calendar_month 09 เม.ย. 2021 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 38,706 / ทริปตัวอย่าง
สระแก้วมีอะไรอ่ะ???
เขาไปเที่ยวอะไรในสระแก้วกันนะ???
สระแก้วมีโรงเกลือใช่มะ แล้วมีอะไรอีกเหรอ???
ยอมรับเลยว่านี่คือความคิดแรกของเราก่อนที่จะเดินทางไปสระแก้ว ซึ่งถ้าพูดถึงสระแก้ว สิ่งแรกที่นึกถึงคือเมืองชายแดนที่มีตลาดอย่างโรงเกลือ แต่ด้วยคำชักชวนของเพื่อนสาวชาวสระแก้วที่บอกให้เราลองทิ้งความคิดเก่าๆ แล้วลองมาเที่ยวสระแก้วในมุมมองใหม่ มาค้นหาความสวยงามของสระแก้วที่แตกต่างจากแบบเดิม แล้วจะรู้ว่าสระแก้วนั้นดีงามไม่แพ้ใคร ด้วยคำท้าในวันนั้นจึงก่อเกิดเป็นทริปเที่ยวสระแก้ว 3 วัน 2 คืน ในครั้งนี้
ทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆ เปลี่ยนภาพสระแก้วที่เคยรู้จัก แล้วก้าวออกไปค้นหาสระแก้วในมุมมองใหม่พร้อมไปด้วยกันเลยค่ะ
ไฮไลท์ : เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ชมวิวสุดอลังกาลสวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์
ทริปนี้เพื่อนสาววางแพลนให้เราออกจากกรุงเทพฯ แต่เช้า ขับรถมุ่งสู่จุดหมายแรกนั่นก็คืออำเภอเขาฉกรรจ์ ในจังหวัดสระแก้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็เดินทางมายังสวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์ เช้าๆ แบบนี้พวกเราเตรียมเทรกกิ้งบนเส้นทางไปยังจุดชมวิวสวนรุกชาติเขาฉกรรจ์ซึ่งเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเขาฉกรรจ์นั้นมีมุมนี้ด้วยเหรอเนี่ย
ซึ่งผู้นำทางครั้งนี้คือพี่ๆ เจ้าหน้าที่ของสวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์ กรมอุทยานแห่งชาติที่พาเราไปสำรวจที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดสระแก้ว โดยเส้นทางขึ้นเขามีระยะทางประมาณ 500 เมตรค่ะ เส้นทางนี้ความยากระดับปานกลางไม่ยากมาก มีบางช่วงที่ต้องปีนป่ายบ้าง แต่ค่อนข้างเดินสบายค่ะ ระหว่างทางก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มากมาย
ระหว่างที่เราเดินขึ้นไป เราก็สอบถามพี่ๆ เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องราวประวัติความเป็นมา และความหมายของชื่อภูเขาลูกนี้ ซึ่งทางพี่เจ้าหน้าที่เล่าให้เราฟังว่า เขาฉกรรจ์นั้นเป็นภูเขาหินปูนดึกดำบรรพ์อายุราว 2-4 พันปี ที่เรียงตัวกันประกอบไปด้วยภูเขา 3 ลูก ได้แก่ เขาฉกรรจ์ซึ่งเป็นลูกที่ใหญ่ที่สุดตรงกลาง ขนาบด้วยภูเขามิ่งและเขาผา ส่วนที่มาทำไมถึงชื่อว่าเขาฉกรรจ์นั้นว่ากันว่ามาจากพิธี "ฉอ-กัณฑ์" โดยพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ตอนนั้นพระองค์ท่านยังดำรงตำแหน่งเป็นพระยาวชิรปราการ เพื่อกอบกู้เอกราชตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 โดยพิธีนี้จะมีการเพ่งกสิณเพื่อเรียกจิตภูตของชุมนุมทั้ง 5 พร้อมกับทำพิธีตัดไม้ข่มนาม ส่งผลให้สามารถยกทัพไปตีชุมนุมทั้ง 5 และกอบกู้เอกราชสำเร็จ ต่อมาได้เพี้ยนจาก "ฉอ-กัณฑ์" เป็นคำว่า "เขาฉกรรจ์" จนถึงปัจจุบัน
ตลอดเส้นทางเราจะได้พบกับถ้ำ และหินงอกกินย้อยมากมาย รวมถึงเหล่าหอยหอมที่มารวมตัวกลายเป็นสุสานหอย ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่เล่าให้เราฟังว่าหอยหอมพวกนี้สามารถกินได้ด้วยนะ อร่อยอย่าบอกใครเลยเชียว
เดินมาไม่นานเราก็ถึงจัดชมวิวสวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์แล้วค่า ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่บอกเราว่าตรงนี้ชาวบ้านเรียกว่าผาหงส์เหินเพราะเคยเห็นสัตว์ที่ลักษณะเหมือนหงส์บินร่อนลงไปด้านล่าง แต่ความจริงคือไก่ฟ้าที่บินลงไป ไม่ใช่หงส์ ซึ่งจากมุมนี้เราสามารถมองเห็นเห็นพื้นที่อำเภอต่างๆ ของสระแก้วนั่นก็คือ อำเภอเขาฉกรรจ์ อำเภอเมือง อำเภอวังน้ำเย็น และอำเภอวัฒนานครได้จากมุมสูง พี่เจ้าหน้าที่เล่าให้เราฟังว่าในช่วงปลายฝนต้นหนาวในยามเช้าที่นี่จะมีหมอกปกคลุมและเป็นจุดที่ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงามมากๆ
ส่วนเส้นทางเดินลงพี่ๆ เขาพาเราไปลงอีกทางค่ะ เพื่อจะพาเราไปชมหินเต่า และต้นสมพงษ์ยักษ์ที่เราขอยกให้เป็นเส้นทางอันซีนในทริปนี้กันเลย
