calendar_month 18 ส.ค. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 42,376 / ทริปตัวอย่าง , ที่เที่ยว
‘เชียงใหม่’ จังหวัดที่คึกคักที่สุดในภาคเหนือ เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของล้านนา มีครบทั้งวัดวาอาราม ร้านอาหาร คาเฟ่ชื่อดัง ที่เที่ยวเชิงธรรมชาติ ไปจนถึงหมู่บ้านที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนชาวเหนือได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนมู้ดไปพักผ่อนชิลๆ ที่เชียงใหม่ แต่มีเวลาน้อยและไม่อยากไปสถานที่มีคนพลุกพล่านก็เตรียมเก็บกระเป๋าและตามเรามาได้เลย เพราะครั้งนี้เราวางแพลนสั้นๆ ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันจองที่พักหรูในราคาสุดคุ้ม โดยตั้งใจว่าจะไปใช้เวลาดีๆ สัมผัสธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ส่วนจะเป็นที่ไหนอย่างไรบ้างนั้น เตรียมตัวให้พร้อมแล้วออกไปเที่ยวกันได้เลย
อย่างที่บอกว่าทริปนี้เราปักหมุดไปเที่ยวกันที่เชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน เที่ยวชิลๆ ไม่ต้องลางาน เราเลยออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้าโดยนั่งเครื่องบินมาลงสนามบินเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้วค่ะ รับกระเป๋า และรับรถเช่าเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปยัง ฮ้านถึงเชียงใหม่ ร้านอาหารเหนือในซอยวัดอุโมงค์ที่เพิ่งได้รับรางวัลมิชลินไกด์ 2563 หรือบิบ กูร์มองด์หน้าใหม่ 2020 ไปหมาดๆ 1 ดาว เรากับเพื่อนเลยไม่พลาดที่จะปักหมุดไปชิมความอร่อยกันที่นี่ ซึ่งต้องบอกเลยว่าจ๊าดลำมากกกก รสชาติแบบคนเมืองแท้ๆ มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทุกเมนูจะเสิร์ฟด้วยจานสังกะสีเล็กๆ รองด้วยใบตอง เรียกว่ามาร้านนี้นอกจากจะได้ชิมอาหารที่รสชาติถึงเครื่องแล้ว บรรยากาศภายในร้านยังให้ความรู้สึกว่าถึงเชียงใหม่อย่างแท้จริงด้วยล่ะ
ฮ้านถึงเชียงใหม่
ที่ตั้ง : 63/9 ซ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 20.30 น.
โทรศัพท์ : 0910766100
GPS : https://g.page/Thungchiangmai?share
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารเหนือแท้ๆ แล้ว เราก็ขอไป Hopping ต่อที่ร้าน Brewginning coffee ตั้งอยู่ในย่านชุมชนเก่าแก่ บนถนนช้างม่อย เส้นเดียวกันกับทางที่จะไปตลาดวโรรส ที่นี่นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของเครื่องดื่มที่มีให้เลือกลิ้มลองแบบจุใจแล้ว การออกแบบและตกแต่งร้านที่รีโนเวทห้องแถว ตึกเก่ามาทำใหม่แต่ยังคงเดิมโครงสร้างเดิมไว้แทบทั้งหมด เพื่อให้ได้กลิ่นอายคลาสสิกย้อนยุคแบบฮิปๆ ด้านในวางเคาท์เตอร์บาร์ไว้ตรงกลาง ก่อนจะแบ่งที่นั่งด้านข้างอีกนิดหน่อย ด้านในมีห้องแอร์เป็นที่นั่งแบบขั้นบันได ที่เก๋สุดคือเขามีกิจกรรมโดยมีดีเจมาเปิดแผ่นเล่นเพลงด้วยจ้า หรือถ้าใครอยากมู้ดฮิปๆ แนะนำมุมด้านข้างที่นั่งเอาท์ดอร์รับแดดเบาๆ ด้านนอกเลยจ้า รับรองถ่ายรูปออกมาสวยเท่มีคนไลค์รัวๆ แน่นอน
Brewginning coffee
ที่ตั้ง : 260 ถ.ช้างม่อย ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
เวลาเปิดบริการ : ทุกวัน 07.00 - 19.00 น.
