ออนซอนเมืองอุบลฯ 3 วัน 1 คืน ตะลุยริมฝั่งโขง สัมผัส UNSEEN เมืองไทย

calendar_month 18 ก.พ. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 20,644 / ทริปตัวอย่าง

ทริปนี้เราจะพาไปตะลุยอุบลฯ เมืองรองอีกแห่งที่ต้องไปลอง มีที่เที่ยวสวยๆ ไม่แพ้เมืองหลักให้เก็บเพียบเลยล่ะ เราเลยจัดทริปสุด แซ่บ พาไปสัมผัสความUNSEENของอุบลฯกัน เริ่มเช็คอินที่สามพันโบก แกรนด์แคนยอนเมืองไทย ตามรอยอารยธรรมโบราณ ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ลัดเลาะริมฝั่งโขงชมความมหัศจรรย์แม่น้ำสองสี เข้าวัดไหว้พระ สัมผัสความอลังการวัดเรืองแสง จะสายเที่ยวธรรมชาติ สายแชะ บอกเลยว่าเที่ยวอุบลฯ ไม่ผิดหวังแน่นอน จัดทริปมาขนาดนี้แล้ว อดใจยังไงไหว จัดกระเป๋าแล้วมากับเราเลย

เพื่อนๆ สามารถจองทริปนี้ได้นะคะ ติดต่อได้ที่ LINE : DoubleEnjoy
มีส่วนลด 500 บาท เพียงเซฟรูปด้านล่างสกู๊ปใช้เป็นส่วนลดก่อนจอง

ราคาทัวร์และวันเดินทาง

ลดไปเลย 500 บาท แค่เซฟภาพนี้ใช้เป็นส่วนลดก่อนจอง

จองทัวร์นี้และสอบถามเพิ่มเติม LINE : DoubleEnjoy

19.00 น. เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี

เริ่มต้นทริปออกเดินทางจากกรุงเทพฯ คืนนี้เดินทางกันยาวๆ เลยค่ะ

05.00 น. เดินทางถึงหาดสลึง

หลังใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง เรามาถึงท่าเรือหาดสลึง กันแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เรามาที่นี่เพื่อล่องเรือชมวิวแม่น้ำโขงกันค่ะ จะใช้เวลาล่องเรือประมาณ 2 ชั่วโมง (ไป-กลับ) ระหว่างทางก็มีบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำโขงให้เราได้ชมกันเพลินๆ นั่งเรือมาได้สักพัก ก็ถึงหาดหงส์แล้วค่ะ ที่นี่เป็นเนินทรายขนาดใหญ่ เห็นแล้วอยากลงไปนอนกลิ้งตัวเล่นกันเลยทีเดียว เป็นโลเคชั่นถ่ายรูปที่เริ่ดสุดๆ เลยค่ะ

หลังจากถ่ายรูปกันพอสมควรแล้ว เราก็ล่องเรือกันต่อเพราะยังมีโลเคชั่นสวยๆ ที่น่าสนใจอยู่เยอะเลยค่ะ ทั้งปากบ้อง ถ้ำนางเข็นฝ้าย ถ้ำนางต่ำหูก หาดหินสี หลักศิลา ภูเขาหิน และหาดแห่ วิวสวยจนต้องกดชัตเตอร์แบบรัวๆ เลยล่ะ แล้วก็มาถึงโลเคชั่นยอดฮิตกันแล้วนั่นคือ สามพันโบก ค่ะ ถ้าถามถึงดาราแห่งแม่น้ำโขงก็ต้องที่นี่เลย สวยจนได้ชื่อว่าเป็น “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” เป็นแก่งหินที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาช่วงน้ำลด รูปร่างคล้ายภูเขากลางน้ำ และถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเกิดรูปทรงแปลกตานับไม่ถ้วนกระจายตัวอยู่ เรียกได้ว่าสวยสะกดสายตาเลยค่ะ พูดมาขนาดนี้แล้วต้องได้มาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งแล้วนะ

หลังจากชื่นชมความสวยงามภูเขาหินกลางน้ำกันแล้ว เราก็มุ่งหน้ากันต่อเลยจ้า ขับรถมาอีกประมาณ 20 กิโลเมตร เราก็มาถึงอีกหนึ่งโลเคชั่นที่สวยไม่แพ้สามพันโบกเลยค่ะ ที่นี่คือ หาดชมดาว หลายคนอาจจะถ่ายรูปเต็มอิ่มที่สามพันโบกไปแล้ว แต่ช้าก่อนเหลือพื้นที่เมมโมรี่กล้องไว้ด้วย ที่นี่ก็มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะเหมือนกัน ถึงจะมีลักษณะคล้ายกับที่สามพันโบก แต่มีริ้วลายหินและรูปทรงแปลกๆ ให้ดูเยอะมาก ทั้งจุดที่เป็นผาสูงและเว้าแหว่งยาวคล้ายช่องแคบมีสายน้ำไหลผ่านสวยมาก แล้วถ้าอยากได้รูปแซ่บๆ อัพลงโซเชียลต้องมาถ่ายรูปกับก้อนหินกลางน้ำนะ เพราะเป็นมุมไฮไลต์ของที่นี่เลยค่ะ

08.00 น. อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

หลังจากอิ่มท้องจากอาหารมื้อเช้าแล้ว มุ่งหน้าไปต่อกันที่ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ค่ะ ใครชอบธรรมชาติรับรองฟินแน่ๆ เพราะพื้นที่ของอุทยานฯ อุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า สลับกับลานหินกระจายอยู่ทั่วภูเขา แล้วก็มีเสาหินรูปทรงแปลกตาสลับซับซ้อน ใครที่เป็นสายผจญภัยก็มีเส้นทางธรรมชาติให้เดินเล่นและถ่ายรูปเยอะมากค่ะ จุดเด่นของที่อุทยานฯ ก็อยู่บริเวณหน้าผาเพราะมีภาพเขียนสีโบราณเยอะมากที่สุดในประเทศไทยเลยค่ะ