หินเต่า ซึ่งเป็นหินงอกหินย้อยลักษณะเหมือนหัวเต่าที่ห้อยลงมา แปลกตามากๆ
เสาหินธรรมชาติความสวยงามที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมา
ต้นสมพงษ์ยักษ์ที่ตระหง่านยิ่งใหญ่ภายในป่า ที่ทำให้เรารู้ว่าเราเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ เมื่อเทียบกับธรรมชาติเบื้องหน้า
จากนั้นเดินทางต่อไปยังอีกหนึ่งจุดเช็คอินสุดฮิตของเขาฉกรรจ์นั่นก็คือถ้ำทะลุ ตั้งอยู่ที่วัดถ้ำเขาฉกรรจ์โดยมีลักษณะเป็นรูขนาดใหญ่ทะลุไปถึงอีกด้านหนึ่ง โดยเราจะต้องเดินขึ้นบันได้กว่า 300 ขั้นเพื่อไปยังถ้ำทะลุด้านบน
ระหว่างทางก็ได้รับการทักทายจากเหล่าบรรดาลิงแสม ที่รอดักอาหารจากพวกเราซึ่งถ้าเราไม่ได้ให้อาหารพวกนางก็จะไม่ค่อยมายุ่งกับพวกเรา แต่ให้ระมัดระวังกล้อง หมวก กระเป๋ากันไว้ด้วยนะคะ
เดินไม่นานก็มาถึงถ้ำทะลุด้านบน ลมเย็นสบาย มองเห็นวิวสวยๆ ของจังหวัดสระแก้วได้อย่างงดงาม
ที่ตั้ง : สวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์ ตำบลเขาฉกรรจ์ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว
เบอร์ติดต่อ : 09-6981-2145
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/5F9mBXrUka5QuHNJ8
ไฮไลท์ : ชมวิธีการแปรรูปสมุนไพร เดินชมสวนกล้วยไข่ และชุมชนสุดน่ารัก
จากอำเภอเขาฉกรรจ์เราเดินทางต่อมายังอำเภอคลองหาด จ.สระแก้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที เราก็ได้พบกับชุมชนสุดน่ารักติดชายแดนกัมพูชาที่บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาหินปูน ทุ่งเกษตรกรรมและบรรดาเหล่าดอกไม้ที่ผลิดอกงดงาม ทำให้มีความรู้วึกว่าที่นี่มีความคล้ายคลึงวังเวียงประเทศลาวเลยล่ะค่ะ
เรามุ่งหน้ามายังโครงการศึกษาและพัฒนาสมุนไพรเพื่อการวิจัย สำนักกิจกรรมพิเศษ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์เพื่อชมกรรมวิธีการแปรรูปสมุนไพร ซึ่งที่บ้านทับทิมสยาม05 แห่งนี้มีการรวมกลุ่มผู้ปลูกสมุนไพรบ้านทับทิมสยาม05 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 มีสมาชิกแรกเริ่มทั้งหมด 26 คน โดยทางสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ได้เข้ามาอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกด้านกระบวนการปลูกและการแปรรูปสมุนไพร และได้รับการจัดสรรพื้นที่ เพื่อปลูกสมุนไพร อาทิ ไพล ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร รางจืด ดอกคำฝอย อัญชัน และฝาง เป็นต้น
พอชาวบ้านปลูกสมุนไพรได้แล้วก็นำสมุนไพรเหล่านี้มาจำหน่ายให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรทับทิมสยาม05 เพื่อนำสมุนไพรสดมาแปรรูปเป็นสมุนไพรอบแห้งหรือสมุนไพรตากแห้ง และมีการนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน อาทิ ลูกประคบ, น้ำมันไพล, เครื่องดื่มจากสมุนไพร, สบู่, ยาหม่องไพล,ยาหม่องเสลดพังพอน อีกส่วนหนึ่งก็จะนำสมุนไพรแห้งมาบรรจุถุงส่งให้กับลูกค้าของกลุ่ม เช่น โรงพยาบาลแพทย์แผนไทยวังน้ำเย็นและโรงพยาบาลอภัยภูเบศร
วันนี้เราเลยได้อุดหนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชนทับทิมสยาม05 ไปมากมายมายเลยค่ะ ทั้ง ลูกประคบ ยาหม่อง ยาหม่องน้ำ ดอกเก๊กฮวย ฝาง มะตูมแห้งที่สามารถไปชงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรได้ด้วย ราคาก็ไม่แพงค่ะ แถมยังคุณภาพดีอีกด้วย
ชมกรรมวิธีผลิตสมุนไพรกันแล้วผู้ใหญ่มะโน เนยสูงเนิน ก็พาเราไปชมบรรยากาศของหมู่บ้านรวมถึงสวนกล้วยไข่ที่มีการปลูกกว่า 300 ไร่ เพื่อส่งขายให้กับล้งที่มารับซื้อ เราได้ลองชิมกล้วยไข่ของที่นี่ด้วยค่ะ บอกเลยว่าหวานอร่อยมากๆ
ที่ตั้ง : วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสมุนไพรทับทิมสยาม05 ตำบลคลองไก่เถื่อน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว
เบอร์ติดต่อ : 09-3025-5807
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/MHfsc1QPF9KpiYew5
ไฮไลท์ : ไหว้แม่ย่าซอมศูนย์รวมใจของชาวคลองหาด
ออกจากชุมชนทับทิมสยามแล้ว เพื่อนสาวก็ชวนเราแวะไหว้แม่ย่าซอม เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยเมื่อมาเยือนอำเภอคลองหาด ที่วัดแม่ย่าซอม ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
