0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

เที่ยวกระบี่ ตอนที่1 : เมืองกระบี่และเกาะกลาง วิถีชุมชนเรียบง่าย เสน่ห์แห่งเมืองเขาขนาบน้ำ

calendar_month 03 ก.พ. 2014 / stylus Admin Chillpainai / visibility 56,554 / รีวิวที่เที่ยว

กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก ริมฝั่งทะเลอันดามัน

ที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามของทะเลเท่านั้น

แต่จริงๆแล้ว กระบี่ เมืองเขาขนาบน้ำแห่งนี้ มีเรื่องราว ความเป็นมา 

ทางประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์

มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ที่ผูกพันกับธรรมชาติมาอย่างยาวนาน

ก่อนที่จะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย

และอยู่ในชั้นแนวหน้าของแหล่งท่องเที่ยวเมืองไทย

 

 

ชิลไปไหนได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความงามของกระบี่ อย่างเจาะลึก
วันนี้ก็เลยอยากจะมาบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจนั้นให้เพื่อนๆได้อ่าน
เริ่มแรกเลย กับรีวิวที่เที่ยวต่างๆ ใน อ.เมืองกระบี่ ซึ่งจะเจาะลึกที่ "ชุมชนเกาะกลาง"
ต.คลองประสงค์ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นชุมชนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
อยู่ในเกาะกลาง ซึ่งเป็นเกาะจริงๆ อยู่กลางแม่น้ำกระบี่ ห้อมล้อมด้วยป่าชายเลน
ซึ่งผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอย่างสงบ เรียบง่าย กับอาชีพหัตถกรรม เกษตรกรรม

ลองมาสัมผัส เสน่ห์แห่งเมืองเขาขนาบน้ำ ที่ชุมชนเกาะกลาง ไปพร้อมๆกันเลยค่ะ karok_eat

 

   

 

เริ่มกันที่ลานปูดำ หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ "อนุสาวรีย์ปูดำ" ตั้งอยู่ที่ท่าเรือขนาบน้ำ 
จุดตรงนี้เป็นจุดชมวิวชั้นดี เพราะสามารถมองเห็นเขาขนาบน้ำ
ภูเขาสองลูกที่ตั้งอย่างโดดเด่นริมแม่น้ำกระบี่ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ด้วย
ใกล้ๆกับประติมากรรมปูดำ  ก็จะมี "อนุสาวรีย์นกออก"  หรือนกอินทรี นกประจำถิ่นที่นี่
ทั้งสองสิ่งนี้ถือเป็นสัตว์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของเมืองกระบี่

 

  

 

การเดินทางของเราวันนี้ ต้องนั่งเรือไปยังเกาะกลางค่ะ เกาะแห่งนี้อยู่กลางแม่น้ำ
ระหว่างทางก็จะเห็นแนวป่ายชายเลนที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่

 

 

การเดินทางมายังเกาะกลาง อ.เมือง จ.กระบี่

นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยวที่เกาะกลางแห่งนี้ สามารถเดินทางโดยนั่งเรือหางยาวข้ามฟาก
จากฝั่งตัวเมือง มายังเกาะกลาง โดยใช้บริการได้ 2 ท่า คือท่าเรือสวนสาธารณะธารา มายัง ท่าเรือท่าเล
โดยใช้เวลา 5 นาที และจากท่าเรือเจ้าฟ้า มายัง ท่าเรือท่าหิน ใช้เวลา 15 นาที เรือจะให้บริการตั้งแต่
6 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม เมื่อมาถึงแล้วเช้าจักรยาน หรือใช้บริการรถสามล้อ บริเวณท่าเรือท่าเล
เพื่อเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนรอบเกาะ ระยะทางรอบเกาะประมาณ 11 กิโลเมตร

 

 

