calendar_month 21 ส.ค. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 62,650 / ทริปตัวอย่าง , ที่เที่ยว
เชียงใหม่ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ... เพราะเชียงใหม่มีอะไรให้เราได้ตื่นเต้นตลอดทุกครั้งที่ไปเยือน ทั้งคาเฟ่ ร้านอาหารเก๋ๆ และจุดเช็คอินแลนด์มาร์คใหม่ๆ และครั้งนี้เชียงใหม่ก็ทำให้เราตกหลุมรักอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างเชียงใหม่จะยังมีหมู่บ้านเล็กๆ ริมลำธาร บรรยากาศชิลแบบนี้ซ่อนตัวอยู่ อยากรู้ว่าจะมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่อีกบ้าง ตามเราไปเที่ยว "ปางไฮ" หมู่บ้านสุดสโลว์ไลฟ์กันได้เลย
ทริปนี้เราเดินทางด้วยรถไฟ แต่ด้วยความที่ชาวแก๊งค์มัวแต่ลีลา ตัดสินใจช้า เลยปรากฏว่าจองตั๋วรถไฟขบวนใหม่ไม่ทัน ต้องแยกกันไปคนละขบวน โดยเราได้นั่งรถไฟขบวนใหม่อย่างรถด่วนพิเศษอุตราวิถี ในขณะที่คนที่เหลือนั่งรถด่วนพิเศษอีกขบวนตามไปทีหลังอีกทีหนึ่ง แต่ไปขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพงพร้อมกัน
รถไฟของเราออกตอนเวลา 18.10 น. เป๊ะ เราขึ้นรถก่อนรถออกประมาณ 10 นาที เลยพอมีเวลาเก็บภาพขบวนรถโล่งๆ มานิดหน่อย เพราะวันนั้นมีผู้โดยสารเดินทางเต็มทุกที่นั่ง (เราไปก่อนช่วงโควิด-19)
บนรถไฟขบวนใหม่หรูหรา สะดวกสบาย เบาะที่นั่งเป็นสีแดงแถมใหม่มากกก...มีไฟสำหรับเปิดอ่านหนังสือและช่องเสียบชาร์จแบตโทรศัพท์ใกล้ที่นั่งให้ด้วย
พอรถออกได้สักพักพนักงานก็มาปูเตียง เราจองขบวนเลดี้โบกี้ที่เป็นขบวนผู้โดยสารหญิงล้วนมา พนักงานประจำตู้โดยสารก็จะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน
ขนาดจองล่วงหน้าหลายสัปดาห์ วันที่เราจองตั๋วยังเกือบเต็ม เราเลยได้นอนเตียงบน มันก็จะรู้สึกโยกนิดๆ เวลารถไฟวิ่งเร็วๆ และไฟในตู้โดยสารค่อนข้างจะสว่าง ขนาดมีม่านยังรู้สึกได้ ฉะนั้น ใครรู้ตัวว่านอนหลับยากแนะนำพกผ้าปิดตามาเวลานอนด้วยก็ดี (แต่ถ้านอนเตียงล่างโอเคเลย...เดี๋ยวขากลับจะมารีวิวให้ดูอีกที)
ก่อนนอนเราไปล้างหน้าแปรงฟัน เลยพามาดูห้องน้ำบนรถไฟกันนิดหนึ่ง ทุกตู้โดยสารจะมีห้องสุขา 2 ห้อง แยกกับอ่างล้างหน้าให้ด้านนอก มีพนักงานคอยทำความสะอาดตลอด ไม่ต้องกังวล
พอประมาณ 7.15 น. เราก็มาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ อากาศเย็นสบายจนเกือบหนาว เราลากกระเป๋าออกไปนั่งรอเพื่อนที่หน้าสถานี พอสัก 8 โมงกว่าๆ เกือบ 9 โมง รถไฟขบวนหลังก็มาถึง ชาวคณะแต่ละคนเลยเช็คอินถ่ายรูปกับหัวรถจักรไอน้ำด้านหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่กันซะหน่อย
ทริปนี้พวกเราเช่ารถขับเที่ยวกันเอง ด้วยความที่ตอนที่เราไปนั้นเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวไฮซีซั่นของเชียงใหม่พอดี บอกเลยว่ารถเช่าแทบหมดเมืองเลยจ้า! ทักถามหลายเจ้าคำตอบคือโดนจองเต็มหมด! กว่าจะหารถเช่าในวันที่เราไปได้คือยากมากกก... แต่ในที่สุดก็ได้คันนี้มา ยอมจ่ายแพง เพิ่มเงินอีกหน่อย แต่ได้เดินทางสบายๆ แถมรถยังใหม่สุดๆ พวกเราเป็นลูกค้ารายแรกที่ได้ประเดิมเช่ากันเลย