พอมาถึงก็สัมผัสได้ถึงแรงศรัทธาของชาวบ้าน ที่ได้ร่วมกันสร้างศาสนสถาน และศาสนวัตถุมากมายภายในวัดแม่ย่าซอม ไม่ว่าจะเป็น องค์พระพิฆเนศสีทององค์ใหญ่ พระราหูที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทพทันใจ เรียกว่ามาวัดนี้วัดเดียวสายมูได้สักการะขอพร ขอโชคขอลาภกันครบเลยค่ะ
ส่วนศาลแม่ย่าซอมจะตั้งอยู่บริเวณด้านในของวัดค่ะ มีพานดอกไม้ ธูปเทียนให้เราได้สักการะย่าซอมตามกำลังศรัทธา โดยชาวคลองหาดเชื่อว่าท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ ในการอำนวยพรในเรื่องการค้าขาย ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ขอพรให้หายจากอาการเจ็บป่วย วันนี้เราเลยขอพรคุณย่ามากมายในเรื่องความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ที่ตั้ง : วัดแม่ย่าซอม ตำบลคลองหาด อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/mrC9MsSQPTXbTbKm7
ไฮไลท์ : ร้านคาเฟ่บรรยากาศสุดเก๋า พร้อมเสิร์ฟความอร่อยที่ทำจากใจ
อาหารเย็นวันนี้เราขับรถแวะมาทานที่ร้านโกดัง 9 คาเฟ่ Warehouse no.9 ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอวัฒนานคร ทางผ่านที่เราจะเดินทางไปยังที่พักคืนนี้ที่อรัญประเทศ
ร้านนี้ก็ได้เพื่อนสาวคนเดิมอีกนั่นแหละที่แนะนำว่า แกรรรร ต้องไปร้านนี้ให้ได้เลยนะ อาหารและขนมอร่อยมากๆ เครื่องดื่มก็ดีงาม เราเลยไม่พลาดขับไปหามื้อเย็นอร่อยๆ ในวันนี้กันค่ะ โดยตัวร้านทำเป็นเหมือนโกดังขนาดใหญ่ดีไซน์แบบวินเทจ มีให้เลือกนั่งทั้งในห้องแอร์และด้านนอกแบบเปิดผนังโล่งไม่มีแอร์ ก่อนเข้าร้านน้องพนักงานก็มีการตรวจวัดอุณหภูมิ พร้อมให้เราเช็คอินผ่านเว็บไซต์ไทยชนะ หรือลงชื่อในสมุดอย่างเคร่งครัด
มีมุมให้เลือกนั่งทั้งในห้องแอร์ และด้านนอก บรรยากาศโปร่งโล่ง พร้อมกับจัดมุมน่ารักให้ถ่ายรูปสไตล์ย้อนวันวาน สมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาว ซึ่งบรรดาของสะสมต่างๆ ล้วนเป็นของคุณพ่อของคุณตอง-วัชรพงษ์ สุวิทยพันธุ์ เจ้าของร้าน คุณตองเล่าให้เราฟังว่าแต่เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่เก็บพืชพันธุ์ทางการเกษตรซึ่งเป็นธุรกิจของที่บ้าน และได้มาปรับปรุงให้เป็นร้านโกดัง 9 คาเฟ่ได้ประมาณ 6-7 เดือน ซึ่งร้านนี้ก็เกิดจากการทำงานร่วมกันของครอบครัว มีคุณแม่ที่คอยดูเมนูอาหาร ส่วนพี่สาวจะดูเมนูขนมหวาน
พอเปิดเมนูมามีให้เลือกมากมายเลยค่ะ อยากทานซะทุกอย่างแถมราคายังไม่แพงอีกด้วย อาหารตามสั่งก็มีให้เลือกทาน ราคาเริ่มต้นที่จานละ 50 บาทเท่านั้น มื้อนี้เราเลยสั่งอย่างเต็มที่เพราะใช้พลังงานกันมาเยอะทั้งวัน เริ่มต้นด้วยเมนูแรกกับ"แกงส้มชะอมกุ้ง"(220 บาท) เสิร์ฟมาในหม้อไฟที่ให้เยอะมากๆ รสชาติเข้มข้นเนื้อกุ้งชิ้นโตใส่มาไม่ยั้ง ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยสุดๆ
"ต้มยำรวมมิตรทะเล"(180 บาท) ตัวน้ำต้มยำข้นอร่อย พร้อมกุ้ง หมึกเนื้อสดหวาน
"ปลาช่อนลุยสวน"(350 บาท) ตัวใหญ่จนต้องร้องโอ้โหววววออกมา เนื้อปลาช่อนหวานอร่อยเครื่องลุยสวนก็แซ่บสุดๆ
"บล็อกโคลี่ผัดกุ้ง" (120 บาท) ที่ให้กุ้งตัวโตๆ ผัดมาในรสชาติกลมกล่อม
"กุ้งอบวุ้นเส้น" (180 บาท) กลิ่นหอมยั่วยวนมากๆ ตัววุ้นเส้นรสชาติเข้มข้น หอม ทานกับกุ้งอร่อยมากๆ
ยกความแซ่บให้จานนี้กันเลยกับ "กุ้งแช่น้ำปลา" (180 บาท) เนื้อกุ้งสดมากๆ ตัวน้ำยำรสจัดจ้านทานกับมะระสดขมๆ ตัดกันได้ดี
"ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน"(250 บาท) เสิร์ฟมาในมะพร้าวลูกใหญ่ ภายในอัดแน่นไปด้วยห่อหมกทะเลที่ผสมกับเนื้อมะพร้าว ได้ความหอม มัน เผ็ดนิดๆ อร่อยอย่าบอกใครเลย
แต่ที่เลิฟสุดๆ ขอยกให้"ข้าวผัดปู" (180 บาท) ราคาไม่แพง จานใหญ่และให้เนื้อปูมาแบบเยอะจัดเต็ม ตักไปตรงไหนก็เจอแต่เนื้อปู ปิดท้ายสเต็กกันค่ะกับ "สเต็กหมูพอร์คชอป" (159 บาท) จานใหญ่เสิร์ฟมาพร้อมมันฝรั่งทอด สลัดผักสด ทั้งหมดนี้เราว่าสามารถทานได้เกือบสิบคนกันเลยทีเดียวเพราะจานใหญ่บิ๊กเบิ้มมากๆ