สิ่งแรกที่ประทับใจเมื่อนั่งสามล้อไปตามถนนเล็กๆ ในเกาะกลาง
ก็คือการได้มองเห็นทุ่งนาที่เขียวขจี มองเห็นควายเล็มหญ้าอยู่ตามสองข้างทาง
และมีบ้านไม้ของชาวมุสลิมหลังเล็กๆ เรียงรายเป็นพักๆ ตลอดทางที่มา
ทำให้รู้สึกแปลกใจนิดๆว่า ที่เราอยู่ในเมืองริมทะเลหรือเปล่านี่ hahaha

 

 

จุดแรกที่เราไปชม ก็คือ การทำผ้าปาเต๊ะ เป็นการรวมกลุ่มของชาวบ้าน
ซึ่งได้แนวคิดและวิธีการทำผ้าปาเต๊ะมาจากจังหวัดปัตตานี
มีการผสมผสานกันระหว่างการทำผ้าปาเต๊ะของชาวมาเลย์ กับการทำผ้าบาติค
สีสันและลวดลายที่ออกมา มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

   

 

ขั้นตอนการทำ ก็คือ จะมีการทำบล๊อคโลหะขึ้นมา เป็นลวดลายตามที่อยากได้
ต้มเทียนให้ร้อน จุ่มบล๊อคโลหะลงในเทียนที่ร้อน แล้วพิมพ์ลงบนผ้า
จากนั้นก็จะถึงขั้นตอนการระบายสีลวดลาย ลงตามช่องให้เกิดสีสันสวยงาม

 

 

 

เมื่อสีแห้งแล้วจะพิมพ์ทับด้วยบล๊อคโลหะแบบปิดซึ่งจุ่มเทียนที่ร้อน เพื่อเป็นการปิดลาย
เพื่อนำผ้าไปย้อมสีพื้นต่อ ส่วนที่ถูกเทียนกันไว้ก็จะย้อมสีไม่ติดในบริเวณนั้น
จากนั้นก็นำไปต้มเพื่อนำเทียนออกจากผ้า แช่น้ำยากันสีตก ล้างน้ำและผึ่งให้แห้ง เป็นอันเสร็จขั้นตอน

 

 

เสน่ห์อย่างหนึ่งของชาวบ้านที่นี่คือมีความพิถีพิถัน และใส่ใจในการทำ
รวมไปถึงเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเรียนรู้ และทดลองทำผ้าปาเต๊ะด้วยมืองตัวเอง
และยังมีจำหน่ายสินค้าที่ทำจากผ้าปาเต๊ะ เช่น ผ้านุ่ง ผ้าคลุมไหล่ ผ้าเช็ดหน้า อีกด้วยค่ะ
ใครสนใจก็ลองติดต่อ คุณป้าประจิม โทร. 089-875-0697

 

จากนั้นก็นั่งรถสามล้อไปชม "ข้าวสังข์หยด" ข้าวที่ปลูกบนเกาะกลางแห่งนี้

 

  

 

เป็นข้าวนาปีที่ปลูกกันปีละครั้ง ดำนาช่วงสิงหาคม-กันยายน
เกี่ยวข้าวเดือนธันวาคม-มกราคม เวลา 6:00-9:00 น. และ 16:00-18:30 น.
ข้าวสังข์หยดถือเป็นขาวที่ขึ้นชื่อของกระบี่ มีรสชาดอร่อยกลมกล่อม
ใครสนใจลองติดต่อ บังประวัติ โทร. 086-943-4579

 

ถัดมา เราก็ไปชม "การทำเรือหัวโทงจำลอง"
ซึ่งเรือหัวโทงคือเรือที่ชาวบ้านชาวบ้านใช้ในการหาปลา ทำประมง และใช้ในการเดินทาง
เป็นเรือที่มีลักษณะพิเศษคือมีหัวเรือที่ยาว เพื่อรับกับสภาพทะเลที่มีคลื่นลมของทะเลอันดามัน
ปัจจุบันเรือหัวโทงมีทั้งแบบใบพายและเครื่องยนต์ค่ะ

 

 

 