พร้อมแล้วล้อหมุนออกเดินทางกันเลย แต่ยังขับออกไปไม่พ้นหน้าสถานี สมาชิกบอกหิวแล้ว...เลยแวะกินข้าวซอยบ้านคุณยายเติมพลังกันก่อน
จากนั้นยิงยาวมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปทางอำเภอดอยสะเก็ด ขับรถไปทางตำบลเทพเสด็จเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้คือหมู่บ้านปางไฮนั่นเอง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที- 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น ก็ได้มาพบกับบรรยากาศแบบนี้แล้ว
สารภาพว่าครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ "ปางไฮ" เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าอยู่ตรงส่วนไหนของเชียงใหม่ แต่พอได้มาเยือนที่นี่แล้วบอกเลยว่าตกหลุมรักเข้าอย่างจัง! จนบอกกับตัวเองว่า นี่ฉันไปอยู่ที่ไหนมา? ทำไมถึงเพิ่งรู้จักและมาเที่ยวที่นี่เอาป่านนี้! คือบรรยากาศที่นี่มันดีมากกกกก... โดยเฉพาะที่พักริมลำธารอย่าง "วรมันต์ ฮัท" ที่เราจองมา คือราคาแค่หลักพันต้นๆ นิดๆ แต่ความฟินหลักล้านจริงๆ
ทริปนี้ด้วยความที่อยากสัมผัสบรรยากาศของปางไฮแบบเต็มที่ เราเลยแยกจองที่พักเอาไว้ 2 ที่ คืนแรกพวกหนุ่มๆ นอนที่วรมันต์ ฮัท ส่วนเราแยกมาพักอีกที่หนึ่งก่อน คืนที่สองค่อยมาพักด้วยกัน แต่พวกเราไปถึงกันตั้งแต่เที่ยง ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เลยไปแวะนั่งเล่นกันที่ "ปางไฮคอฟฟี่" จิบกาแฟแก้ง่วงกันคนละแก้ว
ปางไฮคอฟฟี่ เป็นร้านกาแฟริมลำธารบรรยากาศดีที่มีที่นั่งชิลติดริมน้ำ นอกจากนี้ ยังมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ เราเลยตัดสินใจทานมื้อเที่ยงกันที่นี่เลย
นอกจากมุมลำธารแล้ว ที่ร้านยังมีทางเดินบนสะพานเหล็ก และต้นกาแฟที่ปลูกไว้ให้ถ่ายรูปกันด้วย
จากนั้นเราขับรถไปเที่ยวกันต่อ ปางไฮเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ใช้เวลาขับรถแป๊บเดียวก็ทั่ว และยังมีที่เที่ยวและหมู่บ้านใกล้เคียงอยู่รอบๆ เราเปิดแผนที่แล้วขับรถไป "น้ำตกเทพเสด็จ" ทางเข้าต้องตัดผ่านไร่กาแฟของชาวบ้านเข้าไปลึกพอสมควร
เราจอดรถไว้ที่ด้านหลังโรงเรียนแล้วเดินเข้าไปตามป้ายอีกประมาณ 800 เมตร ทางเดินค่อนข้างรกครึ้มพอสมควร บางช่วงต้องปีนป่ายผ่านขอนไม้และเถาวัลย์ที่ขวางทางเดิน แต่ไหนๆ ก็มากันขนาดนี้แล้ว เลยตัดสินใจลุยกันต่อไปให้ถึงน้ำตกให้ได้
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว "น้ำตกเทพเสด็จ" แม้จะเป็นน้ำตกเล็กๆ แต่ถ้ามาเที่ยวตำบลเทพเสด็จทั้งทีก็ควรแวะมาเช็คอินที่นี่สักครั้งหนึ่ง
ขากลับเราขับผ่านเห็นป้ายเล็กๆ ว่า "น้ำตกตาดเหมย" เลยจอดรถแวะลงไปถ่ายรูปกัน น้ำตกแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าน้ำตกเทพเสด็จ แถมทางเดินก็ไม่ไกลด้วย ใครขี้เกียจเดินลุยป่าแนะนำให้ลองมาเที่ยวน้ำตกนี้กันดู
ตอนเย็นเราแยกย้ายกันเข้าที่พัก คืนนี้เราสองสาวพักกันที่นี่ "ฮิมดอยโฮม ณ ปางไฮ" ที่พักเปิดใหม่ติดริมลำธาร บรรยากาศดีมากกก...มีทั้งห้องพักเป็นบ้านและเต็นท์กระโจมติดริมน้ำ แอบเสียดายที่เราจองห้องนี้ไม่ทัน แต่แอบเก็บภาพบรรยากาศมาฝาก
