calendar_month 12 ก.พ. 2020 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 81,741 / ทริปตัวอย่าง
ถ้าให้นึกถึงที่เที่ยวใกล้ๆ กรุงก็ต้องนี่เลยค่ะ นนทบุรี นครปฐม สองจังหวัดที่กำลังฮอตฮิต มีที่เที่ยว ที่กินให้เช็คอินมากมาย วันนี้เราเลยชวนครอบครัว ทั้ง คุณลูก คุณสามี อาม่า อาอี๊ อาโกว มาออกโร้ดทริปสั้นๆ แบบวันเดียวก็สนุกได้ ตะลุยกิน เช็คอิน นนทบุรี – นครปฐม ด้วยรถยนต์คู่ใจประจำบ้านเรา Hyundai H-1 ที่ไปกับเราทุกที่ ถ้าพร้อมแล้วตามเราไปเที่ยวกันเลย
ทริปนี้มีพลพรรคผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 6 คนค่ะ นั่ง Hyundai H-1 กันไปได้สบายๆ เพราะ Hyundai H-1 คันนี้รองรับได้ถึง 11 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนเบาะที่นั่งได้หลากหลาย
ส่วนคุณสามีก็ปลื้มคันนี้หนักมากๆ เพราะคุณสาชมว่าขับสบายขับนานก็ไม่เมื่อย เพราะบริเวณเบาะของคนขับมีที่วางแขนด้วยค่ะ
ประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติที่สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ด้าน จะขึ้นจะลงก็สะดวกสบาย
ภายในดีไซน์หรูหรา กว้างขวาง นั่งสบาย มีที่วางแก้วเยอะมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านข้างตัวรถที่วางแก้ว วางของได้มากมายเลยล่ะค่ะ
เบาะตรงกลางสามารถพับลงมาได้เอาไว้เป็นที่วางแก้ว และถ้าอยากเมาท์มอยระหว่างทริปก็ไม่ต้องตะโกนข้ามกันระหว่างเบาะ เพราะเบาะแถวสองสามารถปรับหมุน 180 องศา หันมาคุยกันได้ เมาท์ไปตลอดทาง หรือไว้นั่งเหยียดขาเวลาเมื่อยๆ ก็สบาย พร้อมกันนั้นยังมีช่องจ่ายไฟ USB 2 ตำแหน่งบริเวณที่นั่งแถวที่สอง หมดห่วงเรื่องแย่งที่ชาร์จแบตมือถือระหว่างนั่งรถไปได้เลย
ยังไม่หมดเท่านั้น บริเวณที่นั่งกลางของเบาะแถวหน้าสามารถพับลงมาเป็นที่วางแก้ว และยังเป็น Wireless Charger ได้ด้วย แค่เอามือถือวางไปในช่องชาร์จ ก็สามารถชาร์จแบตได้อัตโนมัติ เลิศมากบอกเลย แบบนี้จะไม่ให้รักรถคันนี้ยังไงไหวล่ะค่ะ เพราะฟีเจอร์ต่างๆ ของ Hyundai H-1 รถคันนี้นั้นดีตอบโจทย์กับครอบครัวเรามากๆ เลยค่ะ
เมื่อแต่ละคนเลือกที่นั่งประจำได้แล้ว ล้อก็เริ่มหมุนออกจากบ้าน โดยเราปักหมุดไว้ที่แรกนั่นก็คือวัดเล่งเน่ยยี่ 2 หรือวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ย่านบางบัวทอง จังหวัดนนบุรี มาถึงวัดแต่เช้า ด้านในวัดมีที่จอดรถกว้างขวางสะดวกสบาย แต่ถึงแม้ที่จอดรถไม่เป็นใจเราก็ไม่หวั่น เพราะ Hyundai H-1 คันนี้มีกล้อง 4 ตำแหน่งรอบคันรถ สามารถเลือกดูมุมกล้องได้หลายแบบผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ช่วยจำลองภาพจากมุมสูงรอบคันรถ และช่วยลดปัญหามุมอับสายตาได้ดีเลยล่ะค่ะ
ภายในวัดตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์จีน ทำให้เหมือนเราหลุดมาในประเทศจีนเลยล่ะค่ะ ซึ่งที่นี่เดิมเคยเป็นโรงเจขนาดเล็กซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านบางบัวทองมาช้านาน ต่อมาคณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ได้มาพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นวัดมหายาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 แต่ละมุมของที่นี่บอกเลยว่าประณีตมากๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแกะสลักมังกรบริเวณบันไดทางขึ้นที่วิจิตรบรรจง แสดงให้เห็นศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าของคนไทยเชื้อสายจีน
เราสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดให้ช่วยปกปักรักษาครอบครัวเราให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ และถือว่าเป็นการไหว้พระรับปีใหม่ทั้งไทยและจีนเสริมสิริมงคลให้กับครอบครัวเรา นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่แก้ชงยอดนิยมอีกด้วยนะคะ ใครที่อยากไหว้พระแก้ชง เสริมดวงปีเกิดก็มากันได้เลย
ที่ตั้ง : วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ เลขที่ 75 หมู่ 4 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น. / วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 8.00-18.00 น.
