกะทิ ตัวแป้งจะนุ่มๆ หนึบๆ มีสีสันพาสเทลน่ารักชวนให้อยากกินมากๆ ข้างในเป็นไส้มะพร้าวขูดกวนกับน้ำตาล ไม่หวานจนเกินไปหาทานได้ในร้านขายขนมมากมายในตลาดเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังมีขนมไข่ปลา ขนมครกสูตรโบราณหน้ากุ้ง ขนมลูกเต๋า ขนมสาลี่ และข้าวต้มมัดเป็นต้น ใครชอบของหวานมาเดินตลาดนี้บอกเลยว่าฟินมากๆ
จากตลาดกลางเราเดินเลี้ยวขวา เข้าตรอกซอกซอยต่างๆ อย่างตรอกโรงเจ ที่มีตัวอาคารโรงเจสีเหลืองมัสตาร์ด เหมาะกับการมาถ่ายรูปฮิปๆ มากๆ ค่ะ พร้อมกับชมบ้านเรือนที่มีความผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยและจีน โดยบ้านเรือนแถวนี้เขาจะทำประตูบานเฟี้ยมไม้ลวดลายสไตล์แบบจีน เดินชมเพลินมากๆ ค่ะ เหมือนเดินอยู่ในย่านชานเมืองฮ่องกงผสมผสานกับความเป็นไทย ทำให้ย่านนี้ดูมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร เดินมาสุดตลาดเราจะพบกับศาลเจ้าพ่อกวนอูวิเศษชัยชาญ เป็นศาลเจ้าจีนริมแม่น้ำน้อยสร้างในแบบสถาปัตยกรรมจีน ในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้านหน้าศาลเจ้าประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม มีบันไดสองข้างนำสู่ซุ้มประตูอันวิจิตรงดงามด้านบนสู่ลานกลางอาคารชั้น 2 ซึ่งเชื่อมต่อตัวศาลเจ้าด้านในที่ประดิษฐานประติมากรรมรูปแกะสลักเทพเจ้าอวนอู ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคนในชุมชนมาอย่างช้านาน
ก่อนกลับไม่ควรพลาดไปนมัสการหลวงพ่อนุ่มวัดนางในธัมมิการาม เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองอ่างทองแม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่ชื่อเสียง ความเคารพและศรัทธาในตัวท่านก็ยังคงอยู่ ภายในวัดมีศาลาที่ประดิษฐานรูปหล่อของท่านซึ่งมักมีประชาชนแวะมากราบไหว้ขอพรก่อนกลับบ้านกันอีกด้วยค่ะ
ที่ตั้ง : ซอยวัดนางใน ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
เปิด : ทุกวันเวลา 8.00-16.00 น.(แนะนำมาช่วงเช้าก่อน 10 โมงค่ะ เพราะตลาดจะคึกคักที่สุด)
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/MnLz89RqEDhxNdnL9
แม่น้ำน้อย คือแม่น้ำสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ในอดีตแม่น้ำน้อยนั้นเป็นเส้นทางเดินทัพและย่านการค้าสำคัญที่ผู้คนใช้ขึ้น-ล่องไปมาระหว่างภาคเหนือและกรุงเทพฯ แม้ปัจจุบันเราจะไม่ได้ใช้การเดินทางด้วยทางเรือเหมือนในอดีตแล้ว แต่แม่น้ำน้อยแห่งนี้ก็เป็นเหมือนสมุดบันทึกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีคุณค่า วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปล่องเรือเพื่อสัมผัสลมหายใจของแม่น้ำน้อย พร้อมกับชมภาพวิถีชีวิตของผู้คนชาวอ่างทองที่ยังคงยึดโยงกับแม่น้ำแห่งนี้อยู่
ซึ่งทริปล่องเรือในครั้งนี้เราติดต่อกับทางเทศบาลตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ ซึ่งเป็นผู้จัดกิจกรรมครั้งนี้ โดยทริปล่องเรือจะมีให้บริการเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ และมีให้บริการ 4 รูทด้วยกัน คือรูทแรกเริ่มต้นที่ศูนย์สภากาชาดไทยเวชพาหน์เฉลิมพระเกียรติ ตำบลบางจัก ไปจนถึงวัดสี่ร้อย รูทที่สองเริ่มต้นที่เดียวกันแต่ล่องยาวไปถึงตลาดศาลเจ้าโรงทอง รูทที่ 3 จะล่องลงใต้จากศูนย์สภากาชาดไทยฯ ไปยังโรงเรียนแสงทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และรูทสุดท้ายไปถึงตลาดผักไห่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับทริปนี้เราเลือกรูทแรกค่ะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เพื่อที่จะซึมซับวิถีชีวิตชาวอ่างทอง ค่าทริปเป็นแบบเหมาลำ ลำละ 1000 บาท เรือหนึ่งลำสามารถนั่งได้ประมาณ 5 คน เหมาะกับการมาเที่ยวเป็นกลุ่ม หรือใครมาเป็นคณะใหญ่ 12-15 คนก็เหมาเป็นแพขนาดใหญ่ลำละ 2500 บาทก็ได้เลยค่ะ อ๊ะใครที่กลัวร้อนไม่ต้องกลัวนะคะเพราะเรือมีหลังคา และยังมีน้ำมีขนมให้บริการ