GPS : https://goo.gl/maps/ySr45iDBKBh7ALs56
ถ้ามาจิบกาแฟที่ Brewginning coffee อย่าลืมแวะไปช้อปปิ้งข้าวของเครื่องใช้งานจักสานฝั่งตรงข้ามร้าน บริเวณหัวมุมถนนช้างม่อยเก่านะคะ เพราะมีร้านค้าของคนท้องถิ่นขายเครื่องจักสานมากมาย ทั้งกระเป๋า รองเท้า ของแต่งบ้าน รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ขอบอกว่าราคาน่ารักน่าหยิกสุดๆ ใครอยากซื้อของจักสานไปตกแต่งบ้านหรือซื้อฝากเพื่อนๆ แนะนำเลยจ้า รับรองว่าคนรับถูกใจแน่นอน
ร้านขายของจักสานถนนช้างม่อยเก่า
ที่ตั้ง : ถ.ช้างม่อยเก่า ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
เวลาเปิดบริการ : ทุกวัน 08.00 - 17.00 น.
GPS : https://goo.gl/maps/4KeeDYxrKkRJ5aXp6
หลังจากช้อปปิ้งข้าวของเครื่องใช้จักสานกันพอกรุบกริบก็ได้เวลามูฟออนไปยังที่พักกันแล้วค่ะ ซึ่งเราจอง Raya Heritage (รายา เฮอริเทจ) โรงแรมในอ.แม่ริม ติดแม่น้ำปิง เครือเดียวกันกับโรงแรมรายาวดี จ.กระบี่ ที่พร้อมเติมเต็มทุกการพักผ่อน ผ่านสถาปัตยกรรมสวยๆ ผสานเสน่ห์และอัตลักษณ์ของความเป็นล้านนาเพื่อให้ผู้มาเยือนได้ซึมซับกลิ่นอายเมืองเหนือและได้ใช้เวลาดีๆ ภายใต้โลเคชันที่เงียบสงบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามสามารถเดินเล่นได้ในทุกพื้นที่
เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบกับมุมล็อบบี้เปิดโล่ง เพดานดับเบิ้ลวอลลุ่ม สูงโปร่งสบาย ขนาบข้างด้วยอาคารสีขาว มีคอร์ตสวนสวยตรงกลางที่มีต้นสะเดาเป็นจุดนำสายตา พร้อมกับไม้พุ่มและสนามหญ้าสีเขียวขจีที่ทอดยาวไปจนสุดขอบของแม่น้ำปิง ซึ่งระหว่างที่รอเช็คอินพนักงานจะเสิร์ฟน้ำรากบัวกับผ้าเย็นเป็นการต้อนรับผู้มาเยือนให้สัมผัสถึงความผ่อนคลาย
เช็คอินเรียบร้อยแล้วเราก็ฝากกระเป๋าไว้ตรงล็อบบี้ก่อน เพราะ Raya Heritage (รายา เฮอริเทจ) ยังมี ไอ-ว่าน สปา บริการสปาหลักของโรงแรม และลานชา ที่ตั้งอยู่บนระเบียงชั้นสองเสมือนคาเฟ่ขนาดย่อมๆ ให้เราได้แวะไปนั่งชิล โดยตกแต่งพื้นที่ด้วยข้าวของเครื่องใช้สไตล์ล้านนาที่ผลิตจากฝีมือของคนท้องถิ่นมาใช้จริง ทั้งโคมไฟที่ทำมาจากถังหมัก หมอนสีฟ้าที่ผ่านการย้อมสีคราม ผนังมู่ลี่ที่ทาสีดำ รวมไปจนเฟอร์นิเจอร์หวาย เหมาะแก่การมานั่งจิบชาและเครื่องดื่มมากมายหลายเมนูไปพร้อมๆ กับการทอดสายตาชมวิวแม่น้ำยามบ่าย ส่วนพื้นที่ด้านล่างคือ บ้านท่า เลานจ์บริการค็อกเทลและเครื่องดื่มหลากชนิดในยามพลบค่ำ คลุมด้วยโทนสีดำดูลึกลับน่าค้นหา
นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำ(ระบบเกลือ) ขนาดใหญ่ขนาบข้างไปกับแม่น้ำปิง แล้วยังมีห้องฟิตเนสให้ผู้เข้าพักได้เลือกใช้เติมความสุขระหว่างที่พักผ่อนที่นี่อีกด้วยนะคะ
เดินเล่นชมบรรยากาศกันไปแล้วก็ได้เวลาเข้าห้องพักกันแล้วค่ะ ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 38 ห้อง มีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ 3 ชั้น คือ ครามพูล ห้องชั้นล่างที่มาพร้อมพูลส่วนตัว ส่วนชั้นสองคือ รินเทอร์เรซ ห้องโทนสีดำที่มีระเบียงด้านหน้า และห้องชั้นบนสุดคือ เฮือนบน ที่แปลว่าบ้านชั้นบน ห้องใต้หลังคาโทนสีขาวครีม มาพร้อมระเบียงมองเห็นแม่น้ำปิงเช่นเดียวกับห้องชั้นสอง ซึ่งจุดเด่นของ Raya Heritage (รายา เฮอริเทจ) คือทุกห้องพักจะหันหน้าไปทางแม่น้ำปิง ตกแต่งอย่างเรียบง่าย อีกทั้งภายในห้องยังเต็มไปด้วยงานฝีมือพื้นเมืองอย่างเฟอร์นิเจอร์จักสาน ผ้าทอ ตระกร้อสาน กรอบไม้ สะท้อนกลิ่นอายศิลปวัฒนธรรมภาคเหนือได้เป็นอย่างดี
