calendar_month 21 ส.ค. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 19,092 / รีวิวที่กิน
Hopping กรุงเทพฯ ยังไงให้ได้ฟีลเหมือนเป็นนักวิทยาศาสตร์? ถ้าคุณมีไลฟ์สไตล์ชอบออกไปฮอปปิ้งตามคาเฟ่ แชะภาพสวยๆ นั่งทำงานเพลินๆ พร้อมลิ้มรสชาติอาหาร ขนม และเครื่องดื่มสุดพิเศษล่ะก็..มาถูกทางแล้วฮะ เพราะวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเช็คอินที่ Beaker and Bitter คาเฟ่เก๋ๆ ย่านอารีย์ที่มาในธีมห้องแล็ปหรือห้องทดลองวิทยาศาสตร์ โดยแปลงโฉมโรงงานผลิตยาอันเก่าแก่มาเป็นคาเฟ่สุดเท่ในซอยสายลม 1 (ฝั่งพหลโยธิน) เผื่อใครกำลังมองหาคาเฟ่น่านั่งที่สามารถประชุมและทำงานยาวๆ ได้ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศไปใช้ชีวิตแบบชิคๆ กันดูบ้างไงล่ะ!
แน่นอนว่าการมา Hopping คาเฟ่เก๋ๆ ของผมนั้นจะขาดเพื่อนคู่ซี้อย่างกล้องถ่ายรูป หูฟัง และ Lenovo IdeaPad Gaming 3i ไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่พกพาง่าย ดีไซน์สวยงาม มาในโทนสีดำ Onyx Black พร้อมแซมด้วยสีฟ้าสะดุดตา ขอบจอบางและน้ำหนักเครื่องไม่หนักจนเกินไป ที่ผมประทับใจสุดคือมีขนาดกะทัดรัดแต่อัดแน่นไปด้วยสเปกเครื่องแรงสามารถเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ อย่างกราฟิกหรือตัดต่อวีดีโอได้แบบไม่มีสะดุด ด้วยขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ด้วยแรมขนาด 8GB และได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มาพร้อมกับราคาสบายกระเป๋าอีกด้วย
เมื่อเตรียมไอเท็มที่ขาดไม่ได้เวลามาคาเฟ่ครบแล้ว ผมก็ปักหมุดมาที่ Beaker and Bitter คาเฟ่ย่านอารีย์ที่อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS มากนัก ทางร้านเปิดบริการตั้งแต่เช้าเพื่อคอยต้อนรับคนทำงานในย่านนี้ให้มาจิบกาแฟและทานอาหารเช้าเติมพลังกันก่อนเริ่มงาน โดยหยิบเรื่องราวความเป็นโรงงานยามาต่อยอดเป็นธีมหลักให้ผู้มาเยือนสัมผัสบรรยากาศห้องแล็ปที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับทำยา โดยทางร้านเขานำเครื่องมือและอุปกรณ์จริงมาจัดวางให้เห็นเลยนะฮะว่าสมัยก่อนที่นี่ทำยากันแบบไหน ซึ่งก็สร้างความรู้สึกตื่นตาตื่นใจให้ผู้ที่มาเยือนตั้งแต่ก้าวแรก
ทันทีที่เดินเข้ามาภายในร้านจะสัมผัสได้ถึงความเป็นห้องแล็ปพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟและโฮมเมดเบเกอรีที่อบอวลอยู่ทั่วร้าน บริเวณโถงกลางที่มีเพดานสูงโปร่งแบบดับเบิลสเปซถูกออกแบบให้เป็นเคาน์เตอร์บาร์สเตนเลสร่วมสมัย ให้ความรู้สึกแบบแล็บทดลองจริงๆ แถมยังมีบันไดวนตรงกลางไว้ให้เดินขึ้นไปถ่ายรูปเล่นพร้อมกับพร็อพเสื้อกาวน์ที่ทางร้านเตรียมไว้ให้เพื่อเพิ่มความปังในการแชะภาพ รับประกันได้เลยว่าคุณจะได้รูปสวยเก๋ ไม่ซ้ำใครไว้อัพลงโซเชียลอย่างแน่นอน
นอกจากคอนเซ็ปต์โรงยาที่อยากให้ลูกค้าได้จำลองบทนักวิทยาศาสตร์ เจ้าของร้านยังอยากให้ลูกค้าเข้ามา Beaker and Bitter แล้วรู้สึกสบายๆ เหมือนมานั่งเล่น ประชุมและทำงานบ้านเพื่อน ซึ่งที่นี่แบ่งมุมที่นั่งออกเป็นหลายห้องหลายโซนทั้งห้อง Alpha Lab เหมาะกับคนที่อยากมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ เพราะห้องนี้จะห้ามใช้เสียง มีที่กั้นระหว่างโต๊ะ มีที่ชาร์จ สายชาร์จ และผ้าห่มให้ยืมด้วยฮะ