เราเริ่มต้นที่ศูนย์สภากาชาดไทยเวชพาหน์เฉลิมพระเกียรติล่องขึ้นไปทางเหนือ โดยจุดมุ่งหมายของทริปนี้คือตามรอยนกกระจาบที่ทำรังอยู่บนต้นไม้ริมแม่น้ำน้อย พี่เจ้าหน้าที่เล่าให้เราฟังว่าเพราะคนที่นี่ไม่ทำร้ายพวกเขา ทำให้นกกระจาบเชื่อใจชาวบ้านและเดินทางมาที่นี่ทุกปี กลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของตำบลบางจักที่ให้เรามาชมความผูกพันของนกกระจาบกับชาวบ้าน ซึ่งฤดูกาลที่เหมาะกับการมาชมประมาณเดือนมิถุนายนค่ะ เราจะได้เห็นฝูงนกกระจาบและรังนกมากมายที่ห้อยย้อยมาจากต้นไม้ แม้ในช่วงที่เรามาจะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวเท่าไร แต่ก็รังนกให้ชมมากมายเลยล่ะค่ะ ลักษณะรังนกนั้นจะเป็นรูปทรงกรวยทำจากใบหญ้าและใบข้าวที่เหล่านกกระจาบตัวน้อยขนสีทองเหล่านี้จะบินไปคาบมาทีละเส้นสองเส้นกลายเป็นรังทรงกรวยที่มีทางเข้าบริเวณก้นกรวย รังใหม่จะเป็นสีเขียวแต่ถ้ารังเก่าแล้วจะเป็นสีน้ำตาล ระหว่างที่เราชมนั้นก็ได้ยินเสียงครอบครัวนกดังออกมาจากในบ้านของเขากันด้วย
นอกจากการตามรอยนกกระจาบแล้วระหว่างเส้นทางก็จะได้พบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำที่มีทั้ง เก็บผักบุ้ง ยกยอหาปลา และบ้านเรือนบริเวณริมแม่น้ำ ที่ดำเนินไปด้วยความเรียบง่าย เห็นแล้วอยากจะย้ายสำมะโนครัวมาอยู่อ่างทองเลยล่ะค่ะ
ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีวัดมากมายอาทิวัดบางจัก วัดไทรยืด วัดน้ำพุ ที่เราสามารถขึ้นไปไหว้พระได้ด้วยค่ะ และยังมีตลาดเก่าคลองขนาก ตลาดเก่าแก่อายุร้อยกว่าปี ซึ่งถึงแม้ปัจจุบ้นจะไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนในอดีตแล้ว แต่ก็ยังมีร้านเก่าอย่างร้านขายยา ร้านขายของชำ ศาลเจ้าให้เราได้ไปชมเรื่องราวในอดีตอีกด้วย
ทริปครั้งนี้ของเราปิดกันที่วัดสี่ร้อย อีกหนึ่งวัดสำคัญในจังหวัดอ่างทองที่เราจะขอเล่าในย่อหน้าถัดไปค่ะ
ค่าทริป : 1000 บาท/ลำ
ระยะเวลาทริป : 2 ชั่วโมง
เปิดบริการ : เฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์
ติดต่อได้ที่ : 035-669241 หรือ 0845408351
วัดสี่ร้อย หนึ่งในวัดสำคัญของจังหวัดอ่างทองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย ในตำบลสี่ร้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ ซึ่งเมื่อเดินเข้ามาในวัดเราก็จะพบกับหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางเลไลยก์ สูง 21 เมตร หน้าตักกว้าง 6 เมตร ประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถโดดเด่นมากๆ ค่ะ ซึ่งหลวงพ่อโตนั้นท่านมีอีกชื่อว่าพระร้องไห้ เพราะว่ากันว่าเมื่อปี พ.ศ.2530 มีเรื่องเล่ากันว่าได้พบโลหิตไหลออกมาจากพระนาสิกของหลวงพ่อโต เลยเป็นที่มาของพระร้องไห้ และมีประชาชนหลั่งไหลมากราบสักการะมากมาย
สำหรับที่มาของวัดสี่ร้อยนั้น ก็มาจากตำนานการต่อสู้ของขุนรองปลัดชูและเหล่าทหารหาญ 400 คน โดยเรื่องราวเหตุการณ์ครั้งนี้ย้อนไปในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อพม่าได้ยกทัพเข้ามาทางด่านสิงขร (หรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน) ขุนรองปลัดชู ซึ่งเป็นชาววิเศษชัยชาญและเป็นผู้ขลังในวิทยาคมมีลูกศิษย์ลูกหามากมายได้รวบรวมเหล่าชาวบ้านวิเศษชัยชาญที่อยู่ยงคงกระพันได้ 400 คน ตั้งกองกำลังที่ชื่อว่ากองอาทมาต และอาสาไปรบร่วมกับกองทัพของพระยารัตนาธิเบศร์ โดยขุนรองปลัดชูและเหล่ากองอาทมาต 400 คน ไปตั้งทัพสกัดพม่าที่อ่าวหว้าขาว ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อพม่ายกทัพมาตีในเวลาเช้าตรู่ ขุนรองปลัดชูและเหล่าทหารกล้าได้ออกสู้รบฟันแทงพม่าจนล้มตายเป็นจำนวนมาก สู้รบตั้งแต่เช้าไปจนถึงเที่ยงทางทหารพม่าก็ได้นำกำลังมาสมทบมากกว่าเป็นหลายเท่า ทำให้ทัพของขุนรองปลัดชูต้านทานไว้ไม่ไหวทหาร 400 นายรวมถึงขุนรองปลัดชูได้สิ้นชีวิตลงที่สนามรบแห่งนี้อย่างชายชาติททหาร ซึ่งวีรกรรมการต่อสู้อย่างกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของท่านเป็นต้นแบบในการต่อสู้ของชาวบ้านบางระจันในเวลาต่อมาอีกด้วย