เรือหัวโทงจำลองจากเกาะกลางนี้ ถือเป็นสินค้า otop ระดับ 4 ดาวเลยนะคะ
ถือเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียง เพราะเรือหัวโทงเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัดกระบี่
และมีขั้นตอนการทำที่ใช้มือล้วนๆ  ทุกชิ้นส่วน โครงสร้างที่ประกอบกันต้องใช้ความชำนาญมากๆจริงๆค่ะ
ใครที่สนใจชมการสาธิตและอยากจะทดลองทำดูบ้าง สามารถติดต่อ บังสมบูรณ์ โทร. 081-569-0224

 

 

 

แวะทานอาหารกันสักหน่อย ที่ร้าน "บ้านมะหญิง" ร้านอาหารอร่อยอยู่บนเกาะกลางค่ะ
มีเมนูอาหารที่ขึ้นชื่อหลายอย่าง เช่น กุ้งอบซอส แกงใต้ รวมไปถึงของดีเมืองกระบี่ "หอยชักตีน"

 

    

 

 

เรานั่งเรือกลับมาสู่ฝั่งเมือง แต่ว่า เราจะพลาดแลนด์มาร์คที่สำคัญของวันนี้ไปไม่ได้เลย
นั่นก็คือ "เขาขนาบน้ำ" ภูเขาหินปูนสองลูกที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ 
ท่านสามารถเหมาเรือจากท่าเรือเจ้าฟ้า  หรือท่าเรือสวนสาธารณะธาราก็ได้  
พี่ๆ คนขับจะพาคุณไปดื่มด่ำธรรมชาติบริสุทธิ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งด้านในจะมีถ้ำ หินงอกหินย้อย
มีหลักฐานการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ และที่แห่งนี้เคยใช้เป็นฐานที่ตั้งของทหารญี่ปุ่น
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วยล่ะ

 

 

 

 

นั่งเรือมาตามแม่น้ำกระบี่กลับสู่ท่าเรือดั่งเดิม และเพื่อให้อินกับประวัติศาสตร์เมืองกระบี่กันอีกสักนิด
แนะนำให้เพื่อนๆมาเที่ยวชม "กำแพงประวัติศาสตร์เมืองกระบี่" ซึ่งตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด

 

 

กำแพงประวัติศาสตร์เมืองกระบี่แห่งนี้ สร้างขึ้นในโอกาสครบรอบ 141 ปีแห่งการจัดตั้งเมืองกระบี่ 
เพื่อเป็นสื่อเล่าเรื่องถึงความเป็นมาของจังหวัดกระบี่ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ตัวกำแพงจะแบ่งออกเป็นช่องๆ ทั้งหมด 28 ช่อง แต่ละช่องจะมีภาพประติมากรรมนูนต่ำ
และมีเนื้อหาประกอบภาพบรรยายเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ข้างเคียงกัน
ความยาวตัวกำแพงรวม ประมาณ 250 เมตร ความสูงประมาณ 2.50 เมตร 

 

  

 

 

ดื่มด่ำกับการท่องเที่ยวในวันนี้มาพอสมควร พอเวลาเข้าสู่ช่วงค่ำคืน
ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักจะหาที่เดินเล่น ช้อปปิ้ง ทานอาหารกันแล้ว
ที่กระบี่ก็มีถนนคนเดินกระบี่นะคะ ซึ่งจะมีทุกวันศุกร์-อาทิตย์  เวลาประมาณ 17.00-22.00 น.
ทำเลอยูที่ ถ. มหาราช  ซอย 8 ใกล้ห้างโวค ถนนคนเดินที่นี่จะมีเวทีกิจกรรม
รวมไปถึงร้านรวงต่างๆ ทั้งของใช้ ของกิน สินค้าที่ระลึกมากมาย
รับรองใครเดินต้องมีกระเป๋าเบากันไปบ้าง

 

  

 

ไก่กอแระ ไก่ย่างขึ้นชื่อของที่นี่ มองไปอีกร้านก็มีเมนูอาหารซีฟู้ดมากมาย ย่างกันจะจะตรงนั้น

 

   

 

 