ใครที่อยากมานั่งเล่นชิลๆ กับเพื่อนก็สามารถเลือกนั่งห้อง Beta Lab ที่อยู่ติดกันได้ เพราะห้องนี้สามารถคุยได้เต็มที่ มีโต๊ะหินอ่อนทรงกลมที่สามารถเพิ่มฟังก์ชันต่อโต๊ะได้แบบแนบสนิท ส่วนใครที่อยากมาประชุมหรือทำงานกับชาวแก๊งค์ทางร้านก็มีห้องส่วนตัว Delta Lab และ Charlie Lab ที่เปิดเป็น Co-working Space อีกด้วยนะฮะ
เมื่อเลือกโซนที่นั่งที่ตรงใจแล้ว ก็ได้เวลาไปสั่งขนมและเครื่องดื่มกันแล้วฮะ จะบอกว่าทุกเมนูของที่นี่จะถูกเสิร์ฟบนอุปกรณ์ในห้องแล็บ ทั้งบีกเกอร์ ขวดชมพู่ คีมคีบ และถาดสเตนเลส ส่วนเครื่องดื่มบาริสต้าจะเสิร์ฟบนตะเกียงแอลกอฮอล์พร้อมควันจากน้ำแข็งแห้งให้เป็นกิมมิกเล็กๆ ซึ่งเราสามารถสวมเสื้อกาวน์ไปถ่ายรูปเล่นเสมือนนักทดลองได้ด้วย นอกจากนี้ทางร้านยังมีกิจกรรมให้ลูกค้าตามหาหนูทดลองด้วยนะฮะ ซึ่งพนักงานจะนำตุ๊กตาหนูไปซ่อนทุกเช้า ใครที่หาหนูทดลองเจอหากนำมาคืนจะได้รับเครื่องดื่มฟรีหนึ่งแก้ว
สำหรับเมนูเครื่องดื่มของทางร้านจะเน้นเมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากภาคเหนือของประเทศไทย หากใครชอบดื่มเมนูคลาสสิกแนะนำให้ลอง R.I.P. ที่ย่อมาจาก Rose In Peach (145 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ผสมพีชและกุหลาบลงไปในกาแฟดำทำให้ดื่มง่าย อร่อยถูกใจคอกาแฟแน่นอน
ใครที่ไม่ดื่มกาแฟก็สามารถสั่ง Cold Cocoa Latte With Fresh Cream (145 บาท) โกโก้เย็นเข้มข้น ท็อปด้านบนด้วยวิปครีมโฮมเมด หวานหอมกลมกล่อมเอาใจคนไม่ดื่มกาแฟ
นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพของกาแฟแล้ว ยังมีเบเกอรีสูตรโฮมเมดที่อบสดใหม่มาให้ลิ้มลองความอร่อยควบคู่กันอีกด้วย เริ่มที่ New York Cheese Cake (165 บาท) ชีสเค้กเนื้อนุ่ม สูตรเฉพาะของทางร้านที่มีรสชาติกลมกล่อมและออกเค็มเล็กน้อย
หรือจะเป็น Coconut Cake (145 บาท) เค้กมะพร้าวที่มีความดีงามตรงเนื้อสัมผัสของครีมนุ่มๆ ตามด้วยเนื้อมะพร้าวให้เคี้ยวกันเพลินๆ จานนี้ได้กลิ่นหอมของมะพร้าวแบบเต็มๆ คำ
นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารทานง่ายอย่าง Chicken Teriyaki-Tai (155 บาท) ที่ทางร้านครีเอทออกมาเป็นเบนโตะสุดคิวท์ ปรุงรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
อย่างที่บอกว่าไลฟ์สไตล์ของผมไม่ได้มาคาเฟ่เพื่อจิบเครื่องดื่มหรือถ่ายรูปอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผมยังชอบมานั่งทำงานด้วย ซึ่ง Lenovo IdeaPad Gaming 3i คู่ใจของผมก็ตอบโจทย์ทุกอย่าง นอกจากใช้ทำงานทั่วไปสำหรับพิมพ์งานเอกสาร ประชุมทางไกล ตัดต่อวิดีโอหรือตกแต่งรูป แป้นพิมพ์ยังออกแบบมาให้สอดรับกับนิ้วมือของผมได้ดี ทำให้การพิมพ์งานได้อย่างลื่นไหล และตัวคีย์บอร์ดก็มีไฟส่องขึ้นมาจากด้านใต้ทำให้การพิมพ์ไม่สะดุดแม้ใช้งานในที่แสงน้อย แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง ถ้าใครชอบพกโน๊ตบุ๊คไปทำงานข้างนอกและใช้โปรแกรมตกแต่งภาพและวีดีโอบ่อยๆ แบบผมจะต้องถูกใจแน่นอน