สำหรับห้องที่เราจองเข้ามาพักคืนนี้จะอยู่ชั้นบนสุดคือ เฮือนบน เปิดประตูเข้ามาจะเจอระเบียงนั่งเล่น มีฝ้าเพดานสูงโปร่งตามสถาปัตยกรรมบ้านไทยในอดีต มองเห็นหลังคากระเบื้องดินเผา เน้นตกแต่งอย่างเรียบหรูในโทนสีขาวครีม ในบรรยากาศที่มองเห็นวิวแม่น้ำปิงอย่างเต็มสายตา
พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นส่วนของเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ที่ซ่อนตู้เย็นไว้ด้านล่าง โดยทางที่พักได้เตรียมวัตถุดิบธรรมชาติอาทิ ดอกอัญชัน กุหลาบ และอีกมากมาย พร้อมอุปกรณ์ชงชาให้เราได้เลือกมิกซ์ตามใจชอบด้วย
ภายในห้องดูโปร่งโล่งสบายตา ถูกออกแบบมาให้มีความสวยหวานแบบผู้หญิงแต่ในขณะเดียวกันก็ดูมีเสน่ห์และร่วมสมัย มีการนำหัตถกรรมที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ อาทิ ฝ้าย กัญชง และลินินทอมาตกแต่งให้น่ามองไปซะทุกมุม อีกทั้งยังเลือกใช้โทนสีสว่างและใช้ไม้เป็นวัสดุหลักเพื่อสื่อถึงความอบอุ่น นอกจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแล้ว ยังมีมุมทำงาน ก่อนจะมีประตูกั้นเป็นห้องน้ำและห้องแต่งตัวแบบ Walk-in closet ขนาดย่อมๆ
ภายในห้องน้ำแบ่งแยกส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน นอกจากจะมีห้องอาบน้ำแบบฝักบัวแล้ว ยังมีอ่างอาบน้ำที่สามารถเปิดประตูบานเลื่อนให้มองเห็นบรรยากาศในห้องเพิ่มความเซ็กซี่เล็กๆ ขณะอาบน้ำได้ แต่ถ้าใครเขินอยากเป็นส่วนตัวก็สามารถเลื่อนประตูมาปิดได้ด้วย
ใช้เวลาพักผ่อนในห้องกันสักพักใหญ่ๆ มองออกไปนอกระเบียงเห็นท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ท้องเราก็เริ่มส่งเสียงร้องให้รู้ว่าหิวแล้วนะ เราเลยกดลิฟท์ลงมาที่ชั้น 1 เดินสับๆๆ ไปยัง ห้องอาหารคุข้าว ของโรงแรม ซึ่งจะเปิดบริการตั้งแต่ 07.00 - 23.00 น. เลยนะคะ ตัวร้านที่ถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นล้านนาสะท้อนกลิ่นอายสถาปัตยกรรมภาคเหนือแบบดั้งเดิม แต่ดูโปร่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกใสที่ล้อมอยู่รอบ อีกทั้งยังประดับประดาด้วยข้าวของเครื่องใช้ท้องถิ่นอย่างคุข้าว (กระด้งขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับฝัดข้าวเปลือก) ซึ่งถูกนำมาแขวนบนเพดานห้องอาหาร ในส่วนของที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งโซนอินดอร์และเอ้าท์ดอร์สามารถเอ็นจอยการทานอาหารและบรรยากาศได้อย่างเต็มที่โดนไม่ต้องรู้สึกเกร็ง
อาหารของทางห้องอาหารภายใต้การครีเอทของเชฟสมยศ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารท้องถิ่นไทย เน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์เอเชียฟิวชั่น ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือการรวบรวมวัฒนธรรมการรับประทานอาหารรวมไปจนถึงตำรับและวิธีทำของไทยตอนบน พม่า ลาว และจีนยูนานมาประยุกต์เป็นเมนูใหม่ที่มีความน่าสนใจและรสชาติดีได้อย่างลงตัว มื้อนี้เราสั่งอาหารมาทั้งหมด 6 เมนู เริ่มด้วยจานเรียกน้ำย่อยเมนูเก่าแก่โบราณอย่างข้าวแรมฟืนใส่ไก่สไตล์ยูนนาน ที่เชฟนำข้าวแรมฟืนมาคลุกเคล้ากับเนื้อไก่ฉีก ผัก และน้ำยำ รสชาติเปรี้ยวหวานกลมกล่อมกำลังดี
ตามมาด้วยจิ้นลุง จานนี้เชฟจัดวางเส้นขนมจีนพร้อมหมูบดก้อนกลมๆ ให้เรามาคลุกเคล้าผักสดและผักชุบแป้งทอดกรอบ เวลาทานให้ราดน้ำจิ้มที่เสิร์ฟมาพร้อมๆ กันด้วย จะอร่อยลงตัวที่สุด