ของคาวหมดไป ก็รีบสั่งของหวานกันระรัว ผู้ชายในทริปถึงกับเอ่ยถามว่าไม่อิ่มเหรอ เราเลยบอกไปว่ากระเพาะของหวานกับของคาวของเรามันแยกกัน ก็เพราะเจ้าเพื่อนสาวโฆษณาไว้เยอะว่าขนมร้านนี้อร่อยมากๆ โดยเฉพาะครัวซองนะเว้ยแกรรรร ซื้อกลับบ้านไปเลย กลับกทม.ก็ยังอร่อย เราเลยไม่ยอมแพ้สั่งของหวานมาเต็มโต๊ะ อาทิ "คาปูชิโน่ชีสเค้ก" (125 บาท) เค้กที่รสนุ่มนวลแบบคาปูชิโน่ เพิ่มความละมุนด้วยชีสเค้กอร่อยฟินมากๆ
"เค้กเบียร์ดำ"(135 บาท) ตัวเนื้อเค้กทำจากเบียร์ดำหอม เนื้อนุ่มอร่อย ตัดด้วยความเค็มของชีสด้านบนเข้ากันสุด
"โทสต์นูเทลล่าสตรอว์เบอร์รีกล้วย"(120 บาท) โทสต์ชิ้นโต เสิร์ฟมาพร้อมกล้วย วิปครีม ท็อปด้วยไอศกรีม สตรอว์เบอร์รีสด ราดด้วยช็อกโกแลตอร่อยตาแตกกันไปเลย
"No.9 ครอฟเฟิล"(160 บาท) เมนูขนมหวานยอดฮิตสไตล์เกาหลีที่หาทานได้ยากมากๆ ซึ่งตัวแป้งจะเป็นลูกผสมระหว่างครัวซองและวาฟเฟิล ท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาหวานเย็นอร่อยสุดๆ
ส่วนครัวซองของที่นี่มีรสชาติให้เลือกเยอะมากๆ ค่ะ เราสั่งมาสองตัวนั่นก็คือ "ครัวซองไข่เค็มลาวา"(95 บาท) เมนูนี้ดีงามสมคำโฆษณาของยัยเพื่อนสาวมากๆ เนื้อครัวซองกรอบนอกนุ่มใน พอผ่าออกมาเนื้อไข่เค็มลาวาไหลออกมาเลยค่ะ ต่อด้วย "ครัวซองคาราเมลแมคคาเดเมีย"(125 บาท) ที่ใส่เนื้อแมคคาเดเมียมาให้เราเยอะมากๆ อร่อยฟินลื้มมมมม เราว่าครัวซองของร้านนี้อร่อยสู้กับร้านดังๆ ในกรุงเทพฯ ได้ดีเลยค่ะ เมนูขนมอื่นๆ ของร้านก็อร่อยจริงๆ นี่แอบอยากให้เขาไปเปิดในกทม.บ้างจัง
ที่ตั้ง : โกดัง 9 คาเฟ่ (Warehouse no.9) ตำบลท่าเกวียน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
เปิดบริการ : ทุกวัน 9.00-22.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 0865595982, 0931569490
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/5dQzsF9jQenZ8DUx6
ทานอาหารเสร็จแล้วเราก็เดินทางต่อมายังที่พักในคืนนี้ค่ะที่ La Villa Boutique Hotel ที่ตั้งอยู่ที่อำเภออรัญประเทศสระแก้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที กลับมาถึงก็เพลียกันมากมาย เลยขอตัวไปนอนก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะมารีวิวความดีงามของโรงแรมนี้ให้ฟัง
ไฮไลท์ : ที่พักสไตล์ทอสคาน่าสุดน่ารักในสระแก้ว
เช้าวันที่สองค่ะ ก่อนจะพาไปทานอาหารเช้า ขอทำตามสัญญาเมื่อวานที่ให้ไว้โดยการรีวิวที่พักเมื่อคืนให้เพื่อนๆ ได้ชมกันค่ะที่ La Villa Boutique Hotel ซึ่งเมื่อคืนตอนเช็คอินเข้าพักทางที่พักได้มีมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าพักซึ่งที่นี่เป็นที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA ( Amazing Thailand Safety and Health Administration) จึงเชื่อมั่นได้เลยว่าที่นี่มีมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด
การตกแต่งของที่นี่จะเป็นสไตล์ทอสคาน่าแคว้นหนึ่งของประเทศอิตาลี โดยตัวอาคารต่างๆ ของที่พักคุมคอนเซ็ปต์ความเป็นทอสคาน่าได้แบบเก็บทุกรายละเอียดมากๆ ค่ะ
ห้องพักที่เราพักค่ะ กับห้อง Suite Pool View ห้องนี้ะติดสระว่ายน้ำเลย เปิดประตูปุ๊บก็ลงสระได้เลยเริ่ดดดด สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องก็เพียบพร้อมทั้ง ทีวี ตู้เย็น สัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟ ผ้าเช็ดตัว เครื่องทำน้ำอุ่น สบู่เหลวและแชมพูสระผสม
นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายให้เราได้เลือกใช้บริการทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ออนเซ็น(ค่าบริการ 320 บาท/ท่าน) ร้านกาแฟ และห้องอาหารเช้า สำหรับอาหารเช้าจะให้บริการบริเวณชั้น 2 ของอาคาร KORBUA ตัวอาคารยังคงคอนเซ็ปต์ดีไซน์สไตล์ทอสคาน่า บอกเลยว่าไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวย ซึ่งอาหารเช้าจะเป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ มีเมนูหลากหลายมากๆ ทั้งอาหารไทย ข้าวต้ม ไข่ แฮม ไส้กรอก ขนมปังปิ้งพร้อมเนยและแยม สลัด ผลไม้ คอนเฟล็กและนม น้ำผลไม้ ชากาแฟ วาฟเฟิล เรียกว่าเป็นมื้อเช้าที่อิ่มอร่อยมากๆ โดยห้องอาหารเช้าจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7.00-10.00 น.