ภายในวัดสี่ร้อยมีเจดีย์ที่รวบรวมวิญญาณเหล่าทหารกล้าทั้ง 400 คน และอนุสาวรีย์ของขุนรองปลัดชูที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าวัด ใครแวะเวียนมาอำเภอวิเศษชัยชาญเราก็อยากแนะนำให้มาไหว้พระหลวงพ่อโตพร้อมเรียนรู้เรื่องราวความกล้าหาญของเหล่าวีรชนที่ต่อสู้เพื่อแผ่นดินไทยในวัดสี่ร้อยแห่งนี้กันค่ะ
ที่ตั้ง : ตำบลสี่ร้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/XjoWcuJt4or8efHm9
จากนั้นเดินทางไปเรียนรู้งานช่างชั้นครูกันที่ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ ตั้งอยู่ภายในวัดท่าสุทธาวาส ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ซึ่งในอดีตที่นี่ชื่อว่าบ้านวัดตาล ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบ้านบางเสด็จ เนื่องจากการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และพระพันปีหลวง เพื่อพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในปี พ.ศ.2518 ทำให้เกิดความปลื้มปิติแก่ราษฎร และได้เปลี่ยนชื่อจากบ้านวัดตาลมาเป็นบ้านบางเสด็จตั้งแต่นั้นมา สำหรับศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จนั้นเป็นโครงการพระราชดำริของพระพันปีหลวงจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2519 เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมได้มีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้
ตัวศูนย์จะตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารเรือนไทย 2 ชั้น ซึ่งด้านบนจัดไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเรื่องราวของบ้านบางเสด็จ ประวัติวัดท่าสุทธาวาสและนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมา ณ บ้านบางเสด็จแห่งนี้
เรามาถึงตอนเช้าๆ นัดกับคุณป้าป้อม สุกัญญา ศรด้วง เอาไว้เพื่อที่ให้คุณป้าสอนทำตุ๊กตาชาววังค่ะ ก่อนจะเข้าไปยังศูนย์ก็มีการวัดอุณหภูมิ ลงทะเบียน และมีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการล้างมือก่อนเข้า ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในที่เที่ยวของจังหวัดอ่างทองที่ได้รับสัญลักษณ์ SHA (Amazing Thailand Safety and Health Administration) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว จึงทำให้เรารู้สึกมั่นใจในการทำกิจกรรมมากยิ่งขึ้น
คุณป้าป้อมเล่าขั้นตอนว่าการทำตุ๊กตาชาววังนั้นจะใช้ดินเหนียวนำไปละลายน้ำและไปกรองเอาเศษผง เศษใบไม้ออก จากนั้นไปผึ่งทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ก็จะได้ดินที่เนื้อละเอียดไม่ติดมือเหมาะกับการนำมาปั้น ซึ่งเวลาปั้นส่วนหัวนั้นจะมีแม่พิมพ์เอาไว้ แต่ตัวจะใช้การปั้นมือ สามารถปั้นได้หลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะปั้นเป็นรูปตุ๊กตาชาววังผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก หรือใครที่ครีเอทกว่านั้นก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานในแนวทางของตัวเองได้ อย่างตอนที่เราไปเราพบกับคุณลุงบุญนะ ข้าราชการเกษียณกำลังบรรจงปั้นหนุมานอ้าปากอมพลับพลา ที่อยู่ในตอนศึกไมยราพอยู่ด้วยค่ะ บอกเลยว่าอึ้งและทึ่งมากๆ เพราะคุณลุงบอกว่าใช้เวลาทำตัวนี้หลายวัน ส่วนของเราใช้เวลาไม่นานค่ะ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็ได้ตุ๊กตาชาววังกันแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำไปเผาแล้วนำมาลงสีอะคริลิค แต่ของเราทางคุณป้ามีตัวที่เผาไว้เสร็จแล้วและให้เราได้ลองลงสีได้ตามใจชอบก็ได้ตุ๊กตาชาววังกลับบ้านไปแล้วค่ะ