อย่าเพิ่งอิ่มจ้า เพราะเราจะให้คุณเผื่อท้องไว้ทานอาหารค่ำของเราวันนี้ที่ "ร้านอาหารอัญชลี"
ร้านอาหารใจกลางเมืองที่มีบรรยากาศร่มรื่น อาหารอร่อย แกงส้มปลากระพงยอดมะพร้าว สะตอผัดกุ้ง 
ยำถั่วพลู หอยชักตีน น้ำพริกกุ้งเสียบ และอีกมากมาย  นับเป็นอีกหนึ่งร้านแนะนำเมื่อมากระบี่ค่ะ

 

    

 

 

ตบท้ายด้วยของหวานที่ "ตลาดโต้รุ่งท่าเรือเจ้าฟ้า" ตลาดโต้รุ่งที่คึกคัก เต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย
เรียกได้ว่าที่นี่ถือเป็นสวรรค์แห่งอาหารราคาย่อมเยาของนักเดินทางทั้งไทยและต่างชาติเลยค่ะ

เมนูต่อไปนี้น่าจะทำให้หลายคนฟินเบาๆ ก็คือ "ขนมโตเกียว-ขนมเบื้อง ตลาดโต้รุ่งท่าเรือเจ้าฟ้า"
เป็นร้านค้าเล็กๆ ที่ขายโดยคุณลุงคุณป้า สามีภรรยาคู่หนึ่ง คุณลุงขายขนมโตเกียว คุณป้าขายขนมเบื้อง
เปิดขายกันมาตั้งแต่สมัยหนุ่มสาว ราคาก็ไม่แพง โตเกียว 6 ชิ้น  20บาท  มีไส้เผือกและสังขยา
แป้งนุ่ม ไส้หวาน ส่วนขนมเบื้องก็หวานกรอบอร่อยมากๆค่ะ

 

   

 

อีกหนึ่งเมนูของหวานที่พลาดไม่ได้ เฉกเช่นเดียวกับไปตลาดโต้รุ่งหัวหินแล้วต้องทานไอศกรีมป้านิ
ที่กระบี่ก็มีร้านไอศกรีมขึ้นชื่อเหมือนกัน !!  นั่นก็คือ "ร้านไอศกรีมเจ๊ไหม" ร้านไอศกรีมเจ้าเด็ด 
ขายมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี โดยไอศกรีมจะมี 2 รส คือ รสกะทิสดและช็อคโกแลต รสชาติหวานหอม
ราคาถ้วยละ 25-30 บาทเท่านั้น ร้านนี้ขอบอกเลยว่า ช้าหมด อดทานนะจ๊ะ !!

 

 

 

 

ปิดทริปกระบี่วันแรกไปแบบฟินๆ เพราะทานเยอะเหลือเกิน เอ้ยย...
นอกจากทานเยอะ แล้วก็เที่ยวเยอะด้วยจ้าาา hahaha

 

หวังว่าเพื่อนๆจะได้ข้อมูลนำไปลองเที่ยวกันดูเองบ้างนะคะ ส่วนในสกู๊ปกระบี่ตอนต่อไปนั้น

เราจะพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวที่ อ.อ่าวลึก แบบเจาะลึก  ซึ่งจะมีถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามและยังสมบูรณ์ที่สุด

รวมไปถึงภาพเขียนประวัติศาสตร์ตามผนังถ้ำกลางทะเล เรียกได้ว่ามีมากมายให้เราไปค้นหาค่ะ

 

 

 


 

จองที่พักกระบี่แบบออนไลน์

 

ไอส์ลันดา อีโค่ วิลเลจ รีสอร์ท (Islanda Eco Village Resort) เกาะกลาง

 

agoda_but.jpg booking_but.jpg


 

อ่าวนาง ปริ๊นซ์วิลล์ รีสอร์ท แอนด์ สปา (Ao Nang Princeville Resort and Spa) 

 

agoda_but.jpg booking_but.jpg
 

 

บุหงา ธานี รีสอร์ท แอนด์ สปา (Bhunga Thani Resort and Spa) อ่าวไร่เลย์

 

agoda_but.jpg booking_but.jpg
 

 

เรื่องและภาพ This road is mine

 

 



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai