calendar_month 03 ก.ย. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 94,277 / ทริปตัวอย่าง
ช่วงนี้การท่องเที่ยวในรูปแบบแคมป์ปิ้งช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาวกำลังมาแรงมากๆ โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางที่ต้องการหลีกหนีจากชีวิตวุ่นวายในเมือง เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่อยากจะหยุดใช้ความคิดไปกับหน้าที่การงาน พักจากหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ พาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มองต้นไม้ใบหญ้า เอาเท้าจุ่มน้ำเพื่อปลอบประโลมจิตใจที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งอาทิตย์ งานนี้เลยกริ้งกร้างชวนชาวแก๊งค์ไปแคมป์ปิ้งกัน เลือกโลเคชันกันอยู่นานสุดท้ายก็มาจบสวยๆ ที่ มะหาด-ไทธารา โฮมสเตย์ จ.ราชบุรี ที่พักพร้อมลานกางเต็นท์ที่มีวิวหลักล้าน โอบล้อมไปด้วยทิวเขา ป่าสนและอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคยที่ให้ฟีลลิ่งเหมือนอยู่ต่างประเทศ พวกเราจึงปักหมุดมาพักผ่อนกันที่นี่ 2 วัน 1 คืน ในช่วงวัดหยุดสุดสัปดาห์โดยไม่ต้องลางาน จะสนุกและฟินขนาดไหน เก็บกระเป๋าแล้วตามมาได้เลยค่ะ
DAY 1
นัดรวมตัวกันครบ พวกเราก็เริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กันช่วงสายๆ ล้อหมุนสู่ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี มุ่งตรงสู่ราชบุรีไปยัง วัดขนอนหนังใหญ่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พิกัดแรกที่พวกเราตั้งใจจะแวะมาเที่ยวชมความงดงามทางวัฒนธรรมที่พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน ซึ่งใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงวัดแล้วค่ะ ซึ่งที่นี่เป็นวัดสำคัญของประเทศไทยเลยนะคะ ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และจัดให้เป็นวัดที่อนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมการแสดงหนังใหญ่ มหรสพเก่าแก่ทางวัฒนธรรมไทยเราตั้งแต่สมัยสุโขทัย และได้รับรางวัลการขึ้นทะเบียนทางยูเนสโก ถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ACCU) เลยทีเดียว
สำหรับพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ เป็นพิพิธภัณฑ์ทรงเรือนไทยโบราณ ที่เก็บรวบรวมตัวหนังใหญ่ในสภาพสมบูรณ์ ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 ในโครงการของสมเด็จพระเทพฯ มีตัวหนังมากถึง 313 ตัว เรียกว่าเป็นสมบัติวัดที่ร่วมรักษาสืบทอดกันมา และเป็นเพียงวัดเดียวที่มีมหรสพ มีตัวหนัง และคณะหนังใหญ่ที่สมบูรณ์อยู่ในความอุปถัมป์ของวัดสืบทอดมาจนถึงทุกวัน
เท่าที่พวกเราเดินชมก็พบข้อสังเกตง่ายๆ ของการเชิดหนังใหญ่และหนังตะลุงจะต่างกันตรงที่ลักษณะของตัวหนัง โดยหนังตะลุงจะได้รับอิทธิพลมาจากทางใต้ และเชิดอยู่ด้านหลังหน้าจอเป็นหลัก ขณะที่หนังใหญ่นั้นจะมีลายละเอียดของตัวหนังที่ประณีตมากกว่า และเชิดอยู่หน้าจอ จนกลายมาเป็นต้นแบบของการแสดงโขนในปัจจุบันนั่นเอง
นอกจากความร่มรื่นเต็มไปด้วยโบราณสถาน และโบราณวัตถุให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ศึกษาอยู่มากมาย รวมถึงกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมีการสอนเชิดหนังใหญ่ สอนดนตรีไทย ไปจนถึงเวิร์คช็อปสอนการตอกหนังแบบดั้งเดิมสำหรับทำพวงกุญแจติดไม้ติดมือกลับไปเป็นที่ระลึก ในราคาคนละ 100 บาท
วัดขนอนหนังใหญ่
ที่ตั้ง : ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
โทรศัพท์ : 032234834, 032233386, 0817531230
GPS : https://goo.gl/maps/yHGs5X2wRo3cHi7e6
หลังจากเวิร์คช็อปตอกหนังทำพวงกุญแจสำเร็จแล้ว พวกเราก็มุ่งตรงไปเติมพลังกันที่ ก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเด็ดในราชบุรีที่หนึ่งในสมาชิกชาวแก๊งค์ของเรารีเควสว่าต้องมาทานให้ได้ เพราะที่นี่เขาการันตีความอร่อยยาวนานมากว่า 50 ปีแล้ว ตัวร้านหาไม่ยากเลยค่ะ บรรยากาศสบายๆ น่านั่ง เป็นแบบเปิดโล่งชิลๆ
เมนูเด็ดของร้านก็คือก๋วยเตี๋ยวไข่ต้มยำน้ำซุปรสจัดจ้าน เสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องแบบจัดเต็มทั้งหมูสับ หมูแดง และไข่ต้มยางมะตูม บอกเลยว่าซดคำไหนก็แซ่บจี๊ดมาก นอกจากนี้ก็มีเมนูอื่นๆ ให้เลือกทานไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นปิ้ง เกี๊ยวกรอบ ปอเปี๊ยะทอด ใครมีโอกาสเดินทางมาราชบุรีอย่าลืมแวะมาทานกันนะคะ รับรองว่าอร่อยถูกใจแน่นอนค่ะ
ก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม
ที่ตั้ง : 213 ถ.เพชรเกษม ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี
เปิดบริการเวลา : 09.00 - 17.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 0819445406
GPS : https://goo.gl/maps/fho6xPHR4giUf2g58
อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาไปเช็คอินเข้าที่พักกันแล้วค่ะ สำหรับคืนนี้เราจองพื้นที่กางเต็นท์ของ มะหาด-ไทธารา โฮมสเตย์ (Mahad-Thaitara Home Stay) ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี พื้นที่พักผ่อนสำหรับคนรักธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยที่นี่เช็คอินเวลา 12.00 น. เช็คเอ้าท์ 11.00 น. มีบ้านพักวิวหลักล้านให้บริการหลายรูปแบบทั้งห้องพักบนอาคาร บ้านเป็นหลังและลานกางเต็นท์ที่เบื้องหน้าเป็นวิวภูเขาที่มีรูปร่างละม้ายคล้ายคลึงภูเขาไฟฟูจิ พร้อมกับสายน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคยที่เราสามารถเดินลงไปถ่ายรูปสวยๆ ได้ด้วย
ถึงแม้ มะหาด-ไทธารา โฮมสเตย์ (Mahad-Thaitara Home Stay) จะมีบริการที่พักทั้งรูปแบบ้านเป็นหลัง และห้องพักบนอาคาร เราก็สามารถนำเต็นท์มากางบริเวณที่ทางที่พักจัดไว้ให้ได้นะคะ ซึ่งมีให้เลือกหลายจุด และมีจุดล้างภาชนะรวมถึงห้องน้ำแยกชายหญิงไว้บริการในราคาค่ากางเต็นท์คนละ 100 บาทเท่านั้น มีข้อห้ามใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในการทำอาหาร ใช้อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง แก็ส ถ่านได้ ถ้าใช้เตาถ่านต้องมีอะไรมารองเตาด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับพื้นหญ้าเพราะเป็นพื้นท่ีส่วนรวม นอกจากนี้เพื่อนๆ ต้องนำถุงขยะมาเองและนำขยะกลับทุกครั้ง (เพราะพื้นท่ีไม่ได้อยูในเขตเทศบาล)ไม่มีระบบกำจัดขยะนั่นเองค่ะ ที่สำคัญคือห้ามส่งเสียงดังหลัง 4 ทุ่ม ส่วนไฟฟ้าทางที่พักจะเปิดให้ใช้ตั้งแต่ 18.00 - 10.00 น. (มีจุดจ่ายไฟต้องเอาปลั๊กพ่วงมาเอง 10-20 เมตร)
