calendar_month 22 มิ.ย. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 26,530 / รีวิวที่กิน
หากใครไปเที่ยวกาญจนบุรีแล้วอยากไปสัมผัสบรรยากาศที่เหมือนได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางป่าฝน รายล้อมไปด้วยเสียงน้ำตก ลำธาร สายหมอก และต้นไม้เขียวขจี เราอยากจะชวนทุกคนหลบความวุ่นวายไปเช็คอินกันที่นี่ “Rainforest Café” คาเฟ่ในป่าใจกลางเมืองกาญจน์
จุดเด่นอันดับแรกคือโลเคชั่นของร้าน Rainforest Café ซึ่งจัดว่าดีมากๆ ร้านตั้งอยู่ในโซนตำบลท่ามะขาม ใจกลางเมืองกาญจนบุรี ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแควเพียงแค่ 1 กม. เท่านั้น บริเวณด้านหน้าและด้านข้างร้านมีลานจอดรถกว้างขวาง พอจอดรถเดินลงมาปุ๊บ สิ่งแรกที่ต้อนรับเราคือสายหมอกสีขาวที่รายล้อมท่ามกลางต้นไม้เขียวขจี เดินมาอีกนิดจะเจอกับทางเดินสะพานไม้ที่ทอดข้ามลำธารสีฟ้าใส และป้ายชื่อร้าน Rainforest Café โดดเด่นอยู่ด้านหน้า เรียกว่ายังไม่ทันจะเข้าร้านเราก็แวะถ่ายรูปกันจนเพลินแล้วค่ะ
พอเข้ามาในร้านโซนแรก เราจะพบกับเคาน์เตอร์สีขาวดำสไตล์โมเดิร์น พร้อมตู้เค้กที่มีขนมเค้กเรียงรายหน้าตาน่ากิน ซึ่งบอกเลยว่าเค้กที่นี่เป็นไฮไลท์เด็ดของทางร้าน ไม่แพ้กับบรรยากาศเลยล่ะค่ะ
ภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 โซน โซนแรกคือโซนห้องกระจกสไตล์กลาสเฮาส์ดีไซน์โมเดิร์นที่ผสมผสานความเป็นกรีนคาเฟ่ในธีมป่าฝนได้อย่างลงตัว ผนังร้านด้านหนึ่งตกแต่งด้วยต้นไม้จริงตลอดแนวกำแพง และยังแต่งแต้มความเขียวขจีด้วยต้นไม้สีเขียวที่ช่วยเบรคความดิบของผนังปูนเปลือยสไตล์ลอฟท์ ถ้าใครชอบธรรมชาติก็มีผนังกระจกใสจรดเพดานอีกด้าน ที่เราสามารถนั่งรับประทานอาหารพร้อมกับชมวิวสวนสีเขียวภายนอกไปด้วยได้
หากใครอยากได้บรรยากาศชิลๆ แนะนำโซนเอาท์ดอร์ที่ระเบียงด้านนอกที่มีที่นั่งให้เราจิบกาแฟชมสวน หรือจะไปนั่งรับประทานอาหารในสวนเลยก็ได้ค่ะ ได้นั่งจิบกาแฟท่ามกลางสายหมอกพร้อมฟังเสียงน้ำตกไปด้วยได้แบบนี้ชิลสุดๆ
นอกจากนี้ ภายในบริเวณร้านยังมีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ มากมาย อย่างมุมผนังอิฐสีขาวและต้นไม้ตรงมุมนี้ ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปเช็คอินกันแทบทุกคน โดนใจสายมินิมอลกันแน่นอน!