ที่ตั้ง : La Villa Boutique Hotel ถนนบ้านโคก ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ราคา : 980 - 1,680 บาท
เบอร์ติดต่อ : 089-832-8088,037-232-666
พิกัด GPS : https://g.page/LaVillaBoutiqueHotelAran?share
ไฮไลท์ : ลิ้มรสรสชาติอาหารเวียดนามแท้ๆ ที่อร่อยจนต้องยกนิ้ว
หลังจากทานอาหารเช้าในโรมแรมนอนกลิ้งตัวกันไปมาก็ถึงเวลาจะต้องเช็คเอาท์แล้วล่ะค่ะ ก่อนเดินทางออกจากอำเภออรัญฯ เราก็แวะทานอาหารเวียดนามที่ร้านแอมซัน อาหารเวียตนาม ร้านนี้เจ้าของร้านคือคุณนุ้ย-ชลิตา สมองาม ทายาทรุ่นที่สามลูกหลานของชาวเวียดนาม ซึ่งคุณยายของคุณนุ้ยเป็นคนเวียดนามแท้ๆ ที่อพยพมาอยู่ที่สระแก้ว ซึ่งบริเวณนี้นั้นมีชุมชนเวียดนามและร้านอาหารเวียดนามให้เลือกทานมากมายเลยล่ะค่ะ
แต่ที่เราสะดุดตากับร้านนี้คือความเก๋ไก๋ที่ผสมสานบ้านแบบดั้งเดิม วัฒนธรรมของชาวเวียดนาม ความโมเดิร์นได้อย่างน่านั่งและลงตัว สังเกตจากตัวอาคารของร้านที่ทำจากสังกะสี ความเก๋คือมีจักรยานที่ทำให้นึกถึงประเทศเวียดนามตกแต่งอยู่ พอเข้ามาในตัวร้านก็พบกับภาพวาดบนแผ่นไม้รูปสาวเวียดนามในชุดอ๋าวหญ่ายชุดประจำชาติของเวียดนามให้เราได้ถ่ายรูปเก๋ๆ เช็คอิน
ครัวของร้านจะอยู่บริเวณด้านหน้าร้านเลยค่ะ บนเพดานเก๋ไก๋ด้วยการตกแต่งด้วยกระด้ง คุณนุ้ยเล่าให้เราฟังว่าแต่เดิมคุณแม่เคยเปิดร้านอาหารเวียดนามในกรุงเทพฯ แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจในสมัยนั้นทำให้คุณแม่กลับมาเปิดร้านที่สระแก้วในปี 1999 โดยใช้พื้นที่ด้านหน้าโรงรถของคุณตาทำร้านอาหารเวียดนามเล็กๆ ขึ้นกับคุณยายกว่า 20 ปี ต่อมาหลังเรียนจบคุณนุ้ยเรียนได้กลับมารีโนเวทร้านเดิม ปรับปรุงร้าน และสูตรอาหารให้มีความทันสมัย เพิ่มเมนูต่างๆ แท้ๆ จากเวียดนามให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ซึ่งสูตรอาหารเวียดนามของทางร้านจะเป็นสูตรของเวียดนามใต้ และเป็นร้านอาหารเวียดนามเดียวในอรัญประเทศที่มีทั้งอาหารเวียดนามและอาหารอีสานให้ได้เลือกทาน
เริ่มต้นที่ "กุ้งพันอ้อย"(ไม้ละ 50 บาท)หรือจ่าวโตม ซึ่งอ้อยที่ใช้สามารถกัดทานได้เลยค่ะ ความหวานของอ้อยผสมกับตัวเนื้อกุ้งอร่อยมากๆ ทานกับน้ำจิ้มใสซึ่งเป็นสูตรทางใต้ที่จะไม่ผสมตับ แต่ใช้การเคี่ยวเป็นเวลานาน และใส่หัวไชเท้า ถั่วลิสงบดและพริก
ต่อด้วย "ปากหม้อ" (140 บาท) หรือ "บั๊นก๊วน" โดยทางร้านมีให้เลือกทั้งแบบไส้หมูและไส้กุ้ง ซึ่งเราเลือกไส้หมูที่ข้างในจะมีไส้หมูสับและมันแกว ตัวแป้งบาง นุ่มสีม่วงอ่อนๆ จากอัญชัน ท็อปด้านบนด้วยหมูยอและกระเทียมเจียว เวลาทานจะทานคู่กับน้ำจิ้มใสอร่อยสุดๆ
ทานขนมเบื้องไทยกันไปแล้วมาลองทาน "ขนมเบื้องญวน" กันบ้างค่ะ (ราคา 65 บาท) หรือ "บั๊นแส่ว" ตัวแป้งของทางร้านจะไม่ไส่ไข่ แต่ใส่ขมิ้นและกะทิทำให้แป้งบางกรอบมากๆ ไส้ข้างในเป็นไส้หมู วุ้นเส้น ถั่วงอก ทานกับน้ำจิ้มใส อร่อยจนวางช้อนไม่ลงกันเลยทีเดียว
อีกเมนูที่เราชอบมากๆ กับ "ยำข้าวเกรียบงาเมืองเว้" (129 บาท) โดยใช้ข้าวเกรียบงามาทอดแล้วนำมารองเหมือนจาน ที่ข้างในจะเป็นยำกุ้งรสแซ่บ เมนูนี้ทานเพลินมากๆ