เบอร์ติดต่อ :02-5711155 หรือ 086-3377588
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/jZHMWnMJp19W99JY7
ที่ต่อมาที่เราจะพาไปเช็คอินนั่นก็คือ EGAT Learning center หรือ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง ตั้งอยู่ที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ซึ่งจากวัดเล่งเน่ยยี่ 2 เราขับรถมาเพียง 25 นาทีเท่านั้นก็ถึงแล้วค่ะ โดยเราจะพบตัวอาคาร EGAT Learning center ดีไซน์สไตล์โมเดิร์นตั้งโดดเด่น ภายในมีที่จอดรถให้บริการมากมาย
EGAT Learning center แห่งนี้เป็นหนึ่งใน 8 ศูนย์การเรียนรู้ของ กฟผ. ที่เปิดทำการทั่วประเทศ ปัจจุบันเปิดแล้ว 6 ที่ ได้แก่ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลางแห่งนี้, ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง, พิพิธภัณฑ์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา (เหมืองแม่เมาะ) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, ศุนย์การเรียนรู้ กฟผ.เขื่อนศรีนครินทร์ (ราชานุรักษ์), ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. จะนะ (พลังคิด) และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ทับสะแก (พลังคิด ดี) อีก 2 โครงการที่มีแพลนจะเปิดนั่นก็คือ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ และ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และสำหรับ EGAT Learning center แห่งนี้นั้นเปรียบเป็นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดนนทบุรี ที่เต็มไปด้วยความรู้ และความคิดสร้างสรรค์เดินได้ทั้งวันไม่มีเบื่อเลยค่ะ โดยตัวอาคารของ EGAT Learning center จะมีทั้งหมด 4 ชั้น แบ่งเป็นส่วนโซนนิทรรศการทั้งหมด 7 โซนที่จะอยู่บริเวณชั้น 2 - 4 เมื่อเราเข้ามาก็เดินขึ้นมาบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นจุดลงทะเบียนเพื่อรับ RFID Watch ก่อนเลยค่ะ ลงทะเบียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ เพียงใช้บัตรประชาชน 1 ใบ ต่อ/ 1 กรุ๊ป ก็แลกรับ RFID Watch ไปคนละเรือนได้เลย
ได้มาแล้วก็นำมาลงทะเบียนที่หน้าจอ โดยให้เราใส่ชื่อ อายุ เพศ อีเมลเพื่อรับข้อมูลภายใน EGAT Learning center และความเก๋คือเขาให้เราสร้างอวตาร์ตัวเราเอง มีตัวการ์ตูนน่ารักให้เราสร้างอวาตาร์มากมายเลยค่ะ จากนั้นก็ถ่ายรูปหน้าเรา แล้วใบหน้าของเราก็จะไปปรากฏอยู่บนตัวอวาตาร์
เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวไปรับความสนุกกันเลยค่ะ โดยเราจะต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปเริ่มต้นที่ชั้น 4 แล้วค่อยเดินไล่ลงมาทีละชั้น บริเวณทางขึ้นมีหุ่นพี่ Power มาสคอตของที่นี่ยืนต้อนรับเราอยู่ แถมมีกิมมิคสุดน่ารัก ถ้าเราเอามือไปแตะกับมือพี่ Power เขาจะกระพริบตาทักทายเราด้วยนะคะ