มาถึงไฮไลท์ของทางร้านอย่างโซนสวนของทางร้าน ที่มีน้ำตกจำลองสุดอลังการ ท่ามกลางบรรยากาศของป่าฝนเขียวขจี ซึ่งก็เป็นคอนเซ็ปต์ของทางร้านที่ต้องการเนรมิตให้บรรยากาศของที่นี่เป็นเหมือนป่าฝนดิบชื้น ท่ามกลางละอองของไอหมอกเหมือนป่าบนเขาที่ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลหรือเข้าป่าจริงๆ
ที่เราชอบมากๆ คือภายในสวนจะมีสายหมอกคอยพ่นละอองออกมาอย่างชุ่มฉ่ำตลอดวัน แค่เดินเข้ามาในบริเวณร้านก็รู้สึกได้เลยว่าอุณหภูมิเย็นลง ลดไปประมาณ 1-2 องศา แตกต่างจากอากาศร้อนอบอ้าวด้านนอก เพราะความชุ่มชื้นของต้นไม้และไอหมอกเย็นฉ่ำ พร้อมยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกหลายมุม เรียกว่าแค่ได้มาถ่ายรูปเช็คอินก็คุ้มกับบรรยากาศแล้วล่ะค่ะ
ลืมบอกไปว่าด้านบนของร้านยังมีโซนดาดฟ้าแบบเอาท์ดอร์ ซึ่งจะเปิดเป็น Rooftop Bar สำหรับแฮงค์เอาท์ในตอนเย็น โดยจะมีดนตรีสดมาเล่นเพลงเพราะๆ ให้เราฟังกันช่วงหัวค่ำทุกวันศุกร์, วันเสาร์และวันอาทิตย์ ที่สำคัญสามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกจากบนดาดฟ้าได้อีกด้วยค่ะ
สำหรับอาหารที่ร้านจะเน้นเป็นเมนูอาหารไทย ยุโรปและฟิวชั่น โดยจะเน้นอาหารจานเดียวที่ทานง่ายๆ เป็นหลัก เมนูแนะนำ อาทิ ผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งแม่น้ำ, ข้าวผัดเรนฟอเรสท์, ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ, สปาเก็ตตี้ซี่โครงหมูย่างผัดพริกกระเทียม ฯลฯ รวมไปถึงอาหารพื้นบ้านของเมืองกาญจน์ โดยใช้วัตถุดิบบางส่วนจากในสวนที่ทางร้านปลูกเอง โดยราคาอาหารที่นี่เริ่มต้นตั้งแต่ 95 บาทขึ้นไป ซึ่งจัดว่าราคากลางๆ ไม่แพงมาก และให้ปริมาณค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ
เริ่มต้นจานแรกกันที่ “ผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งแม่น้ำ” (135 บาท) ที่ทางร้านเค้าใช้วุ้นเส้นนุ่มเหนียวมาทำเป็นเมนูผัดไทย เสิร์ฟพร้อมกับกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ ตกแต่งจานรองด้วยหัวปลีสีม่วงน่ากินสุดๆ แถมรสชาติยังอร่อยไม่แพ้หน้าตาอาหารเลยค่ะ
ตามมาด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของที่ร้านอย่าง “ข้าวผัดเรนฟอเรสท์” (135 บาท) ข้าวผัดสมุนไพรทรงเครื่องที่ท้อปปิ้งด้วยปลาทู เสิร์ฟพร้อมน้ำยำที่มีส่วนผสมของพริก น้ำปลา มะนาว และมะม่วงซอย รสชาติอร่อยจัดจ้านแบบไทยๆ
อีกหนึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้เลยคือ “สปาเก็ตตี้ซี่โครงหมูย่างผัดพริกกระเทียม” (295 บาท) ซี่โครงหมูที่ทางร้านหมักและนำไปย่างจนเนื้อนุ่มหอม ราดด้วยซอสเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมสปาเก็ตตี้เบคอนผัดคลุกเคล้ากับพริกกระเทียม ได้รสชาติแบบฟิวชั่นเข้ากันลงตัว
ใครชอบทานอาหารจานเดียวแบบไทยๆ แนะนำลองสั่งจานนี้ “ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ” (125 บาท) ข้าวผัดคลุกน้ำพริกรสจัดจ้าน เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงอย่างกุนเชียง หมูหวาน ไข่ฝอย โรยหน้าด้วยกุ้งแห้งและไข่เค็มผ่าซีก จานนี้เหมาะจะสั่งมาทานเป็นมื้อกลางวันง่ายๆ อิ่มอร่อยกำลังพอดี
เอาใจคนที่ชอบทานพิซซ่า กับเมนู “พิซซ่าสโมคแซลมอน” (295 บาท) พิซซ่าสูตรโฮมเมดแป้งบางกรอบ ท้อปปิ้งด้วยปลาแซลมอนรมควัน มะกอก หอมแดงและใบดิว บอกเลยว่าถาดนี้ถูกใจชาว Pizza Lover กันแน่นอน!