ซึ่งภายในศูนย์มีตุ๊กตาชาววังให้เราเลือกซื้อมากมาย แต่ละตัวราคาไม่แพงเลยค่ะ เริ่มจากหลักสิบบาทไปจนถึงหลักพัน ซึ่งหลักพันจะเป็นตุ๊กตาที่ใช้ความประณีตและใช้ระยะเวลาในการทำนาน ใครที่อยากลองมาเรียนปั้นตุ๊กตาชาวังกับคุณลุงคุณป้า และมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชนกลับไปเป็นของฝากกลับบ้านก็ติดต่อมาได้เลย
จากนั้นเราขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านบนโดยมีการจัดแสดงตุ๊กตารูปปั้นช้างดินเผาฝีพระหัตถ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีให้ได้ชม นอกจากนี้ยังมีจุดน่าสนใจคือภายในพระอุโบสถของวัดท่าสุทธาวาสมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาทรงจรดพู่กันเขียนภาพต้นมะม่วงในเรื่องพระมหาชนก เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2536 อีกด้วยค่ะ
ที่ตั้ง : ภายในวัดท่าสุทธาวาส ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
เปิด : ทุกวัน 9.00-16.00 น.
ค่าเรียน : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
เบอร์ติดต่อ : 0614940538
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/nEspbavgNpfM29pT8
ชมการสร้างสรรค์งานศิลปะจากดินเหนียวกันไปแล้ว เราจะพาไปชมการสร้างสรรค์ศิลปะจากเศษเหล็กกันค่ะที่บ้านหุ่นเหล็ก อีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดนิยมของจังหวัดอ่างทอง ตั้งอยู่ริมทางหลวงเอเชียสาย 2 ในอำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง พอเดินเข้ามาก็ทึ่งกับความอลังการของเหล่าบรรดาหุ่นเหล็กมากมายที่เรียงรายให้เราได้แชะภาพถ่ายรูป ซึ่งที่นี่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของพี่ไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่ริเริ่มนำเศษเหล็กมาทำเป็นหุ่นเหล็กตั้งแต่ปี 2543 จากหุ่นตัวเล็กๆ ก็เริ่มท้าทายตัวเองทำตัวใหญ่ขึ้น เพราะพี่ไพโรจน์บอกว่ามันสนุกกว่า โดยนำชิ้นส่วนเหล็กจากรถยนต์มาสร้างสรรค์เป็นหุ่นรูปร่างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คาแรกเตอร์ต่างๆ หุ่นยนต์ รถยนต์ คิงคอง ที่มีนับร้อยตัว
ซึ่งพี่ไพโรจน์เล่าว่าธุรกิจจริงๆ คือการทำหุ่นเหล็กขายส่งทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ ที่มีหลายประเทศสนใจและติดต่อซื้อเข้ามา ส่วนการเปิดบ้านหุ่นเหล็กแห่งนี้ก็เหมือนเป็นการจัดแสดงผลงานเพื่อให้เด็กๆ และคนทั่วไปได้มาเที่ยวชม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความสนใจให้กับลูกค้ารายใหม่ที่มาเห็นแล้วสนใจอยากซื้อกลับบ้านไปด้วยค่ะ
ซึ่งหุ่นใหญ่สุดในบ้านหุ่นเหล็กนั้นจะมีความสูงประมาณ 8 เมตรค่ะ ส่วนราคาพี่ไพโรจน์บอกว่าต้องลองมาคุยหน้างานเอง เพราะแต่ละตัวก็จะมีความละเอียดที่ไม่เหมือนกัน แต่เราขอกระซิบว่าราคาไม่แพงอย่างที่คิดค่ะ เทียบกับงานฝีมือเจ๋งๆ ของคนไทยแบบนี้ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวก็ลองมาสอบถามราคากับทางพี่ไพโรจน์ได้เลย
ส่วนโซนต่างๆ ภายในบ้านหุ่นเหล็กจะมีทั้งโซนเอาท์ดอร์ด้านนอก โซนอินดอร์ด้านใน และยังมีร้านกาแฟ ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสเด็ดให้บริการอีกด้วย เป็นหนึ่งจุดเช็คอินสุดทึ่งที่ช่วยต่อเติมความฝันในวัยเด็กของเราให้เป็นจริง
ที่ตั้ง : ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชียฝั่งขาเข้า) หลักกิโลเมตรที่ 56 (กม.56) ตำบลตลาดกรวด อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
เปิด : ทุกวัน 9.00-17.00 น.