11.00 น. วัดถ้ำคูหาสวรรค์

มาถึงอุบลฯ ทั้งที ก็ต้องแวะมากราบสักการะ หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี ที่ชาวอุบลฯ เคารพนับถือ ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ กันค่ะ ปัจจุบันท่านมรภาพไปแล้วแต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อยและร่างถูกเก็บไว้ในโลงแก้ว ภายในบริเวณวัดมีพระอุโบสถสีขาวที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางสมาธิ ที่สวยงามมาก และด้านหลังของวัดก็มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นอำเภอโขงเจียมด้วยค่ะ เนื่องจากวัดตั้งอยู่บนที่ราบสูงริมฝั่งแม่น้ำโขง บรรยากาศดีมากๆ

เครดิตภาพจาก : เฟซบุ๊กโขงเจียม อุบลราชธานี

12.00 น. ชมปรากฏการณ์แม่น้ำสองสี อ.โขงเจียม

เที่ยงแล้วก็แวะรับประทานอาหารกันสักหน่อยค่ะ อิ่มท้องแล้วก็ลุยกันต่อเลย เราจะพาไปชมปรากฏการแม่น้ำสองสี ที่เกิดจากแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูลไหลมารวมกัน อีกหนึ่งจุดยอดฮิตที่เมื่อเดินทางมาจังหวัดอุบลราชธานีแล้วต้องไม่พลาดที่จะมา รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

14.30 น. เช็คอินเข้าที่พัก

เที่ยวกันมาทั้งวันแล้วได้เวลาพักผ่อนร่างกายกันแล้วค่ะ อาบน้ำเอนกายกันสักหน่อย สำหรับทริปนี้เราพักกันที่ โรงแรมอารยารีสอร์ท โขงเจียม ค่ะ

เครดิตภาพจาก : เฟซบุ๊ก อารียารีสอร์ท โขงเจียม อุบลราชธานี

16.00 น. วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว

พักผ่อนกันเต็มที่แล้ว เดินทางไปวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวกันค่ะ เป็นวัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูง จึงเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากๆ และบริเวณด้านหลังของวัดสามารถมองเห็นวิวของประเทศลาวและอ่างเก็บน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคล้ายกับทะเลสาบ บรรยากาศดีมากเลยค่ะ หลังสิ้นแสงของพระอาทิตย์แล้ว เราก็จะได้ชมไฮไลต์เด็ดของที่นี่คือภาพเรืองแสงของต้นกัลปพฤกษ์บนผนังด้านหลังของอุโบสถสวยจนละสายตาไม่ได้เลยล่ะ

10.30 น. วัดบ้านนาเมือง

เช้าวันสุดท้ายของทริปเราตื่นกันแต่เช้าค่ะ เตรียมเก็บสัมภาระ เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมกัน แต่เดี๋ยวก่อนทริปของเรายังไม่จบแค่นี้นะ หลังจากได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติและได้ภาพสวยๆ จนเต็มอิ่มแล้ว วันนี้เราจะไปตะลุยที่ตัวเมืองอุบลราชธานีกันค่ะ

แต่ก่อนถึงอำเภอเมือง เราจะพาแวะไหว้พระขอพร ที่วัดบ้านนาเมือง หรือวัดประสานสุขกันก่อนค่ะ วัดนี้ได้ขึ้นชื่อว่ามีพระอุโบสถรูปทรงแปลกตาที่สร้างเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์ ถึงแม้ที่นี่จะเป็นวัดแต่ก็มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ทั้งหอหอระฆังประดับเซรามิค พิพิธภัณฑ์หลวงปู่มี และวิหารกลางน้ำ มีรูปร่างคล้ายเรือ ส่วนหัวเป็นนาคราช 5 เศรียร

11.00 น. วัดศรีอุบลรัตนาราม

เส้นทางไหว้พระของเรายังไม่หมดแค่นี้ค่ะ จุดต่อไปเราจะพาไปไหว้พระแก้วบุษราคัม พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ที่วัดศรีอุบลรัตนาราม อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของอุบลราชธานีที่ผู้คนแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย เพราะเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วบุษราคัมที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทร์ ประเทศลาว

12.00 น. วัดพระธาตุหนองบัว

เที่ยวกันมาค่อนวันแล้วต้องแวะทานข้าวกันก่อนแล้วค่ะ เดี๋ยวไม่มีแรงถ่ายรูปต่อ หลังกินอิ่มแล้วก็ออกเดินทางมาที่วัดพระธาตุหนองบัวกันต่อค่ะ เป็นอีกหนึ่งวัดที่ไม่ควรพลาดการมาสักการะพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ เป็นพระธาตุที่จำลองมาจากเจดีย์พุทธค-ยา ประเทศอินเดีย เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากและไม่ค่อยได้เห็นที่วัดไทยมากนัก

18.30 น. เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

สิ้นสุดการตะลุยจังหวัดอุบลกันแล้วฯ เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันค่ะ ระหว่างเดินทางเราก็แวะเติมพลังกันเสียหน่อย เพราะการเดินทางยังอีกยาวไกล (ถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 24.00 น.) เป็นทริปที่เต็มอิ่มมากๆ ใครที่อยากสัมผัสความ UNSEEN แบบนี้ เราแนะนำทริปนี้เลยค่ะ ปักหมุดแล้วตามเรามาเล้ยย..

ราคาทัวร์และวันเดินทาง

ลดไปเลย 500 บาท แค่เซฟภาพนี้ใช้เป็นส่วนลดก่อนจอง