สำรวจที่พักเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเริ่มกางเต็นท์แล้วค่ะ สำหรับเต็นท์ที่นำมากางเพื่อนๆ ต้องพกมาเองนะคะ ทางที่พักจะไม่มีบริการให้เช่ายืม ซึ่งวิธีกางเต็นท์สำหรับมือใหม่อย่างพวกเราก็ไม่ได้ยากอะไรค่ะ อันดับแรกคือเคลียร์เศษกิ่งไม้หรือก้อนหินบริเวณที่กางเต็นท์ออกให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้ของแหลมคมแทงพื้น จากนั้นจึงเริ่มต่อเสาเต็นท์และดันเสาขึ้นให้ตึงเป็นรูปโดม แล้วค่อยใช้สมอยึดเต็นท์ให้แข็งแรง แต่ถ้าใครกลัวว่าฝนจะตกก็สามารถนำฟลายชีท (ผ้าคลุมเต็นท์) มาขึงให้แข็งแรงขึ้นได้ แต่วันที่เราไปดูพยากรณ์อากาศแล้วไม่เจอฝน พวกเราเลยไม่ได้ใช้ฟลายชีทคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง
จะบอกว่ามาพักที่นี่ก็คือชิลมาก ไม่ต้องออกไปไหนก็ยังได้ เพราะอย่างที่บอกว่าโลเคชันอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคยที่มีวิวเบื้องหน้าเป็นทิวเขา สามารถมองวิวได้กว้างเต็มสายตา มองบ้านหลังเล็กๆ สไตล์ยุโรปที่โอบล้อมด้วยป่าสน ซึ่งช่วงแดดร่มลมตกเราสามารถเดินลงไปถ่ายรูปสวยๆ พกเก้าอี้ไปนั่งเล่นริมน้ำ หรือจะตกปลา (เตรียมเบ็ดมาเอง) ชิลๆ ก็ยังได้ ใครอยากทำกิจกรรมสนุกๆ เขาก็มีบริการเรือคายัคฟรีด้วยนะคะ แต่หากใครต้องการใช้ชูชีพจะมีค่ามัดจำคนละ 100 บาท
นอกจากนี้ทางที่พักยังเลี้ยงน้องม้าและจอดรถจิ๊ปทหารเท่ๆ ไว้บริเวณด้านล่างอ่างเก็บน้ำด้วย ใครอยากไปแชะภาพเก๋ๆ อัปโหลดลงโซเชียลก็เตรียมแมทช์ลุคสไตล์แคมปิ้งมาได้เลย รับรองได้รูปโปรไฟล์ใหม่ชัวร์
เดินเล่นชมวิว ถ่ายรูปจนหนำใจก็ฝากท้องมื้อเย็นกับทางที่พัก ซึ่งที่นี่สามารถนำวัตถุดิบอย่าง เนื้อ หมู ไก่ กุ้ง หมึก มาทำปิ้งย่างได้ด้วยนะคะ แต่ถ้าใครไม่สะดวกเตรียมมาก็สามารถสั่งเซ็ตหมูกระทะได้เช่นกัน หรือถ้าจะสั่งเมนูอาหารตามสั่งอื่นๆ เขาก็มีให้เลือกเพียบเลยล่ะค่ะ
DAY 2
เช้าวันใหม่พวกเรารีบตื่นแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น และสลับกันไปอาบน้ำ พร้อมสั่งอาหารเช้า (คนละ 120 บาท) มาทานกันคนละชุด ซึ่งเซ็ตอาหารเช้าของมะหาด-ไทธารา โฮมสเตย์ (Mahad-Thaitara Home Stay) มาพร้อมกาแฟดริปสไตล์เวียดนาม พร้อมไข่ลวกและขนมปังออแกนิกให้ทานพร้อมชมวิวสวยๆ กลางหุบเขาสีเขียวขจีที่อยู่เบื้องหน้า ขอบอกว่าฟินสุดอะไรสุดจ้า
จิบกาแฟเพิ่มเอเนอจี้กันไปแล้ว สมาชิกชาวแก๊งค์ยังอยากพายเรือคายัคเล่นต่อ บางคนก็ถ่ายรูปเล่น กว่าพวกเราจะเก็บของและเช็คเอ้าท์ก็ปาไปเกือบครึ่งวันแล้ว
มะหาด-ไทธารา โฮมสเตย์ (Mahad-Thaitara Home Stay)
ที่ตั้ง : 285 หมู่ 4 ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี
ราคา : ค่ากางเต็นท์คนละ 150 บาท
ห้องพักบนตึกราคาเริ่มต้น 700 บาท
บ้านพักแบบเป็นหลังราคาเริ่มต้น 1,050 บาท
*ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้าและเป็นโปรโมชันช่วงโควิด-19
โทรศัพท์ : 0890223416
GPS : https://goo.gl/maps/8ySiUYFMYcbymoLq
Facebook : มะหาด-ไทธารา โฮมสเตย์ (Mahad-Thaitara Home Stay)
กฎระเบียบและข้อบังคับ
- เช็คอิน 12.00 น. เช็คเอ้าท์ 11.00 น.