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 60 บาท / เด็ก 30 บาท (ความสูง 90-140cm) /เด็กความสูงต่ำกว่า 90 cm เข้าฟรี
เบอร์ติดต่อ : 081-3393345
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/kMFtmpGTgdjER42n9
มาถึงอีกหนึ่งวัดสวยในอ่างทองต้องมีชื่อวัดนี้เลยค่ะ วัดขุนอินทประมูล วัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีไฮไลท์คือพระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูนองค์ใหญ่หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือมีความยาว 50 เมตร สูง 11 เมตร ที่ชาวบ้านเรียกว่าพระศรีเมืองทอง และจัดเป็นพระนอนที่ใหญ่อันดับสองของประเทศไทย รองจากวัดวัดบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ
เดิมทีพระศรีเมืองทองนั้นประดิษฐานในพระวิหาร แต่ต่อมาพระวิหารพังลงจนเหลือแต่ส่วนฐานและเสา ราวกับว่าประดิษฐานอยู่บนโคก ชาวบ้านเลยเรียกว่าโคกพระนอน สำหรับชื่อของวัดขุนอินทประมูลนั้น มาจากหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 วัดนี้ก็ได้ทิ้งร้างไปนับ 100 ปี จนมาถึงรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวงของกรุงศรีอยุธยาได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมาอีกครั้ง และมีเรื่องเล่าที่ว่ามีชาวจีน เป็นนายอากรตำแหน่งขุนอินทร์ ได้ยักยอกทรัพย์หลวงมาปฏิสังขรณ์พระพุทธไสยาสน์จนถูกลงโทษ วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดพระนอนขุนอินทประมูล ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า และทรงแวะมานมัสการพระพุทธไสยาสน์ถึง 2 ครั้งและโปรดให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้เรื่อยมา
นอกจากพระนอนที่เป็นไฮไลท์ของวัดนี้แล้วภายในวัดยังมีโบราณสถานอื่นๆ อาทิ อุโบสถ ก่ออิฐถือปูนสมัยอยุธยา หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนหลังคาได้พังทลายลงมาเมื่อไม่นานมานี้ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายที่มีการพอกด้วยปูนปั้น และเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ติดกับอุโบสถทางด้านทิศตะวันตก ศิลปะสมัยอยุธยาส่วนยอดเจดีย์ได้มีการพังลงมาบางส่วน
ที่ตั้ง : ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/PdX6yveBC8s8gQpN7
เที่ยวกันจนเหนื่อยแล้วก็ถึงเวลานั่งพักจิบกาแฟ ทานขนมกันค่ะ ซึ่งร้านคาเฟ่ที่เราอยากแนะนำก็คือที่นี่เลย The Lao Cafe AngThong ร้านคาเฟ่ที่มีไฮไลท์คือวิวหลวงพ่อใหญ่วัดม่วง ที่สามารถนั่งชมได้จากตัวร้านกันเลยค่ะ โดยตัวร้านตั้งอยู่ริมถนน 3195 สายโพธิ์พระยา - อ่างทอง - ท่าเรือ ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวขจีพร้อมกับวิวของวัดม่วงที่โดดเด่นอยู่ตรงหน้า
The Lao Cafe AngThong เป็นร้านของ พี่เหมียว - ประทีป ดิษเจริญ อาจารย์ทางดนตรีที่หลงใหลในกาแฟและมีบุคลิคที่เฮฮาเป็นกันเองกับลูกค้า ซึ่งชื่อของร้านก็มาจากเมล็ดกาแฟที่นำเข้ามาจากประเทศลาว จาก "เทือกเขาโบลาเวน เมืองปากเซ" ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการผลิตกาแฟ โดยพี่เหมียวดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การคั่ว และนำมาให้คอกาแฟชาวไทยได้ลองลิ้มชิมรสกันที่ร้าน The Lao Cafe AngThong แห่งนี้