โชคดีที่มีห้องหลุดจอง เราเลยได้พักที่นี่หนึ่งคืน เป็นห้องพักชื่อว่า "หอมหมื่นลี้" อยู่บนตัวบ้านหลังใหญ่ พักได้ทั้งหมด 4 คน แต่เราไปพักกันแค่ 2 คน พี่เค้าเลยใจดีลดราคาให้ครึ่งหนึ่ง จากคืนละ 5,000 บาท เหลือแค่ 2,500 บาท ราคานี้รวมอาหารเย็นและอาหารเช้าแล้ว
ตอนเย็นหนุ่มๆ ขับรถแวะมาทานข้าวเย็นที่ที่พักของเรา โดยที่พักเค้าจัดชุดหมูกระทะไว้ให้สำหรับแขกที่มาพัก แต่สำหรับเพื่อนๆ อีก 2 คนที่ไม่ได้พักที่นี่ก็ขอพี่เค้าเพิ่มเงินค่าอาหารแทน ปกติแล้วจะจัดไว้ให้เฉพาะแขกของที่พักเท่านั้น
พออิ่มแล้วไปนั่งเล่นรอบกองไฟกัน ที่เราตัดสินใจเลือกพักที่นี่ เพราะชอบตรงที่ที่พักเค้าจัดมุมลานรอบกองไฟไว้ให้ลูกค้าได้มานั่งผิงไฟ ปิ้งมันเผา ข้าวโพด มาร์ชเมลโลฟรี บอกเลยว่าดีงามเข้ากับบรรยากาศมากๆ
คืนนั้นอากาศประมาณ 17 องศา แต่ว่าเรากลับรู้สึกอบอุ่น เพราะมีเสียงกีต้าร์และเสียงหัวเราะจากเพื่อนใหม่ที่ล้อมวงร้องเพลงนั่งคุยกันเบาๆ ใครชอบบรรยากาศแบบนี้ แถมยังได้มิตรภาพใหม่ๆ เพิ่มจากการเดินทาง แนะนำลองมาพักที่ฮิมดอยโฮม ณ ปางไฮ กันสักคืน รับรองว่าประทับใจแน่นอน
เช้าวันต่อมา เราตื่นกันแต่เช้ามืดเพื่อขับรถไปเที่ยวกันที่ "กิ่วหิน" อีกหนึ่งที่เที่ยวไฮไลท์ไม่ไกลจากที่พัก ซึ่งพี่เจ้าของฮิมดอยโฮม ณ ปางไฮ แนะนำบอกกับพวกเราว่าพลาดไม่ได้ ต้องไปให้ได้จริงๆ เพราะจุดชมวิวกิ่วหิน ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง และยังเป็น "ประตูสู่ลำปาง" เพราะแค่ขับรถมาไม่ไกลจากหมู่บ้านปางไฮ เทพเสด็จ ก็เข้าสู่เขตจังหวัดลำปางแล้ว
หลังจากขับรถในความมืดขึ้นเขามาได้สักประมาณ 20 นาที เราก็มาถึงจุดชมวิวกิ่วหินสักที ฟ้าเริ่มสางมองเห็นแสงสีทองอยู่รำไร เราเดินไปตามทางเดินสะพานไม้ที่สร้างไว้อย่างดี เพื่อไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นกัน
เสียดายที่วันนั้นมีเมฆบัง เลยอดเห็นพระอาทิตย์ขึ้นแบบเต็มตา แต่ก็ยังมีวิวสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปกันแทน ไม่เสียแรงที่ลงทุนตื่นแต่ตี 5 เพื่อมาที่นี่
จากจุดชมวิวกิ่วหิน เราขับรถไปหากาแฟจิบกันที่หมู่บ้านแม่ตอนหลวง ซึ่งอยู่ระหว่างทางขากลับ เพราะได้ยินว่าหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกกาแฟไม่แพ้ที่ปางไฮเหมือนกัน
ร้านที่เราไปคือ "ณ แม่ตอนหลวง" ร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านแม่ตอนหลวง ที่นี่เค้ามีกาแฟสดที่ปลูกเองขึ้นชื่ออย่างกาแฟเทพเสด็จให้เราได้มาลองชิม ร้านเปิดตั้งแต่เช้าตรู่ทุกวัน ใครแวะผ่านมาทางหมู่บ้านแม่ตอนหลวงลองแวะมาชิมกันดูได้
จากนั้นพวกเราก็ไปเดินเล่นในหมู่บ้าน บรรยากาศที่นี่น่ารักมากๆ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังสงบ ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำไร่กาแฟและปลูกเหมี้ยงกันเป็นหลัก มีลำธารไหลผ่านและมีวัดเก่าแก่ให้แวะเที่ยวชมกันด้วย
เดินเล่นซึมซับบรรยากาศที่บ้านแม่ตอนหลวงสักพัก เราก็ขับรถกลับไปอาบน้ำ แยกย้ายกันไปทานมื้อเช้าในที่พักของแต่ละคน อากาศหนาวๆ ได้ทานมื้อเช้า พร้อมจิบกาแฟหอมๆ ริมลำธารแบบนี้ คือฟินนนนน....