มาถึงจานหลักอย่างแกงระแวงกุ้ง หนึ่งในอาหารไทยโบราณที่หาทานยาก ซึ่งมีน้ำแกงที่ขลุกขลิกเหมือนกึ่งแกงกึ่งผัด พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมของตะไคร้และสมุนไพรต่างๆ ความเด้งแน่นของเนื้อกุ้งเข้ากันดีกับความเข้มข้นของน้ำแกงเป็นอย่างดี ตามมาด้วยปลาผัดกุยช่ายรสชาติดี ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ สักจานยิ่งลงตัว ก่อนจะจบจานหลักด้วยไก่เสฉวน ที่เชฟผัดพริก กระเทียม ต้นหอม และหมาล่าได้เข้าเครื่องมากๆ จานนี้นอกจากส่งกลิ่นหอมเย้ายวนแล้วยังให้ความรู้สึกชาที่ปลายลิ้นเบาๆ ตามเอกลักษณ์ของหมาล่าด้วย
ปิดท้ายด้วยขนมหวานข้าวเม่ากับไอติมมะพร้าว ที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม เนื้อไอติมเข้มข้น ทานคู่กับข้าวเม่า เพิ่มรสชาติด้วยงา และรสหวานจากมะพร้าวขูดเส้น เป็นอันจบมื้อเย็นที่แสนฟินละมุนลิ้น
เช้าวันใหม่พวกเรานอนหลับสบายไปหน่อย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็สายแล้ว งานนี้เลยรีบอาบน้ำและลงไปทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารคุข้าว ดังเดิม ซึ่งมื้อเช้านั้นทางโรงแรม Raya Heritage (รายา เฮอริเทจ) จะเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มแบบอลาคาร์ท มีให้เลือกกว่า 20 เมนู ข้อดีคือสามารถสั่งได้เรื่อยๆ จนกว่าจะอิ่ม ส่วนเวลาบริการก็ตามสากลทั่วไปเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ 07.00 - 10.00 น.
หลังจากทานข้าวเช้าพวกเราก็กลับขึ้นห้องไปเก็บของ และแพลนกันต่อทันทีว่าเช็คเอ้าท์แล้วจะแวะไปช้อปปิ้งต่อที่ ฮิมกอง ร้านค้าของโรงแรมที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ที่เราเห็นผ่านตาในรายา ตั้งแต่ของตกแต่งตามทางเดินไปจนถึงห้องพัก แถมยังมีสินค้าแฮนด์เมดจากชาวเชียงใหม่แท้ๆ มากมายทั้งงานย้อมคราม, งานจักรสาน, เครื่องปั้นดินเผา, งานไม้ และงานเซรามิก หากถูกใจชิ้นไหนก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้ นอกจากจะได้ของสวยๆ งามๆ แล้ว ยังถือว่าเป็นการสนับสนุนฝีมือช่างท้องถิ่นของประเทศไทยอย่างยั่งยืนด้วยนะ
Raya Heritage (รายา เฮอริเทจ)
ที่ตั้ง : 157 ม.6 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ราคา : ห้องรินเทอเรสสวีทคืนละ 5,500 บาท
ห้องเฮือนบนสวีทคืนละ 6,400 บาท
ห้องครามพูลสวีทคืนละ 6,400 บาท
(ราคานี้ยังไม่ได้ลดจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”)
โทรศัพท์ : 023011861 ถึง 2
GPS : https://goo.gl/maps/r5KW2PMaMu5RUPGN6
จองที่พัก Raya Heritage (รายา เฮอริเทจ) ออนไลน์ได้ที่นี่
ช้อปปิ้งพอกรุบกริบแล้ว ช่วงบ่ายเราก็เดินทางเข้าเมืองเกือบ 20 นาที มุ่งตรงไปยัง Yelloo คาเฟ่สไตล์มินิมอลเปิดใหม่ในเครือ Yellow Crafts Cafe ตัวร้านนั้นตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ ฝั่งตรงข้ามวันนิมมาน ที่คอยต้อนรับทุกคนด้วยบรรยากาศสบายๆ ในธีมสีขาวสะอาดตา เน้นการตกแต่งแบบมินิมอลเรียบง่าย เต็มไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของขนมและเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของนมถั่วเหลืองและกาแฟสดทางเราเลยสั่ง Americano แบบคั่วกลางรสชาติเข้มข้นถึงใจ มาทานคู่กับบราวนี่แมคคาเดเมียเนื้อแน่นหนึบ รสชาติกลมกล่อม จับคู่กันลงตัวแบบพอดี
Yelloo
ที่ตั้ง : 4 ถ.นิมมานเหมินท์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00 - 19.00 น.