ภายในร้านจะแบ่งเป็นโซนเอาท์ดอร์ด้านนอกที่สามารถนั่งชิลริมบึงบัวชมหลวงพ่อใหญ่ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวขจีสุดอลังการ พร้อมกันนั้นยังมีมุมชิงช้า เปลตาข่ายให้เลือกนั่งกันอีกด้วยค่ะ
ส่วนด้านในจะเป็นโซนห้องแอร์ พร้อมกับมีเครื่องคั่วกาแฟให้เราชมอีกด้วย พี่เหมียวเล่าขั้นตอนกระบวนการผลิตกาแฟให้เราฟังตั้งแต่การเก็บเมล็ดสุกที่เรียกว่าเมล็ดเชอร์รี่จากต้น นำมาตาก จนเป็นกะลา แล้วนำมาสีเป็นเมล็ดกาแฟดิบ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการคั่วจากเครื่องคั่วกาแฟของร้าน ซึ่งทางร้านจะมีทั้งกาแฟคั่วอ่อนสำหรับกาแฟร้อนและเย็น กาแฟคั่วกลางสำหรับกาแฟเย็น และกาแฟคั่วเข้มสำหรับคอกาแฟแถวนี้ที่ชอบเข้มๆ ส่วนใครที่อยากซื้อเมล็ดกาแฟสดแบรนด์ของทางร้านสามารถมาซื้อไปชงกันได้เลยค่ะ ซึ่งความเก๋ของเขาคือจะใช้ชื่ออำเภอในอ่างทองแสดงถึงเมล็ดกาแฟในแต่ละตัวเช่น คั่วกลางจะใช้ "วิเศษวิโส" ที่มาจากชื่ออำเภอวิเศษชัยชาญ "ไชโย" สำหรับเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนที่มาจากชื่ออำเภอไชโย และ"ป่าโมก" สำหรับกาแฟคั่วเข้มที่เอาชื่อมาจากอำเภอป่าโมก แพ็คเก็จจิ้งก็ฮิปน่าซื้อมากๆ
ส่วนเมนูภายในร้านมีให้เลือกมากมายถูกใจคอเครื่องดื่มและทานขนม ซึ่งเครื่องดื่มก็มีให้เลือกทั้งเมนูกาแฟ ชา อิตาเลี่ยนโซดา สมูทตี้ เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแคลอรี่ต่ำ ไปจนถึงเมนูสุดพิเศษอีกมากมาย เรียกได้ว่าเอาใจคนรักเครื่องดื่มกันเลยทีเดียว ส่วนขนมก็มีให้เลือกทั้ง โทสต์ เครฟ วาฟเฟิล ขนมปังปิ้ง หน้าตาน่ากินและราคาไม่แพงอีกด้วยค่ะ วันนี้เราสั่งเมนูเครื่องดื่มพิเศษของทางร้าน ได้แก่ กาแฟดำมะพร้าวอ่อน (75 บาท) ที่ใช้ช็อตกาแฟลาวสุดเข้มข้นผสานกับน้ำมะพร้าวอ่อน ได้ความหวาน หอม เข้มข้น อร่อยมากๆ แก้วต่อมาเราสั่ง กาแฟดำส้มสด(75 บาท) ที่ใช้ช็อตกาแฟลาวกับน้ำส้มคั้นสดแท้ หวาน เปรี้ยวกำลังดี ตัดกับความเข้มของกาแฟลาวได้อย่างดีเยี่ยม แก้วสุดท้ายใครที่ไม่ดื่มกาแฟเราขอแนะนำ อัญชันโรสเลม่อน (65 บาท) เครื่องดื่มเรียกความสดชื่นที่มีส่วนผสมของน้ำอัญชัน กุหลาบ และเลม่อน หวานเปรี้ยวชื่นใจมากๆ ค่ะ ส่วนขนมเราสั่งฮันนี่โทสท์ (119 บาท) เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีวิปครีมและผลไม้สดทั้งกล้วย กีวี่ ส้ม บลูเบอร์รี่และ สตรอว์เบอร์รี อร่อยฟินสุดๆ
นอกจากนี้ภายในร้านยังมีจัดเทศกาลดนตรีที่จะมีดนตรีแจ๊ซให้ฟังเคล้าไปกับบรรยากาศท้องทุ่งนา และกาแฟหอม อร่อย ซึ่งอีเวนท์ของร้านเพื่อนๆ สามารถไปติดตามทางเพจของร้านได้เลยค่ะ เขาจะมีลงกิจกรรมให้เราได้เข้าร่วม อ๊ะ ลืมบอกอีกอย่างบริเวณด้านในร้านมีมุมขายอาหารตามสั่งซึ่งเราลองไปชิมแล้วขอบอกว่าอร่อยมากๆ คุณป้าเจ้าของร้านก็ใจดีสุดๆ ใครแวะมาเที่ยวอ่างทองลองมานั่งชิลที่ร้านนี้กันได้เลยค่ะ
ที่ตั้ง : ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
เปิด : ทุกวัน 7.00-18.30 น.