- ห้ามใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในการทำอาหาร ใช้อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง แก็ส ถ่านได้ ถ้าใช้เตาถ่านต้องมีอะไรมารองเตาด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับพื้นหญ้าเพราะเป็นพื้นท่ีส่วนรวม
- ต้องนำถุงขยะมาเอง และนำขยะกลับทุกครั้ง (เพราะพื้นท่ีไม่ได้อยูในเขตเทศบาล)ไม่มีระบบกำจัดขยะ
- สัตว์เลี้ยงอนุญาตให้พักเฉพาะพักเต็นท์ (ไม่อนุญาตพักในห้องพัก) และต้องเก็บมูลน้องเอง
- เสียงดังได้ไม่เกิน 4 ทุ่ม หลัง 4 ทุ่มกรุณาลดระดับความดังลง และหากมีเต็นท์ข้างเคียงร้องเรียนเรื่องเสียงดังจะมีเจ้าหน้าท่ีออกมาเตือน ถ้ามีคนร้องเรียนเป็นครั้งท่ี 2 -3 เสียงยังคงดังอยู่ทางเราจะให้เจ้าหน้าที่มาเก็บเต็นท์ให้และจำเป็นต้องเชิญออกนอกสถานที่ เพราะเราต้องเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน
- มีเรือคายัคบริการฟรี ถ่ายรูปกับน้องม้าฟรี ตกปลาตามฤดูกาลที่กรมชลประทานกำหนด (เอาเบ็ดมาเอง)
- ไฟฟ้าเปิดให้ใช้ 18.00 - 10.00 น. (มีจุดจ่ายไฟต้องเอาปลั๊กพ่วงมาเอง 10-20 เมตร)
ก่อนเดินทางกลับกลับกรุงเทพฯ พวกเราก็แวะเติมความสดชื่นที่คาเฟ่ระหว่างทางก่อน ปักหมุดไปเช็คอิน Coro Field Cafe ตั้งอยู่ภายใน Coro Field สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรไลฟ์สไตล์แห่งแรกของจังหวัดราชบุรี เป็นฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่นสุดน่ารักที่เก็บเอาพืชผักในสวนเสิร์ฟตรงถึงห้องครัวแบบ Farm To Table เพื่อนำมาปรุงอาหารให้เราได้ทานในรูปแบบ Japanese-Thai Fusion Food เน้นความเรียบง่ายและโดดเด่นด้วยรสชาติ
ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนที่สื่อถึงความอบอุ่นเป็นธรรมชาติ พร้อมเพิ่มพื้นที่สีเขียวมุมต่างๆ ด้วยต้นไม้เพื่อให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย
สำหรับเมนูอาหารก็มีให้เราเลือกกว่า 100 เมนู ส่วนเมนูที่มาแล้วต้องลองก็มี มันมุราซากิทอด ซอส 3 ฤดู เมนูมันม่วงที่นำมาทอดจนเหลืองกรอบน่าทาน ดิพคู่กับซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน เข้ากันได้อย่างลงตัวสุดๆ ต่อด้วยเมนูเครื่องดื่มอย่าง สมูทตี้โทมิเมล่อนปั่นสด ทางร้านใช้เนื้อเมล่อนสายพันธุ์โทมิให้ความรู้สึกหวานละมุนดับร้อนได้ดี และเสาวรสโซดา อีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มยอดฮิต ปิดท้ายด้วย บิงซูเมล่อนถ้วยใหญ่ เสิร์ฟพร้อมซอฟท์ครีม และครัมเบิลช็อกโกแลตกรุบกรอบ ใครอยากลองชิมเมล่อนสดๆ จากสวนแบบไม่ต้องตีตั๋วไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ และเมนูแสนอร่อยอีกเพียบก็แวะมาเที่ยวที่ Coro Field กันได้เลยจ้า
Coro Field Cafe
ที่ตั้ง : 117 ถนนราชบุรี-ผาปก ตำบลป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
เวลาเปิด - ปิด : 9.00 – 17.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : 0925694791
Facebook : CORO FIELD
GPS : https://g.page/corofield?share
จบทริปขับรถกลับถึงบ้านกันโดยสวัสดิภาพ อยากบอกว่าการได้ไปแคมป์ปิ้งใกล้กรุงเทพฯ ครั้งนี้ของพวกเรานับว่าเป็นการชาร์จแบตเตอรีชีวิตที่ดีเลยล่ะ นอกจากได้พักผ่อนไปกับความสงบเงียบจนได้ยินเสียงของธรรมชาติ ได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ต่อหน้าต่อตามากกว่าการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือก็เป็นอะไรที่แฮปปี้เหมือนกันนะคะ ใครที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตในเมืองหลวง อยากพาตัวเองมาสัมผัสธรรมชาติ แนะนำให้ตามรอยทริปตัวอย่างของเราเลยค่ะ รับรองว่ากิน เที่ยว พักตามนี้จะมีพลังกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเหลือเฟือแน่นอน
ค่าใช้จ่าย
ค่าน้ำมัน 800 บาท
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 1,800 บาท
รวม 3,000 บาท (หาร 4 คน ตกคนละ 750 บาท)
Tags: ราชบุรี ท่าเคย จุดกางเต็นท์ราชบุรี ลานกางเต็นท์ราชบุรี อ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย มะหาดไทธาราโฮมสเตย์ ที่เที่ยวราชบุรี วัดขนอนหนังใหญ่ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ ก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม ร้านอาหารราชบุรี ร้านก๋วยเตี๋ยวราชบุรี คาเฟ่ราชบุรี CoroFieldCafe
ทริปตัวอย่าง | 18 ธ.ค. 2024 | 106 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 298 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 390 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 513 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 26 พ.ย. 2024 | 732 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 1,044 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 01 ธ.ค. 2024 | 481 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 911 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 28 ต.ค. 2024 | 1,243 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 1,404 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,765 อ่าน