นอกจากนี้ ทางร้านเค้ายังมีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกเพียบเลยค่ะ ประเดิมด้วยเมนูสำหรับคอกาแฟอย่าง “ยูซุอเมริกาโน่” (95 บาท) กาแฟอเมริกาโน่ผสมน้ำส้มยูซุ รสเปรี้ยวอมหวานของน้ำส้มผสมกับความเข้มของกาแฟได้อย่างลงตัว ดื่มแล้วสดชื่นสุดๆ ส่วนใครไม่ดื่มกาแฟทางร้านก็ยังมีเมนูอื่นๆ อย่าง “สตรอเบอร์รี่ชีสเค้กปั่น” (125 บาท) เมนูที่ทางร้านครีเอทนำเอาสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กมาปั่นเป็นเครื่องดื่มแบบสมูทตี้ ท้อปปิ้งด้วยวิปครีมรสชาติหวานมันไม่ซ้ำแบบใคร และ “ชาเขียวมัทฉะลาเต้” (85 บาท) ที่คอชาเขียวต้องปลื้มกันแน่นอน เพราะทางร้านเลือกใช้ชาเขียวมัทฉะแท้นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ท้อปด้วยฟองนมนุ่มๆ โรยหน้าด้วยผงมัทฉะอีกทีหนึ่ง แถมยังแอบเก๋ด้วยการนำใบไม้หรือสมุนไพรในสวนมาตกแต่งอีกด้วยนะ
มาลองจับคู่ขนมกับเครื่องดื่มอื่นๆ กันดูบ้าง เริ่มด้วย “ชาไทยบราวน์ชูก้า” (85 บาท) ชาไทยผสมไข่มุกบราวน์ชูก้า ท้อปด้วยครีมนมและซอสชาไทยเข้มข้น เวลาดื่มเราจะได้ทั้งรสชาติของชาไทยหอมๆ กลมกล่อม และยังได้เคี้ยวไข่มุกหนึบๆ ไปด้วยแบบ 2 in 1 ใครชอบกินชาไข่มุกต้องลอง!! ทานคู่กับ “Hoegaarden Rosee Cake” (135 บาท) เค้กที่มีส่วนผสมของฮูการ์เดน โรเซ่ เบียร์ผลไม้รสนุ่มที่มีแอลกอฮอล์เพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เนื้อเค้กเนียนนุ่ม หวานหอม ได้กลิ่นผลไม้อย่างราสเบอร์รีอ่อนๆ กินได้ไม่ต้องกลัวจะเมาเลยค่ะ
ใครเป็นสายดาร์กต้องลองสองเมนูนี้ “โฮจิฉะชาร์โคลลาเต้” (95 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้ชาเขียวโฮจิฉะ ชาเขียวญี่ปุ่นที่ผ่านกรรมวิธีการคั่วจนได้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ผสมกับนมและชาร์โคลแล้วท้อปด้วยฟองนมอีกที เวลาดื่มจะได้ทั้งรสชาโฮจิฉะและชาโคลเข้มข้น พร้อมกลิ่นหอมที่ขึ้นจมูก ไม่มีรสขมหรือฝาดเลยค่ะ ยิ่งได้ทานคู่กับ “Choc Moss cake” (95 บาท) เค้กช็อกโกแลตเข้มข้นที่ทำมาจากช็อกโกแลตแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื้อเค้กแน่นหนึบ รสชาติคล้ายกับช็อกโกแลตมูส แต่ทางร้านเติมกิมมิคด้วยการตกแต่งโรยหน้าด้วยผงชาเขียวมัทฉะลงไป ทำให้หน้าตาคล้ายกับมอสในป่าเหมือนชื่อเค้กนั่นเอง ชิ้นนี้จัดว่าเป็นเค้กซิกเนเจอร์จานเด็ดของที่ร้านเลยก็ว่าได้