เบอร์ติดต่อ : 083 4266362
เฟ้สบุ้ค : https://www.facebook.com/TheLaoCafeAngThong/
พิกัด GPS : https://g.page/TheLaoCafeAngThong
อีกหนึ่งร้านน่ารักในอ่างทองที่เราอยากจะแนะนำเพราะความประทับใจในรสชาติรวมถึงความน่ารักเป็นกันเองของพี่เจ้าของร้านกับร้านพอฎีโฮมคาเฟ่ ซึ่งทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับตลาดศาลเจ้าโรงทองในอำเภอวิเศษชัยชาญ ใครแวะมาเที่ยวตลาดก็แวะมานั่งจิบกาแฟทานขนมอร่อยร้านนี้ได้เลยค่ะ
พอฎีโฮมคาเฟ่ ร้านคาเฟ่เล็กๆ สุดน่ารักของพี่อ้อมและพี่นิกส์ที่เปิดได้มาประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ ซึ่งที่มาของชื่อร้านพี่อ้อมเล่าให้เราฟังว่ามีความหมายถึงความพอดี ความสมดุล แต่ที่เลือกใช้ "ฎ" แทน "ด" มาจากความชอบส่วนตัวและอยากให้ชื่อร้านดูสะดุดตา สำหรับการตกแต่งร้านจะแบ่งเป็นสองโซนคือโซนอินดอร์ด้านในตกแต่งในสไตล์โฮมมี่ มีประตูกระจกบานเฟี้ยมที่จะเปิดรับลมในวันที่อากาศดี ที่นั่งในร้านมีทั้งแบบโซฟา โต๊ะเก้าอี้ และโต๊ะญี่ปุ่นพร้อมเบาะที่นั่งพื้น มีต้นไม้ฟอกอากาศที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น จึงทำให้เรารู้สึกเหมือนมาบ้านเพื่อนมากกว่ามาร้านคาเฟ่
ส่วนโซนด้านนอกจัดสวนและมุมถ่ายรูปชิคๆ สำหรับสายเซลฟี่ไว้บริเวนป้ายชื่อร้าน มีการจัดมุมเก้าอี้รอบกองไฟให้ถ่ายรูปกันอีกด้วย รับรองว่าได้ภาพเก๋ๆ กลับไปมากมายแน่นอน สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงก็สามารถพาน้องๆ มาเที่ยวที่ร้านได้ด้วยค่ะ แต่สงวนพื้นที่ด้านในร้านที่ไม่สามารถเข้าไปได้ ในเรื่องที่จอดรถก็หมดกังวลเพราะทางร้านมีลานจอดและสามารถจอดได้บริเวณริมถนนหน้าร้านรองรับได้ประมาณ 20-30 คันกันเลยทีเดียว
ในส่วนเมนูอาหารของทางร้านมีทั้งอาหารคาว เบเกอรี่ เครื่องดื่ม ซึ่งครั้งนี้เราสั่ง กาแฟอัญชันนมสด(60 บาท)ช็อตกาแฟจากเมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100% แหล่งปลูกจากภาคเหนือ รสเข้มผสมกับน้ำอัญชันนมสีฟ้านวล รสละมุนเข้ากับช็อตกาแฟได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกเมนูเราสั่งซัมเมอร์กรีน(70 บาท) มัทฉะแท้ 100% จากเมืองเกียวโตประเทศญี่ปุ่น รสชาติเข้มข้น หอมมัทฉะ ผสมผสานกับน้ำส้มสด หวาน อร่อย เป็นเมนูเรียกความสดชื่นได้อย่างดีทีเดียวค่ะ ส่วนเบเกอรี่เราสั่ง Flourless Choc Cake(110 บาท) เค้กช็อกโกแลตไร้แป้งเนื้อเค้กรสชาติเข้มข้นมากๆ ค่ะ ท็อปด้านบนด้วยครีมสดหวานน้อยและผลไม้สดอย่างบลูเบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่บอกเลยว่าจานนี้ฟินเกินต้านจริงๆ จานสุดท้ายเค้กส้มหน้านิ่ม(80 บาท) เค้กเนื้อนุ่มได้ความสดชื่นของส้ม หวานกำลังพอดี ดีต่อใจมากๆ
ที่ตั้ง : ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
เปิด : วันธรรมดา 9.30-15.00 น. / เสาร์ - อาทิตย 9.30-17.00 น.(หยุดทุกวันอังคารและพุธ)
เบอร์ติดต่อ : 084-3882384
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/H3VMigcPwKNxKxRaA
ปิดท้ายกับที่พักแนะนำสำหรับคนที่อยากลองมานอนอ่างทองแล้วจะพักที่ไหนดีเราขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ ที่นี่ มีดี รีสอร์ท ทำเลที่ตั้งอยู่ในตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ ใกล้ที่เที่ยวมากมาย อย่าง วัดม่วงขับรถจากที่พักไปประมาณ 10 นาที และใกล้ตลาดวิเศษชัยชาญ หรือตลาดศาลเจ้าโรงทองแค่ 5 นาทีเท่านั้น อีกทั้งที่พักยังได้รับสัญลักษณ์ SHA (Amazing Thailand Safety and Health Administration) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว โดยมีการวัดอุณหภูมิ มีบริการเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19
