calendar_month 18 เม.ย. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 6,723 / ข่าวท่องเที่ยว
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านมา 3 เดือนกว่าแล้ว มีการรายงานยอดผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ จนตอนนี้เหลือ 20-30 กว่าคนต่อวัน หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเราใกล้พ้นวิกฤตแล้ว แต่จากตัวเลขค่าพบเคสของประเทศไทยอยู่ที่ 0.53 ถือได้ว่าเราเพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งทางเท่านั้น ถ้าเราประมาทกัน ก็จะมีกรณีคล้ายกับญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ที่ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อระบาดเป็นรอบที่ 2 ดังนั้นยังต้องปฏิบัติตามมาตราการ Social Distancing กันต่ออีกประมาณ 1-3 เดือน เราถึงจะก้าวข้ามโควิดไปได้
ข้อมูลจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ แสดงให้เห็นถึงเส้นกราฟการรักษาในโรงพยาบาลในปัจจุบัน ต่ำกว่า 1000 ราย อยู่ที่ 899 ราย รักษาหาย 1787 ราย (ข้อมูลวันที่ 18 เมษายน) ซึ่งเป็นเพราะประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการปฏิบัติตามมาตราการ Social Distancing การเคอร์ฟิวต่างๆ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม
หลายๆ คนก็คงมีคำถามว่าเราจะเปิดเมืองได้เมื่อไร? ซึ่งก็มีหลายทฤษฎีที่มาพร้อมปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
ทฤษฎีที่ 1 จะเปิดเมืองได้ องค์การอนามัยโลกระบุว่าต้องมี 6 ข้อดังนี้
1.สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคภายในประเทศ
2.ระบบสุขภาพต้องสามารถตรวจหา ผู้มีอาการของโรคตรวจหาเชื้อแยกตัวและทำการรักษาพร้อมทั้งสอบสวนโรค
3.มีความเสี่ยงในระดับน้อยที่สุดในสถานที่เสี่ยงมากที่สุด เช่น บ้านพักคนชรา
4.โรงเรียน สำนักงาน และสถานที่สาธารณะต่างๆ ต้องมีมาตรการป้องกันเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพ
5.สามารถจัดการความเสี่ยงของโรคจากผู้ที่เดินทางเข้าประเทศได้
6.คนในชุมชนต้องมีความรู้มีส่วนร่วมและได้รับการสนับสนุนให้มีชีวิตการเป็นอยู่ ภายใต้สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการเกิดโรค
ทฤษฎีที่ 2 คำนวนค่าทางคณิตศาสตร์ (ค่าลอกการิธึม)
จากค่าพบเคสในประเทศลดลง สถิติรายวัน 7 วัน นับจากจุดวิกฤตต้องลดมากกว่า 10 เท่า หรือ ค่า 1 หน่วย
จากสูตรนี้ไทยต้องมีผู้ป่วยใหม่สะสม 7 วันไม่เกิน 84 คน หรือเฉลี่ยวันละไม่เกิน 12 คน คาดว่าคงอีกอย่างน้อย 2-6 สัปดาห์
ทฤษฎีที่ 3 ประมาณค่าทางสถิติ
จะพ้นวิกฤตได้เคสที่เพิ่มต้องไม่เกิน 5% เดิมช่วงวิกฤตเราเพิ่ม +33% หรือ double time ระยะเวลาที่เคสเพิ่มเท่าตัวใช้เวลาเพียง 3 วัน เราดึงลงมาได้ เหลือ 20% 10% ล่าสุดคือ 9% เราต้องลดมาที่ 5% คาดการณ์ว่านับจากนี้ถึง 15 พฤษภาคม เคสจะไม่เกิน 3000 ตอนนี้ 2700 หมายความว่า 28 วัน ต้องพบผู้ติดเชื้อไม่ควรเกิน 300 คน หรือไม่เกินวันละ 10 คน เลขตัวเดียวยิ่งดี
มีโอกาสที่จะเกิดเคสประทุแบบญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งก็มีหลายปัจจัยดังนี้
1.เคสที่เดินทางกลับจาก ตปท.ที่เรารับกลับ อยู่ในที่กักกัน (State Quarantine) มากน้อยเพียงใด ถ้าเราเปิดประเทศแล้วไม่มีการกักตัว คงกลับไปวนลูปเดิม
2.เปิดเทอม 1 กรกฎาคม เท่ากับว่าอีก 2 เดือนกว่าเราต้องจบ เพราะเปิดเทอมคนมากทั้ง เด็ก ผู้ปกครอง ร้านค้า ขนส่งสาธารณะ
3.โรคระบาดตามฤดูกาล อาร์เอสวีปอดอักเสบในเด็ก ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก
4.แลปคัดกรอง Rapid Test เพื่อช่วยวินิจฉัย คัดกรอง ต้องออกมาใช้การให้ได้ น่าเชื่อถือ และตรวจในวงกว้าง
5.วัคซีน คือความหวังของไทย ถ้าเปิดประเทศแล้วเชื้อเข้ามาจากคนต่างประเทศ เราจะแพร่ระบาดอีก
6.มาตราการ Social Distancing ยังต้องมีอยู่ สวมหน้ากาก ล้างมือ เลี่ยงคนหนาแน่น
ในปัจจุบันเรายังมียอดเสียชีวิตทุกวัน อายุน้อย ไม่มีโรคประจำตัวก็เสียชีวิตได้ แต่โชคดีที่เคสเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในไทยตอนนี้ประมาณ 60 ราย ไม่รุนแรง ไม่มีเสียชีวิต แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะเดิมเด็กได้รับเชื้อจากผู้ใหญ่ แต่ถ้าเปิดเทอมจะเกิดการระบาดในหมู่เด็กนักเรียน ในห้องเรียน ในโรงเรียน และจะเพิ่มโอกาสเสียชีวิต ต้องอดทนต่ออย่างน้อยอีกประมาณ 1-3 เดือน ถ้าเราประมาทอาจจะเกิดการระบาดระลอก 2 แบบสิงคโปร์ และญี่ปุ่น มาให้กำลังใจกัน เราจะก้าวข้ามโควิดไปด้วยกัน ตอนนี้เราเดินมาเกินครึ่งทางแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ : Infectious ง่ายนิดเดียว
บทความที่เกี่ยวข้อง
เตือน! ต่อคิวรับของแจกต้องจัดระเบียบ รักษาระยะห่าง หวั่นเสี่ยงติดโควิด-19
โรงพยาบาลราชวิถีเปิดตัว Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิด 19 สะดวกสบายไม่แพ้โรงแรม
ปลดล็อกสถานพยาบาลเอกชนออกตรวจคัดกรองโควิดที่บ้านได้
ข่าวท่องเที่ยว | 23 ธ.ค. 2024 | 45 อ่าน
ข่าวท่องเที่ยว | 20 ธ.ค. 2024 | 136 อ่าน
ข่าวท่องเที่ยว | 19 ธ.ค. 2024 | 160 อ่าน
ข่าวท่องเที่ยว | 17 ธ.ค. 2024 | 387 อ่าน
ข่าวท่องเที่ยว | 13 ธ.ค. 2024 | 686 อ่าน
ข่าวท่องเที่ยว | 12 ธ.ค. 2024 | 225 อ่าน