อีกหนึ่งเค้ก Signature ของที่ร้านคือ Sangria Cake เค้กที่มีส่วนผสมของ “แซงเกรีย” ไวน์ของสเปนที่มีส่วนผสมของผลไม้รสชาติหวานหอม ท้อปปิ้งและสอดไส้ด้วยผลไม้อย่างแอปเปิ้ลและองุ่น เนื้อเค้กมีสีแดงเหมือนไวน์แดง สลับชั้นด้วยครีมสดสีม่วงอ่อน ส่วนรสชาติก็อร่อยและแปลกใหม่มากๆ คนรักเค้กไม่ควรพลาดเลยค่ะ
ปิดท้ายด้วย “เรนฟอเรสท์ วาฟเฟิล” (165 บาท) วาฟเฟิลสูตรโฮมเมดที่ทางร้านทำแป้งวาฟเฟิลเอง เสิร์ฟมาพร้อมไอศครีมชาเขียวมัทฉะ ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้อย่างดอกอัญชันและผลไม้ป่า อาทิเช่น บลูเบอร์รี่ตัดกับสีเขียวของใบไม้ ได้กลิ่นอายความเป็นป่าฝนสมชื่อเมนูขนมหวานซิกเนเจอร์ประจำร้าน
เรียกได้ว่า Rainforest Café เป็นคาเฟ่ที่ตอบโจทย์ครบทุกอย่างลงตัว ทั้งรสชาติอาหารที่อร่อยทั้งคาวหวาน เครื่องดื่มและการบริการที่อบอุ่น รวมถึงบรรยากาศร้านที่เหมือนเราได้หลุดเข้าไปในป่าจริงๆ ใครอยากได้บรรยากาศป่าฝนโดยไม่ต้องไปไกล ใช้เวลาขับรถแค่ 2 ชั่วโมงนิดๆ จากกรุงเทพฯ ก็ได้มาดื่มด่ำกับธรรมชาติสีเขียวแบบนี้ แวะมาเช็คอินกันที่ Rainforest Café กาญจนบุรีกันเลยค่ะ
Rainforest Café กาญจนบุรี
เปิด : 09.00-19.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ (ถ้าตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะหยุดในวันถัดไป)
ที่ตั้ง : 366 ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี
การเดินทาง : ร้านอยู่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว 1 กม. หากมาจากถนนแสงชูโต เข้าซอยซุ้มวัดท่ามะขามตรงเข้ามาจนเจอสี่แยกเลี้ยวขวา ตรงไปประมาณ 50 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือ (ร้านอยู่ถนนเส้นหลัง อบจ.)
แผนที่ Google Maps : https://goo.gl/maps/xvdFR7NUNEP3JhiEA
Tags: กาญจนบุรี คาเฟ่กาญจนบุรี Rainforest Café เรนฟอเรสท์คาเฟ่ คาเฟ่สวย คาเฟ่ป่าฝน คาเฟ่หมอก คาเฟ่ในเมืองกาญจนบุรี ร้านกาแฟกาญจนบุรี ร้านอาหารกาญจนบุรี ร้านชิลกาญจนบุรี ร้านน่านั่งกาญจนบุรี
รีวิวที่กิน | 07 ต.ค. 2024 | 465 อ่าน
รีวิวที่กิน | 01 ส.ค. 2024 | 667 อ่าน
รีวิวที่กิน | 10 ก.ค. 2024 | 1,482 อ่าน
รีวิวที่กิน | 30 เม.ย. 2024 | 5,989 อ่าน
รีวิวที่กิน | 30 เม.ย. 2024 | 4,632 อ่าน
รีวิวที่กิน ที่กิน | 02 เม.ย. 2024 | 2,891 อ่าน
รีวิวที่กิน | 26 ธ.ค. 2023 | 2,599 อ่าน
รีวิวที่กิน | 08 ธ.ค. 2023 | 9,735 อ่าน
รีวิวที่กิน | 21 มิ.ย. 2023 | 23,684 อ่าน
รีวิวที่กิน | 12 มิ.ย. 2023 | 42,245 อ่าน
รีวิวที่กิน | 24 พ.ค. 2023 | 11,422 อ่าน