และมาถึงพระเอกในมื้อนี้เราขอยกให้ "เซตอาหารเวียดนาม"(500 บาท) ที่ประกอบไปด้วย "แหนมเนือง" ซึ่งตัวแป้งที่นำมาพันนั้นเขาใช้แป้งนำเข้าจากเวียดนามมีความบาง นุ่ม เหนียว เวลาเสิร์ฟจะไม่ได้แช่แป้งไว้ในน้ำ แค่นำแป้งไปจุ่มน้ำพอสะเด็ด พอนำมาใส่ผักและตัวแหนมเนืองแป้งก็นุ่มแล้วล่ะค่ะ เวลาทานก็ราดด้วยน้ำจิ้มข้นสูตรของทางร้านที่เขาใส่ข้าวเหนียวเคี่ยวไปด้วยอร่อยกันจนม้วนไม่ทันเพื่อนเลยล่ะค่ะ ต่อด้วย "ปอเปี๊ยะทอด" ซึ่งเราชอบแป้งของร้านนี้มากๆ เพราะตัวแป้งไม่ได้ใช้แป้งแผ่นเรียบแบบร้านทั่วไป ส่วน "ปอเปี๊ยะสด" แป้งบางและนุ่ม อัดแน่นไปด้วยผักมากมาย "ก๊าจ๋า"หรือทอดมันสไตล์เวียดนามที่ใช้ปลากราย แต่ไม่ได้ผสมเครื่องแกงแบบของไทยนำไปทอด ทำให้มีเนื้อที่เด้ง เหนียว ทานกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน และ "บั๊นหอย" ซึ่งใช้เส้นหมี่ไปนึ่งแล้วนำมาทานกับหมูสามชั้น เวลาทานคุณนุ้ยแนะนำกับเราว่าให้ห่อด้วยผักสด ใส่สับปะรดไปนิดนึง ราดด้วยน้ำจิ้มใส ความเปรี้ยวหวานของสับปะรดจะตัดกับตัวเส้นหมี่และหมูสามชั้นอร่อยมากๆ
มาซดต้มยำร้อนๆ ลูกครึ่งกัมพูชากับเวียดนามกันค่ะกับ "ต้มยำเวียดนาม"(149 บาท) หรือ "กันจัว" ภาษากัมพูชาเรียกว่าซัมลอมาจู ที่เขาจะใส่เนื้อปลากรายและกุ้ง เพิ่มความหอมด้วยใบแขยง พร้อมกับใส่สับปะรดและมะเขือเทศ บอกเลยเมนูนี้เราแทบจะไม่เคยเห็นที่ไหน รสชาติกลมกล่อมได้ความหวานของสับปะรด มะเขือเทศ และมีกลิ่นของใบแขยงอร่อยมากๆ เป็นอีกเมนูที่หาทานยากมากๆ
เมนูสุดท้ายกับเซตอีสานที่มีทั้งส้มตำ (เลือกได้ว่าจะเป็นส้มตำปู-ปลาร้า, ส้มตำไทย-ปู หรือส้มตำหอยดอง) พร้อมกับมีคอหมูย่างสูตรเวียดนามที่นำไปย่างบนเตาถ่านทำให้มีความหอมนุ่มอร่อย และยังมีข้าวเหนียว แคปหมู ไก่ทอดแซ่บตาแตกกันมากๆ ค่ะ มื้อนี้
ที่ตั้ง : ร้านแอมซัน อาหารเวียตนาม ถนนมิตรสัมพันธ์ ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
เปิดบริการ : ทุกวัน 9.00-19.00 น. (หยุดทุกวันที่ 25 และ / 26 ของเดือน)
เบอร์ติดต่อ : 037 628 624, 0838249447
พิกัด GPS : https://g.page/amsun?share
ไฮไลท์ : เยี่ยมชมปราสาทเก่าศิลปะขอมที่มีอายุกว่าพันปี
จากอรัญประเทศเราเดินทางต่อไปยังอำเภอโคกสูง ที่นี่มีปราสาทเก่าแก่อายุพันกว่ากันปีนั่นก็คือปราสาทสด๊กก๊อกธมที่อายุอานามนั้นเก่าแก่กว่านครวัดหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันโด่งดังแห่งเมืองเมืองเสียมเรียบประเทศกัมพูชาอีกด้วย
เราผู้ที่เคยเดินทางไปชื่นชมความงดงามของปราสาทนครวัด แต่กลับไม่เคยเดินทางมาค้นหาความงามที่อยู่ในบ้านเรากันเลย มาครั้งนี้เราได้ใช้เวลาดื่มด่ำรับฟังเรื่องราวที่ชวนให้น่าทึ่งของปราสาทสด๊กก๊อกธมแห่งนี้ เพื่อร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ไปตามรอยกันค่ะ
เรื่องราวต่างๆ ที่เราเล่าให้ฟังนั้นนำมาจากน้องไกด์ที่ให้ข้อมูลปราสาทสด๊กก๊อกธมได้อย่างดีเยี่ยมมากๆ ซึ่งปัจจุบันปราสาทแห่งนี้อยู่ในการดูแลของกรมศิลปากรซึ่งทางกรมศิลปากรมีการจัดตั้งให้เป็นอุทยานประวัติศาตร์ในปี 2560 ประวัติความเป็นมาของปราสาทแห่งนี้สร้างเสร็จในปีในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ในสมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 (นครวัดสร้างขึ้นในช่วงต้นของคริสศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 2)