โทรศัพท์ : 0806793451
GPS : https://goo.gl/maps/oRnjcEfvrKYmuT4L6
เติมความสดชื่นเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปยังสนามบินเพื่อคืนรถและเตรียมเช็คอินกลับกรุงเทพฯ แล้วค่ะ การมาเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน ของพวกเราครั้งนี้เป็นอะไรที่ดีต่อใจมากเลยนะ นอกจากจะได้ถ่ายรูปสวยๆ ดื่มด่ำธรรมชาติ พักโรงแรมแสนสบายแล้ว ยังได้เติมพลังกายและใจให้พร้อมกลับไปลุยงานต่อแล้วล่ะ ถ้าใครอยากไปเที่ยวพักผ่อนที่เชียงใหม่แต่มีเวลาน้อยและกำลังมองหาที่พักสวยๆ เดินทางสะดวก คุ้มค่ากับการพักผ่อนอยู่ล่ะก็ เก็บกระเป๋าและมาตามรอยเราได้เลย รับรองประทับใจจนอยากกลับมาพักผ่อนอีกแน่นอน : )
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าเครื่องบิน (จองช่วงโปรโมชัน 2 คน 1,800 บาท)
- ค่ารถเช่า 2 วัน 900 บาท
- ค่าอาหาร 2,500 บาท
- ค่าที่พัก 3,840 บาท
- ค่าน้ำมัน 500 บาท
รวม 9,540 บาท
บทความแนะนำ:
หนาวนี้นั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน นอนดอย กินหมูจุ่ม เที่ยวฟินครบรอบเมือง! : https://www.chillpainai.com/scoop/11107
5 ที่เที่ยวเปิดใหม่ต้อนรับปี 2020 : https://www.chillpainai.com/scoop/11101
20 โรงแรมเชียงใหม่ เข้าร่วม ' เราเที่ยวด้วยกัน ' ตามไปจองได้เลย : https://www.chillpainai.com/scoop/12109
Tags: เชียงใหม่ แม่ริม เที่ยวเชียงใหม่ ทริปเชียงใหม่ ที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่พักเชียงใหม่ ที่พักสวยเชียงใหม่ ที่พักแม่ริมเชียงใหม่ ที่พักหรูเชียงใหม่ โรงแรมเชียงใหม่ RayaHeritage รายาเฮอริเทจ ร้านอาหารเชียงใหม่ ร้านอาหารเหนือเชียงใหม่ ฮ้านถึงเชียงใหม่ ร้านอาหารคุข้าว คาเฟ่เชียงใหม่ คาเฟ่เชียงใหม่2020 Brewginningcoffee Yelloo ร้านจักสานเชียงใหม่ ร้านจักสานถนนช้างม่อยเก่า
ทริปตัวอย่าง | 25 ธ.ค. 2024 | 41 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 18 ธ.ค. 2024 | 161 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 17 ธ.ค. 2024 | 494 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 09 ธ.ค. 2024 | 3,413 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 334 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 04 ธ.ค. 2024 | 2,604 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 435 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 05 ธ.ค. 2024 | 3,288 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 576 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 25 พ.ย. 2024 | 2,000 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 22 พ.ย. 2024 | 1,471 อ่าน