จากนั้นก็อาบน้ำเก็บของเตรียมตัวเช็คเอาท์ วันนี้เราวางแพลนไว้ว่าจะเป็นวันแห่งการคาเฟ่ฮ็อปปิ้ง เพราะตำบลเทพเสด็จได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อของเชียงใหม่ ทำให้ที่ปางไฮและหมู่บ้านรอบๆ มีคาเฟ่อยู่มากมายหลายสิบร้านเลยทีเดียว ซึ่งที่แรกที่เราไปก็ไม่ได้ไปไหนไกลเลย...คือคาเฟ่ที่อยู่ตรงข้ามที่พักเรานั่นเอง ชื่อว่าร้าน "สมศรี มีกาแฟ"
ขึ้นไปบนชั้นสองของร้าน จะมีระเบียงเอาท์ดอร์ให้นั่งจิบกาแฟชมวิวจากมุมสูงได้เหมือนกัน
ตัวร้านน่ารักมากๆ ตั้งอยู่ติดลำธาร มีที่นั่งให้เราจิบกาแฟริมน้ำ หรือใครอยากจะนอนไกวเปลฟังเสียงน้ำไหลชิลๆ ก็ได้ รับรองว่าถูกใจสายชิลแน่นอน
ไปต่อกันที่ THE FIRST VALLEY Coffee Academy ร้านกาแฟวิวดี ราคาหลักสิบ วิวหลักล้าน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านปางไฮ ใช้เวลาขับรถแค่ 10 นาทีเท่านั้น เราก็จะได้มาพบกับวิวภูเขาสวยๆ แบบพาโนรามา ที่เรียกว่าสวยจนแทบลืมหายใจเลยทีเดียว
นอกจากจะเปิดเป็นร้านกาแฟแล้ว ที่นี่เค้ายังเป็นสถาบันที่สอนเรื่องเกี่ยวกับกาแฟให้กับผู้ที่สนใจ ทั้งการปลูกกาแฟ ไปจนถึงการชงกาแฟทุกขั้นตอน ใครเป็นคอกาแฟตัวจริง มาที่นี่รับรองว่าถูกใจแน่นอน!
คาเฟ่เทพเสด็จร้านที่ 4 ของวันนี้! เราไปเช็คอินต่อกันที่ Palore Coffee & Tea House คาเฟ่สุดเก๋ที่ตั้งอยู่ริมถนนจากดอยสะเก็ดไปลำปาง ตัวร้านโดดเด่นสะดุดตาด้วยสะพานเชือกแขวนขนาดใหญ่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่
นอกจากเครื่องดื่มอย่างชา-กาแฟแล้ว ที่ร้านยังอาหารทั้งพื้นเมืองและฟิวชั่นให้เลือกอิ่มอร่อยกันด้วย เมนูแนะนำห้ามพลาดเลยคือ น้ำพริกแมคคาเดเมีย รสชาตินัวๆ มันๆ บอกเลยว่าต้องลองชิม!
อิ่มแล้วอย่าลืมไปเดินเล่นถ่ายรูปบนสะพานแขวนกันด้วยนะ...บอกเลยว่าปังเว่อร์!
