Trat Mache คาเฟ่เท่ๆ ของคนเมืองตราด

calendar_month 04 มี.ค. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 28,564 / รีวิวที่กิน

ถึงแม้ว่าเราจะเดินทางผ่านจังหวัดตราดอยู่บ่อยๆ แต่ยอมรับว่าไม่ค่อยได้เลี้ยวเข้าตัวเมืองบ่อยนัก แต่วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับคาเฟ่ที่ฮ็อตที่สุดในเมืองตราดอย่าง Trat Mache ใครจะนึกว่าในตัวเมืองตราดจะมีคาเฟ่ฮิปๆ แบบนี้ซ่อนตัวอยู่ด้วย จะเท่ขนาดไหน...ตามไปดูกันเลย!

Trat Mache (ตราดมาร์เช่) เป็นคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน เพิ่งจะครบรอบ 1 ปีไปหมาดๆ “Trat Mache” แปลว่าตลาดของคนตราดหมายถึงเป็นศูนย์รวมของกินหลากหลายแบบ ไม่ใช่แค่กาแฟ จึงเป็นที่มาของชื่อตราดมาร์เช่นั่นเอง

ตัวร้านโดดเด่นสะดุดตาด้วยอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์นอร์ดิกผสมโพสต์โมเดิร์น ที่ใครเป็นสายเซลฟี่รับรองว่าได้ถ่ายรูปด้านนอกร้านกันเพลินแน่นอน! ส่วนภายในร้านก็ตกแต่งเก๋ไก๋ในสไตล์โมเดิร์น เน้นโทนสีขาวตัดกับเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้และเคาน์เตอร์สีแดงสะดุดตา

นอกจากที่นั่งรับประทานอาหารด้านหน้า ทางร้านยังมีโซนด้านในที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและบรรยากาศอบอุ่นเหมือนนั่งทานข้าวในห้องรับแขกที่บ้านเพื่อน

ตัวร้านแบ่งเป็น 2 โซน ก็คือโซนมาร์เช่นั่นคือบริเวณภายในร้าน และจาแดง เดอ มาร์เช่ หรือโซนภายนอกที่เป็นสวน ซึ่งทางร้านกำลังจะเพิ่มน้ำพุเพื่อให้ดูเป็นสวนมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศสวนปาล์มล้อมรอบด้านหลัง นอกจากนี้ ทางร้านยังมีโซนสำหรับจัดเลี้ยงโดยเฉพาะ สามารถรองรับลูกค้าได้ 30-35 คน แต่ถ้าจัดเลี้ยงกรุ๊ปใหญ่รวมพื้นที่ในร้านทั้งหมดจะรับได้สูงสุด 150-200 คนเลยทีเดียว โดยทางร้านจะมีอุปกรณ์และเครื่องเสียงให้พร้อม ใครสนใจอยากมาจัดเลี้ยงปาร์ตี้ที่นี่ก็สามารถติดต่อมาได้เลยค่ะ

อย่างที่บอกว่าคอนเซ็ปต์ของร้าน คืออยากให้คนเดินเข้ามาแล้วรู้สึกว่าไม่ได้มีแค่ของกินที่เป็นสไตล์เดียว แต่เหมือนกับไปเดินตลาดเช้าที่จะมีทั้งของสดแล้วก็ผัก ซึ่งที่ตราดมาร์เช่ก็เช่นกัน ที่นี่จึงมีทั้งอาหารอิตาเลียนและอาหารไทย นอกจากนี้ ยังมีสเปเชียลเมนูใหม่อยู่เรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ หมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล ส่วนเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านจะเป็นกะเพราร้อยเมนู โดยมีเมนูกะเพราให้เลือกนับร้อยเมนูจริงๆ แถมยังไม่ธรรมดาตรงที่สามารถดัดแปลงเมนูกะเพราไปอยู่บนเมนูอื่นๆ อย่างพิซซ่าหรือสปาเกตตีได้ด้วย ตัวอย่างคือเมนูแนะนำจานนี้ “กะเพราแซลมอนสปาเกตตี” ที่ทางร้านนำเนื้อปลาแซลมอนมาผัดกะเพราคลุกเคล้ากับเส้นสปาเกตตี นับเป็นเมนูที่ฟิวชั่นอาหารไทยและอิตาเลียนได้อย่างลงตัว