ก่อนจะเข้าไปชมทางเจ้าหน้าที่ได้มีการให้เราวัดอุณหภูมิพร้อมสแกนเพื่อลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ไทยชนะ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
คำว่าสด๊กก๊อกธมนั้นเป็นภาษาเขมรแปลว่ารกไปด้วยกกขนาดใหญ่เดิมชื่อว่าปราสาทเมืองพร้าว สร้างจากหินศิลาแลง มีพื้นที่ทั้งหมด 641 ไร่ 2 งาน 82 ตารางวา เป็นปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในในภาคตะวันออก ซึ่งความสำคัญของปราสาทแห่งนี้คือเทวสถานหรือสถานที่ประกอบพิธีกรรมของศาสนาพราหม์ฮินดูในสมัยโบราณ
ด้านหน้าก่อนถึงทางเข้าปราสาทเราจะพบกับบารายซึ่งเป็นสระน้ำโบราณขนาดใหญ่ที่ใหญ่ที่ใช้ในการเกษตรกรรมและประกอบพิธีกรรม มีเนื้อที่ 77 ไร่ ซึ่งบ่อแห่งนี้ไม่ได้เกิดจากการขุดขึ้นแต่เกิดจากการนำดินมาทำเป็นคันคูเพื่อเก็บกักน้ำ น้องไกด์บอกว่าถ้าเราเดินมุ่งหน้าตรงไปโดยไม่เลี้ยวจะเดินไปถึงนครวัดกันเลย เพราะประตูทั้งสองเขาสร้างให้ตรงกันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ในการสร้างมากๆ
ทางเข้าปราสาทซึ่งเป็นทางเดินหิน สองข้างทางคือเสานางเรียงที่มากที่สุดในเมืองไทย มีทั้งหมด 142 ต้น ทอดตัวไปสู่ตัวปราสาทเบื้องหน้าเรา โดยก่อนทางเข้าปราสาทเราจะพบกับสระสรง ซึ่งเป็นสระที่กษัตริย์แห่งอาณาจักรขอมในอดีตจะมาสรงน้ำแล้วเปลี่ยนเครื่องทรงเพื่อเข้าไปประกอบพิธีกรรมหลั่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้านในตัวปราสาท
ตัวปราสาทสร้างจากหินศิลาแลงก้อนสี่เหลี่ยมที่นำมาเรียงซ้อนกัน โดยใช้วิธีเจาะรูที่ก้อนหินแล้วให้ช้างหรือม้าลากมา ซึ่งปัจจุบันตัวปราสาทเดิมนั้นถูกทำลายจากกาลเวลาและผลจากสงครามเขมรในอดีต เลยมีการบูรณซ่อมแซมใหม่ขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากร ซึ่งหินก้อนสี่เหลี่ยมที่เราเห็นจะมีทั้งหินของเก่าและของใหม่ผสมกัน โดยมีการใช้เหล็ก ปูนและกาวในการยึดไม่ให้พังทลายลงมา ซึ่งน้องไกด์บอกว่าถ้าอยากรู้ว่าหินก้อนไหนเก่าให้ดูจากรูบนก้อนหิน
ทับหลังลวดลายพระศิวะนาฏราชศิลปะแบบเกลียง บาปวนที่สมบูรณ์ที่สุดของปราสาท
จากนั้นเดินเข้ามายังตัวปราสาทด้านใน โดยตัวปราสาทจะมีสระน้ำรูปตัวยูที่เรียกว่ามหานทีสีทันดรล้อมเอาไว้
ก่อนจะเข้าไปยังตัวปราสาทน้องไกด์แนะนำวิธีการขึ้นปราสาทอย่างถูกต้องให้เราได้รู้ด้วยค่ะ โดยคนเขมรนั้นเชื่อว่าจะไม่นำปลายเท้าชี้ไปที่สิ่งที่เคารพ เวลาเดินขึ้นบันไดปราสาทก็จะเดินแบบเฉียง และมีความเชื่อไม่เดินเหยียบธรณีประตูเหมือนกับบ้านเรา
ตัวปราสาทด้านในสวยงามอลังการมากๆ เป็นปราสาทที่เดินทางข้ามกาลเวลามานับพันปี และมีเรื่องราวมากมายที่พร้อมจะเล่าขานให้เราฟัง ทั้ง ความเชื่อ ศิลปะ สถาปัตยกรรม และภูมิปัญญาของคนในอดีตที่สามารถรังสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ได้ยิ่งใหญ่เพียงนี้
ด้านในปราสาทเราจะพบกับศิวลึงค์และโยนีซึ่งเป็นองค์จำลองค่ะ ว่ากันว่าเมื่อกษัตริย์มาหลั่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงบนศิวลึงค์น้ำจะไหลลงสู่โยนี และจะมีรางน้ำที่พาน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลออกจากตัวปราสาทไปยังบ้านเรือน เรือกสวน ไร่น่าของประชาชน และเชื่อกันว่าน้ำนี้จะนำความอุดมสมบูรณ์ไปสู่ประชาชน
ที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
เปิดบริการ : 8.00 - 16.30 น.