เริ่มต้นที่ Zone 2 : จากแสงแรกสู่นิรันดร์ (from First to Long Lasting Light) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 4 โซนนี้มีภาพยนตร์ 4 มิติบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของพี่ Power และ พี่ Happy ที่พาเราย้อนเวลาไปสู่แสงแรก ในยุคที่เราไม่มีไฟฟ้าใช้ จนมาถึงยุคแห่งไฟฟ้าซึ่งภาพยนตร์แสดงให้เห็นว่าถ้าเราใช้ไฟฟ้าสิ้นเปลืองในอนาคตก็จะไม่มีไฟฟ้าใช้ เป็นการสอนเรื่องการใช้ไฟฟ้าได้น่ารักและเข้าใจง่ายมากๆ
ส่วนโซนที่ 3 ให้เราได้ลองมาเล่นสนุกด้วยการลองสร้างพลังงานไฟฟ้า โซนนี้ลูกสาวชอบมากๆ ค่ะ ทั้งวิ่ง ทั้งกระโดดเพื่อใช้พลังงานจลน์ของเราเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าอย่างสนุกสนาน ซึ่งในแต่ละโซนยังมีเกมให้เราได้ลองเล่น แต่ละเกมนอกจากจะได้รับความสนุกแล้วยังสอนเรื่องพลังงานให้กับเด็กๆ ได้อย่างดีโดยไม่ต้องไปเปิดอ่านหนังสืออ่านกันเลยค่ะ
โซนที่คุณแม่ชอบที่สุดคือสวนดาดฟ้า สวนสีเขียวบนชั้นดาดฟ้าที่เต็มไปด้วยพืชผักสวนครัว และยังมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสดชื่นสบายตามากๆ ซึ่งอาคาร EGAT Learning center ได้รับการออกแบบให้เป็นอาคารเขียวที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานอีกด้วย
จากชั้น 4 ลงสู่ชั้น 3 ชั้นนี้มีโซนที่น่าสนใจอีกมากมายเลยค่ะ เช่น Zone 5 : โลกที่ยั่งยืน (One World) ที่จะพาเราไปชมพลังงานไฟฟ้าของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และได้ทดลองเป็นผู้ควบคุมกำลังการผลิตไฟฟ้า เด็กๆ ชอบกันมากเลยค่ะ ส่วนสายเซลฟี่ก็ถูกใจเพราะโซนนี้ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ เหมือนอยู่ในอวกาศกันเลย
มาปิดท้ายด้วยการถ่ายรูปครอบครัวด้วยเทคนิคกล้อง 360 องศา ที่จะถ่ายเราเป็นวงกลมและจะเห็นตัวเราหยุดนิ่งโดยกล้องจะเคลื่อนไปรอบตัว ยิ่งท่าเรากระโดดพร้อมกันภาพที่ออกมาจะเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เราลอยค้างอยู่กลางอากาศเท่ห์สุดๆ ซึ่งภาพเขาจะส่งให้เราทางอีเมลทันทีเลยค่ะ สามารถโหลดและแชร์เข้าไลน์กรุ๊ปครอบครัวได้เลย
ที่ตั้ง : EGAT Learning center กฟผ. สำนักงานใหญ่ บริเวณเชิงสะพานพระราม 7 เลขที่ 53 หมู่ 2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมฟรี วันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 9.00 -16.00 น. (ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เบอร์ติดต่อ : 02-4368952-3
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/op1mNSy2ZEKms3RE8
ออกจาก EGAT Learning center ปุ๊บ อาม่าก็บ่นปวดขาเพราะเดินเยอะ เราเลยปรับเบาะให้อาม่าได้นั่งเหยียดขาสบายๆ