หลังจากไปเช็คอินมาหลายร้าน บอกเลยว่าตอนนี้ระดับคาเฟอีนในร่างกายพุ่งไปทะลุปรอทแล้ว ชักจะเริ่มไม่ไหว...เลยตกลงกันว่าขับรถไปเข้าที่พักก่อนดีกว่า คืนที่สองพวกเราย้ายมานอนกันที่วรมันต์ ฮัท ห้องพักสวยเก๋อยู่ติดลำธาร บรรยากาศดีมากเว่อร์!
ที่นี่เค้าเปิดเป็นทั้งที่พักและคาเฟ่ด้านหน้าชื่อว่า "โซชิลล์ คอฟฟี่" มีที่นั่งทานอาหารติดริมลำธาร บรรยากาศดีงามสุดๆ ใครไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถแวะมาจิบกาแฟถ่ายรูปกันได้
อากาศที่นี่เย็นสบายมากๆ ยิ่งตอนเย็นแดดเริ่มหมดก็เริ่มหนาว แต่พวกเราก็อดใจไม่ไหวขอลงไปเดินเล่นถ่ายรูปในลำธาร เอาเท้าจุ่มน้ำกันสักหน่อย บอกเลยว่าเย็นเจี๊ยบบบบ...
สำหรับมื้อเย็น เราก็ทานกันที่ร้านอาหารของที่พักเลย เค้ามีอาหารจานเดียวง่ายๆ ราคาไม่แพงขาย ได้ทานข้าวฟังเสียงลำธารไปด้วย ชิลสุดๆ
บรรยากาศตอนกลางคืนคือโรแมนติกมากๆ ใครมากับแฟนน่าจะฟิน แต่เรามากับเพื่อนก็ชิลไปอีกแบบ
วันที่สาม...วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว สารภาพว่ายังไม่อยากกลับเลยจริงๆ คิดถึงบรรยากาศ ผู้คนที่น่ารัก และอากาศดีๆ ของปางไฮจนอยากอยู่ต่อนานๆ แต่ก็ต้องกลับไปทำงานต่อ วันนี้เราเลยตระเวนเก็บตกบรรยากาศและที่เที่ยวที่เหลือในปางไฮและตำบลเทพเสด็จกันให้จุใจ
เช็คเอาท์ออกจากที่พักแล้วออกสตาร์ทด้วยการไปจิบกาแฟชมวิวกันที่ร้าน "พิงดอย คอฟฟี่" อีกหนึ่งคาเฟ่เทพเสด็จที่วิวสวยเด็ดสมชื่อ
ตัวร้านตั้งอยู่บนเนินเขา เดินขึ้นไปพอเหนื่อยกำลังดี...มีทางเดินสะพานไม้แบบนี้และสวนน้ำตกเล็กๆ ให้ถ่ายรูปกันด้วย
ที่นี่เปิดเป็นทั้งร้านกาแฟและที่พักโฮมสเตย์เล็กๆ ด้วย จากระเบียงร้านมองลงไปจะเห็นวิวหมู่บ้านปางป่าไร่ เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันกับหมู่บ้านปางไฮ วิวจากมุมนี้ดูคล้ายๆ กันกับหมู่บ้านแม่กำปองเหมือนกัน
วันที่เราไปยังค่อนข้างเช้าอยู่ จึงไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย บรรยากาศเลยเหมือนได้เหมาทั้งร้านนั่งจิบกาแฟชมวิวกันชิลๆ
จากนั้นเราแวะไปไหว้พระทำบุญกันที่วัดตาดเหมย วัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านตาดเหมย ห่างจากหมู่บ้านปางไฮไปประมาณ 5 กม. ที่นี่เป็นวัดเล็กๆ บรรยากาศสงบเงียบ มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เพียงไม่กี่รูป สามารถแวะมาไหว้พระทำบุญกันได้
อุโบสถที่นี่สวยงามมากๆ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลักขนาดใหญ่ซึ่งได้แกะสลักจากไม้จำปีทั้งต้น อายุหลายร้อยปี ฝีมือช่างสล่าภูมิปัญญาในท้องถิ่น
ก่อนมาเราได้ยินมาว่าในโซนเทพเสด็จมีคาเฟ่เปิดใหม่ วิวดีอีกแห่ง เลยขับรถตาม GPS ไปเช็คอินกันที่ "Sky Hawk Cafe" คาเฟ่สุดเท่ที่มีไฮไลท์อย่างระเบียงลอยฟ้าและทางเดินสกายวอล์คไม้ให้เราจิบกาแฟชมวิวกันจากมุมสูง
มุมยอดฮิตต้องยกให้ที่นั่งรังนกตรงระเบียงลอยฟ้าตรงนี้ วิวดีมากกก...แต่แนะนำให้ไปช่วงเช้าๆ หรือเย็นๆ ดีกว่า เพราะตอนกลางวันแดดค่อนข้างร้อน
ตอนที่เราไปร้านเพิ่งเปิดใหม่หมาดๆ ยังไม่มีเมนูอาหารขาย เราเลยสั่งเครื่องดื่มกับเค้กมากินชมวิวกันชิลๆ
นอกจากคาเฟ่แล้ว ที่นี่ยังมีบริการเครื่องเล่นแอดเวนเจอร์อย่างซิปไลน์ด้วย เสียดายที่มีเวลาน้อย คราวหน้ามาต้องลองเล่นดู น่าสนุกดีอ่ะ!