ต่อด้วยพิซซ่าฮาวายเอี้ยน พิซซ่าสูตรโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง แป้งบางกรอบท็อปปิ้งด้วยชีสเยิ้มๆ มีให้เลือกหลากหลายหน้า อาทิ พิซซ่าแฮมเห็ด, พิซซ่าซีฟู้ด ไปจนถึงพิซซ่าแกงเขียวหวาน บอกเลยคนรักพิซซ่าต้องมาลอง!

ถัดไปคือ เมนูบักกุ๊ดเต๋ เมนูอาหารยอดฮิตของสิงคโปร์ ซึ่งบักกุ๊ดเต๋ของที่ร้านเป็นสูตรสิงค์โปร์แท้ๆ เจ้าของร้านได้มาตอนที่เรียนอยู่สิงคโปร์ นอกจากนี้ เครื่องเทศต่างๆ ก็ยังนำเข้ามาจากสิงคโปร์โดยเฉพาะ รสชาติจึงอร่อยไม่แพ้ต้นตำรับ ซี่โครงหมูตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม เสิร์ฟมาเป็นเซ็ทพร้อมกับปาท่องโก๋ ซอส ข้าวสวย และน้ำชา ได้ซดน้ำซุปร้อนๆ คล่องคอ พร้อมเนื้อหมูนุ่มๆ แบบนี้ บอกเลยว่าฟิน...ไม่ต้องบินไปกินไกลถึงสิงคโปร์!

ทานของคาวแล้วต้องต่อด้วยเมนูเครื่องดื่มและของหวานอย่าง “พิตาชิโอ อัฟโฟกาโต้” ที่ทางร้านนำไอศกรีมเนื้อเจลาโตนำไปมิกซ์รวมกับกาแฟโดยการราดด้วยเอสเปรสโซช็อต แต่ถ้าใครชอบเข้มๆ ก็สามารถเติมช็อตกาแฟเพิ่มได้ เมนูนี้น่าจะถูกใจคุณสาวๆ ที่ไม่ชอบทานกาแฟเข้มเกินไปและยังได้กินของหวานแบบ 2 in 1

ส่วนใครไม่ดื่มกาแฟ ก็มีเมนู “ชาดอกบัวหลวง” ชาดอกไม้กลิ่นหอมหวานที่ทางร้านมีชาดอกไม้ให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งอร่อยแถมยังดีกับสุขภาพอีกด้วย

เติมความสดชื่นด้วยเมนู “เซาเวอฮันนี่เอสโซ่” ที่ใช้น้ำผึ้งผสมกับมะนาวแล้วใส่โซดาลงไป ก่อนจะท็อปด้านบนด้วยกาแฟเอสเปรสโซ ซึ่งใช้กาแฟซิงเกิลออริจินอย่างกาแฟอย่างเอทิโอเปีย แก้วนี้รับรองกระดกทีเดียวสดชื่นแน่นอน!

อีกหนึ่งเมนูที่ไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้ นั่นคือเครื่องดื่มอย่างกาแฟ ซึ่งทางร้านจะใช้ทั้งเมล็ดกาแฟนำเข้าจากต่างประเทศและกาแฟไทย นำมาเบลนด์เข้าด้วยกันจนเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน เช่น อเมริกาโนจะใช้กาแฟเอทิโอเปียเบลนด์กับกาแฟแม่สรวยของจังหวัดเชียงราย ได้รสชาติที่เข้มเป็นเอกลักษณ์ ความพิเศษอีกอย่างคือบาริสต้าของทางร้านนั้นมีประสบการณ์และได้รับรางวัลมาแล้วอย่างรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 2 จากการแข่งขัน Thailand Eastern Latte Art Battle Challenge นั่นเอง ลาเต้อาร์ตของร้านนี้จึงโดดเด่นไม่แพ้ร้านกาแฟในกรุงเทพฯ หลายร้านเลยทีเดียว