ที่ผมถูกใจอีกอย่างคือเขาจัดเต็ม Port รอบตัวเครื่องจริงๆ ฮะ มี USB 3.1 Type-C และ USB 3.1 Type-A อีก 2 พอร์ต ที่รับ-ส่งข้อมูลได้เร็ว แรง ที่สำคัญมีปุ่ม Restore มาให้ด้วย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทาง Lenovo โดยมี Kensington Lock ไว้ล็อกกับโต๊ะต่างๆ แถมยังรองรับ Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX แบบ 2 x 2 ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่อเสถียรเล่นเกมออนไลน์ลื่นไหลไม่มีสะดุด
ถึงแม้ว่าผมจะชอบใส่หูฟังตลอดเวลา แต่ต้องยอมรับว่า Lenovo IdeaPad Gaming 3i เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เขามีลำโพงแบบแบบสเตอริโอระบบเสียง Dolby Audio ไว้ด้านล่างตัวเครื่องทั้งมุมซ้ายและขวาในลักษณะเฉียงลงไปยังพื้น เพื่อที่จะให้เสียงได้สัมผัสกับพื้นแล้วสะท้อนขึ้นมา ทำให้เราได้ยินเสียงใสๆ แบบเซอร์ราวด์แบบไม่ต้องต่ออุปกรณ์เสริมก็สามารถอินกับเสียงจากลำโพงได้อย่างไร้ที่ติ
นอกจากฟังก์ชันการทำงานที่เราถูกใจแล้ว ตัวเครื่องยังมีประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i Gen 10H และการ์ดจอ GTX 1650 / GTX 1650 Ti ประมวลผลเร็ว เหมาะที่จะใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง ส่วนเรื่องการแสดงสีสันก็ต้องบอกเลยฮะว่าสมจริง คมชัด เนียนกริบ ยิ่งบวกกับจอที่ไม่มีแสงสะท้อนเลย ใช้งานได้ยาว คอเกมส์แฮปปี้ชัวร์
ทิ้งท้ายถ้าให้ผมนิยาม Lenovo IdeaPad Gaming 3i เป็นอะไรในชีวิต ก็ต้องยกให้เป็นเพื่อนซี้คู่หูจริงๆ ฮะ ด้วยดีไซน์เรียบหรู ตัวเครื่องเล็กกระชับ ขอบหน้าจอบางเฉียบ พกไปไหนมาไหนได้สบายแบบไม่ต้องกลัวไหล่พังด้วยน้ำหนักเพียง 2.20 กิโลกรัมเท่านั้น แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวกว่า 7 ชั่วโมง แถมยังเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ระบายความร้อนได้ดี ที่สำคัญคือบริการหลังการขายทำให้ผมอุ่นใจมากๆ กับประกัน On-site Service 2 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้าน พร้อมประกันอุบัติเหตุที่เคลมได้ 100% เครื่องแรง จอดี ระบบเสียงเยี่ยมในราคาเริ่มต้นเพียง 25,990 บาทแบบนี้ มีติดไว้สักเครื่องรับรองคุ้มค่าแน่นอนฮะ
Beaker and Bitter
ที่ตั้ง : 4 ซอย สายลม 1 แขวง สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ
เวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 - 22.00 น.
โทรศัพท์ : 0829896946
GPS : https://g.page/beakerandbitter?share
Facebook : https://www.facebook.com/beakerandbitter/
Tags: กรุงเทพ อารีย์ ซอยสายลม คาเฟ่ซอยพหลโยธิน คาเฟ่อารีย์ คาเฟ่กรุงเทพ คาเฟ่เปิดใหม่ คาเฟ่ถ่ายรูปสวย BeakerandBitter LenovoIdeaPadGaming3i เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค
รีวิวที่กิน | 07 ต.ค. 2024 | 907 อ่าน
รีวิวที่กิน | 01 ส.ค. 2024 | 837 อ่าน
รีวิวที่กิน | 10 ก.ค. 2024 | 1,933 อ่าน
รีวิวที่กิน | 30 เม.ย. 2024 | 6,554 อ่าน
รีวิวที่กิน | 30 เม.ย. 2024 | 5,105 อ่าน
รีวิวที่กิน ที่กิน | 02 เม.ย. 2024 | 3,198 อ่าน
รีวิวที่กิน | 26 ธ.ค. 2023 | 2,748 อ่าน
รีวิวที่กิน | 08 ธ.ค. 2023 | 10,010 อ่าน
รีวิวที่กิน | 21 มิ.ย. 2023 | 25,007 อ่าน
รีวิวที่กิน | 12 มิ.ย. 2023 | 43,790 อ่าน
รีวิวที่กิน | 24 พ.ค. 2023 | 11,884 อ่าน