ตะลอนเที่ยวกันจนเริ่มหิว ก่อนกลับเราแวะไปทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน "Take a Walk-เตวแอ่ว" คาเฟ่สุดน่ารักอีกแห่งที่ตั้งอยู่ระหว่างทางจากปางไฮไปเชียงใหม่ในอำเภอดอยสะเก็ด การเดินทางไปที่นี่เราต้องจอดรถไว้ด้านหน้าแล้วเดินเข้าซอยเล็กๆ ค่อนข้างลึกลับ แล้วจึงค่อยข้ามสะพานเชือกแขวนข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง
บริเวณร้านกว้างขวาง มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ทั้งบ้านต้นไม้, บ้านโพรงกระต่ายคล้ายๆ บ้านฮอบบิท นอกจากนี้ ยังมีโซนฟาร์มเลี้ยง เป็ด ไก่ ม้า ฯลฯ อีกด้วย
ร้านนี้มีโซนให้เลือกนั่งทานอาหารหลากหลายโซน ทั้งด้านในบ้านไม้หลังใหญ่ที่มีระเบียงชมวิว หรือจะไปนั่งชิลที่แคร่ไม้ไผ่ริมลำธารก็ได้
นอกจากบรรยากาศดีแล้ว อาหารและเครื่องดื่มที่นี่ยังอร่อย ราคาไม่แรง ใครมีโอกาสแวะมาเที่ยวแถวดอยสะเก็ดลองแวะมาเช็คอินกันได้
จากนั้น เราออกเดินทางจากดอยสะเก็ดกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ปิดท้ายด้วยการแวะไปซื้อของฝากกันที่กาดต้นพยอมก่อนกลับไปคืนรถที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เพื่อขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพฯ ตอน 6 โมงเย็น
บนรถไฟขากลับบรรยากาศคึกคักกว่าขามา เพราะในที่สุดเพื่อนเราก็จองรถไฟขบวนเดียวกันได้สำเร็จ55 รถออกตรงเวลา มาถึงกรุงเทพฯ ตอนประมาณ 6 โมงเช้า ลากกระเป๋ากลับไปอาบน้ำแล้วไปทำงานได้ทันเวลาพอดี
บอกเลยว่าเวลา 3 วัน 2 คืนที่ปางไฮ ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองที่เคยมีต่อเชียงใหม่ ว่าไม่ได้มีแค่คาเฟ่ชิคๆ ในตัวเมือง หรือแค่สวนดอกไม้ที่แม่ริม แต่ยังมีหมู่บ้านเล็กๆ ริมลำธารในหุบเขาที่รอให้เราไปสัมผัสบรรยากาศเรียบง่ายที่เริ่มจะหาที่ไหนไม่ได้แล้วในตอนนี้ ยิ่งพอได้กลับมาดูรูปถ่ายก็เหมือนได้ย้อนความทรงจำ และนับถอยหลังรอวันที่จะเดินทางกลับไปหมู่บ้านแห่งนี้ อีกไม่นานแล้วเราจะกลับไปที่นี่...ปางไฮ
บทความแนะนำ:
Tags: เชียงใหม่ เที่ยวเชียงใหม่ ปางไฮ ดอยสะเก็ด วรมันต์ ฮัท ฮิมดอยโฮม ณ ปางไฮ ที่พักเชียงใหม่ ที่พักปางไฮ ที่พักดอยสะเก็ด คาเฟ่ปางไฮ คาเฟ่เชียงใหม่ แม่กำปอง
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 416 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 363 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 05 พ.ย. 2024 | 4,019 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 พ.ย. 2024 | 875 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 08 พ.ย. 2024 | 1,634 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 886 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 2,100 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,195 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 10 ต.ค. 2024 | 1,482 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,204 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 884 อ่าน