เบอร์ติดต่อ : 037 550 454
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/32no72onjLo82GFt9
ไฮไลท์ : นั่งรถอีแต๊กตามล่าช้างที่ละลุ อันซีนแห่งสระแก้ว
จากสด๊กก๊อกธม เราเดินทางต่อมายังตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา เพื่อมายังที่เที่ยวสุดอันซีนที่สุดท้ายในสระแก้วนั่นก็คือ "ละลุ" เสาหินรูปทรงแปลกตาคล้ายกับแกรนด์แคนยอน ตั้งอยู่ที่บ้านคลองยาง โดยคืนนี้เราจะค้างคืนที่สมบูรณ์โฮมสเตย์ ที่มีคุณตาสมบูรณ์และคุณยายกัลยาเจ้าของบ้านรอต้อนรับเราอยู่ค่ะ คุณตากับคุณยายน่ารักมากๆ ต้อนรับเราเหมือนลูกเหมือนหลาน ที่เราเลือกค้างคืนที่นี่เพราะคืนนี้เรามีนัดไปตามล่าช้าง(ทางช้างเผือก) ท่ามกลางประติมากรรมเสาหินธรรมชาติ เพราะเจ้าเพื่อนสาวที่ส่งภาพละลุยามค่ำคืนท่ามกลางหมู่ดาวมาให้เราชมและเป็นแรงบันดาลใจให้เราเดินทางมาที่นี่
ห้องพักของที่นี่เป็นห้องปรับอากาศ ห้องน้ำรวมค่ะ ราคาคืนละ 1000 บาท โดยสามารถนอนพักได้ตั้งแต่ 2-4 คน พร้อมอาหารเช้า ใครสนใจสามารถโทรไปสอบถามได้เลยที่เบอร์ 0812566082
เราจองรถอีแต๊กกับทางหมู่บ้านเอาไว้เพื่อให้มารับเราตอนประมาณเที่ยงคืนค่ะ ค่ารถ 300 บาทและคิดค่าหัวเพิ่มคนละ 100 บาท โดยรถอีแต๊กค่อยๆ ขับฝ่าความมืดพาเราเดินทางออกจากหมู่บ้านเข้าสู่ละลุ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเราก็มาถึงแล้วค่ะ บอกเลยว่าตอนแรกกังวัลเพราะท้องฟ้าไม่เปิด แต่พอใกล้ถึงท้องฟ้าเป็นใจ หมู่เมฆที่บดบังเอาไว้ก็เปิดออกเผยให้เห็นทะเลดาวมากมายที่ส่องประกายเหนือละลุในยามค่ำคืน
รอบตัวเราตั้งตระหง่านด้วยเสาหินในความมืด มีเพียงแสงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องนำทางเรา ความงดงามในค่ำคืนนี้ยากเกินจะบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือ ถ้าคุณอยากรู้ว่าสวยงามแค่ไหนเราอยากให้คุณเดินทางมาตามหาด้วยตัวเอง
รุ่งเช้าหลังจากทานข้าวต้มที่คุณยายกัลยาเตรียมให้แล้ว เราก็ยังคงติดใจความสวยงามของละลุ เลยติดต่อรถอีแต๊กให้มารับเราเราในยามเช้านี้ค่ะ ค่ารถอีแต๊กสำหรับตอนเช้าราคาเพียง 200 บาทเท่านั้น
บรรยากาศตอนกลางวันช่างแตกต่างจากตอนกลางคืนมากๆ เมื่อคืนมันมีบรรยากาศแบบน่าค้นหา ส่วนตอนกลางวันจะเป็นบรรยากาศแบบแปลกตาราวกับว่าเรากำลังเดินทางไปสำรวจพื้นที่บนดวงจันทร์เลยล่ะค่ะ
"ละลุ" เป็นภาษาเขมรแปลว่า ทะลุ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝน และยุบตัวลงของพื้นดิน ทำให้เกิดเสาหิน และกำแพงหินมากมาย กินอาณาเขตกว้างใหญ่เกือบ 2000 ไร่ ซึ่งทุกมุมที่นี่สวยมหัศจรรยเหมาะกับการมาถ่ายรูปแนวฮิปสเตอร์ลงในไอจีเก๋ๆ พร้อมกับการศึกษาความเป็นไปทางธรณีวิทยาที่น่ามหัศจรรย์แห่งนี้
เราเก็บภาพละลุกันจนเต็มที่ก่อนจะโบกมือลาจังหวัดสระแก้วกลับสู่บ้าน
ที่ตั้ง : ละลุ ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
ค่าบริการ : ค่ารถอีแต๊กนั่งชมดาวตอนกลางคืนราคาไป-กลับ 300 บาท และเสียเพิ่มอีกคนละ 100 บาท / ค่ารถอีกแต๊กชมละลุตอนกลางวัน ไป-กลับ 200 บาท (รถคันนึงสามารถนั่งได้ 6 คน)
เบอร์ติดต่อ : 08-0898-5852, 08-2339-2337
พิกัด : https://goo.gl/maps/4mayGVcFCEw444sp7
ถ้าถามว่ามาสระแก้วเที่ยวอะไร เราคิดว่าคงต้องใช้เวลาเป็นวันในการเล่าให้คุณฟัง เพราะสำหรับเราสระแก้ว สวยงาม มหัศจรรย์ และประทับใจกว่าที่เคยคิดไว้ ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสระแก้วเท่านั้น เพราะจังหวัดแห่งนี้ยังมีที่เที่ยวมากมายที่รอให้เราออกเดินทางไปสัมผัส
บทความแนะนำ:
เที่ยวเมืองรอง
เช็คอิน กิน เที่ยว พัก สมุทรสงคราม
เที่ยวชุมพร ประตูสู่ภาคใต้ที่มีอะไรดีมากกว่าทางผ่าน
Tags: สระแก้ว ทริปตัวอย่าง เที่ยวสระแก้ว เมืองรองต้องลอง GOLOCALTHAILAND amazingไทยเท่ ที่เที่ยวสระแก้ว ที่พักสระแก้ว ที่กินสระแก้ว ร้านอาหารสระแก้ว ร้านอร่อยสระแก้ว โรงแรมสระแก้ว ร้านสระแก้ว จุดชมวิวสวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์ ชุมชนทับทิมสยาม05 วัดแม่ย่าซอม โกดัง 9 คาเฟ่ Warehouse no.9 La Villa Boutique Hotel แอมซัน อาหารเวียตนาม อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม ละลุ
ทริปตัวอย่าง | 18 ธ.ค. 2024 | 106 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 298 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 390 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 513 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 26 พ.ย. 2024 | 728 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 1,044 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 01 ธ.ค. 2024 | 480 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 911 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 28 ต.ค. 2024 | 1,243 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 1,404 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,765 อ่าน