ซึ่งภายในที่พักบรรยากาศกว้างขวางและร่มรื่นมากๆ ค่ะ มีบ่อตกปลา ห้องประชุม ห้องสัมนา ร้านกาแฟ ร้านอาหารให้บริการ เหมาะกับการมาเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวและทำงานเป็นอย่างมาก สำหรับห้องที่เราเลือกพักคือห้องในโซนการ์เด้น โดยจะเป็นวิลล่าที่ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นน่านอนมากๆ มีให้เลือกทั้งเตียงเดี่ยวและคู่ ภายในห้องมีทีวีพร้อมเคเบิลทีวี ไดร์เป่าผม ตู้เย็น น้ำดื่ม 2 ขวด รองเท้าใส่ในห้อง ผ้าขนหนู และเตียงนุ่มหลับสบายมากๆ ส่วนในห้องน้ำจะแยกส่วนอาบน้ำและห้องสุขาเอาไว้ พร้อมมีประตูกั้นแยกห้องสุขา ภายในห้องสุขามีสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ ส่วนห้องอาบน้ำจะเป็นแบบชาวเวอร์พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นแบบหมุนปรับอุณหภูมิเอง น้ำแรง อุณหภูมิก็ปรับง่าย ภายในห้องน้ำจะมีสบู่ก้อนไว้ให้บริการ ส่วนด้านนอกห้องจะมีโต๊ะเก้าอี้สามารถนั่งทานอาหารได้ในบรรยากาศริมน้ำสุดร่มรื่น
สำหรับอาหารเช้าทางที่พักให้บริการข้าวต้มหมูรสชาติอร่อยพร้อมกับชากาแฟเติมได้ไม่อั้นบริเวณร้านอาหารริมบึงน้ำขนาดใหญ่ที่มีเปลตาข่ายยื่นออกไปให้นอนชิลริมน้ำได้ด้วยค่ะ
ที่ตั้ง : ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
ราคา : 600-1,500 บาท
เบอร์ติดต่อ : 094 131 8081
พิกัด GPS : https://g.page/meedeeresort?share
อ่างทองเมืองรองที่เราขอบอกว่าเป็นเมืองที่ประทับใจมากๆ เพราะใกล้กรุง เดินทางง่าย มีที่เที่ยวที่หลากหลายเอาใจทั้งสายทำบุญ สายประวัติศาสตร์ สายกิน สายชิล และสายถ่ายรูป รวมทั้งยังเป็นจังหวัดที่ผู้คนน่ารักมากๆ เพราะตลอดการเดินทางครั้งนี้เรามักจะได้รับรอยยิ้มและมิตรภาพดีๆ กลับมาอยู่เสมอ...มาอ่างทองระวังแค่เรื่องเดียวค่ะ ระวังหัวใจเอาไว้เพราะถ้าลองมาแล้วจะตกหลุมรักอ่างทองเหมือนกับเราตอนนี้
Tags: อ่างทอง เที่ยวอ่างทอง ที่เที่ยวอ่างทอง ไหว้พระอ่างทอง วัดอ่างทอง วัดสวยอ่างทอง ที่กินอ่างทอง ร้านอาหารอ่างทอง ร้านอร่อยอ่างทอง คาเฟ่อ่างทอง เมืองรองต้องลอง GOLOCALTHAILAND amazingไทยเท่ วัดม่วง ตลาดศาลเจ้าโรงทอง ตลาดวิเศษชัยชาญ ล่องเรือแม่น้ำน้อย วัดสี่ร้อย ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ บ้านหุ่นเหล็ก วัดขุนอินทประมูล The Lao Cafe AngThong พอฎีโฮมคาเฟ่ ที่นี่ มีดี รีสอร์ท ที่พักอ่างทอง โรงแรมอ่างทอง รีสอร์ทอ่างทอง
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 15 พ.ย. 2024 | 835 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 05 พ.ย. 2024 | 3,994 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 07 พ.ย. 2024 | 2,718 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 15 พ.ย. 2024 | 441 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 พ.ย. 2024 | 873 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 08 พ.ย. 2024 | 1,633 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 27 ต.ค. 2024 | 3,004 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน | 15 พ.ย. 2024 | 242 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน | 03 พ.ย. 2024 | 1,036 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 30 ต.ค. 2024 | 1,247 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 06 พ.ย. 2024 | 385 อ่าน