ส่วนคุณลูกสาวรีเควสท์ว่าอยากดูการ์ตูนเราเลยเชื่อมต่อกับโทรศัพท์เพื่อเปิดยูทูบ หาการ์ตูนที่ลูกสาวชอบ ให้ลูกสาวได้ดูการ์ตูนอย่างมีความสุขผ่านหน้าจอ LCD ติดเพดาน ขนาด 13.3 นิ้ว เพลินเลยทีเดียวค่ะ
จุดหมายต่อไปของเราคือไปทานอาหารกลางวันที่ร้าน PEE NEUNG Coffee House ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ในศาลายา จังหวัดนครปฐม ใกล้กับมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา ซึ่งใช้เนวิเกเตอร์นำทางภายในรถบอกระยะทางจาก EGAT Learning center ไปยังร้านใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ เราเลยปล่อยให้อาม่า นอนหลับพักผ่อน ส่วนคุณลูกสาวก็นั่งดูการ์ตูนไป หันไปดูอีกทีทุกคนแถวหลังหลับกันหมดเลยค่ะ เพราะด้วยระบบความปลอดภัย ESP ของ Hyundai H-1 คันนี้ทำให้เข้าโค้งได้นิ่งมากๆ และยังมีระบบป้องกันล้อล็อคช่วยในการควบคุมทิศทางเมื่อต้องเบรกกะทันหัน ทำให้มั่นใจได้ในทุกการเดินทาง
ขับรถมาไม่นานก็ถึงร้าน PEE NEUNG Coffee House กันแล้วค่ะ พอมาถึงร้านก็ประทับใจกับบรรยากาศที่แฝงกลิ่นอายทรอปิคัล ได้อารมณ์เหมือนร้านริมทะเลเลยล่ะค่ะ
การตกแต่งภายในร้านเป็นสไตล์ลอฟต์ผสมสานโมเดิร์น โดยแบ่งเป็นโซนเอาท์ดอร์ภายในสวน โซนอินดอร์ภายในตัวอาคารของร้านที่ดีไซน์เป็นกลาสเฮาส์ เพดานสูงเหมือนโรงนาในต่างประเทศ ติดกระจกใสรอบร้าน ทำให้ร้านดูโปร่งโล่งสบายตา ภายในดูดิบเท่สไตล์ลอฟต์ เบรกความขรึมด้วยสีเขียวของต้นไม้ที่นำมาตกแต่งภายในร้านทำให้ดูสดชื่นขึ้น แถมยังมีที่นั่งบริเวณชั้นลอยพร้อมเบาะนั่งให้นั่งชิลๆ ด้านบนได้อีกด้วยค่ะ
ด้านหลังร้านจะมีสวนสีเขียว พร้อมสะพานสีขาวที่จำลองมาจากสะพานแขวน ข้ามลำธารน้ำเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยปลาคาร์ฟจักรพรรดิ์มากมาย ด้านหลังร้านยังติดกับรางรถไฟที่จะมีรถไฟจริงๆ วิ่งผ่าน พร้อมกันนั้นยังทำเก๋ด้วยการนำตู้โบกี้จริงๆ มาตกแต่งภายในสวน ซึ่งสามารถใช้งานได้จริงๆ โดยทำเป็นห้องประชุมหรือใครอยากจะจัดไพรเวตปาร์ตี้ก็มาจองกันได้เลยมีทั้งหมด 3 ห้อง แบ่งเป็น 2 แบบ คือห้องเล็กจุได้ 8 -10 คน ค่าห้อง 100 บาท/ชั่วโมง และห้องใหม่ จุได้ 15-20 คน ค่าห้อง 200 บาท/ชั่วโมง
สวนด้านนอกตกแต่งด้วยต้นหลิวที่กิ่งก้านจะโยกเอนไปตามแรงลม บ่อน้ำบ่อเล็กๆ คือบ้านของน้องปลาคาร์ฟจักรพรรดิ์หลากสีสันว่ายไปมา ลูกสาวตัวน้อยตื่นเต้นกับภาพตรงหน้าพร้อมชี้ชวนปาป๊ากับมาม๊าดูเหล่าฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมา เห็นลูกสาวยิ้มมีความสุขพ่อแม่อย่างเราก็ปลื้มใจแล้วล่ะค่ะ
ไฮไลท์ของที่นี่คือมีน้องกวางดาวที่เขาจะปล่อยออกมาเดินเฉิดฉายตอนเวลา 11.00 น. และ 16.00 น. ของทุกวัน โชคดีที่มาทันรอบ 11 โมงพอดีเลยได้ให้อาหารน้องกวาง ตัวนี้เป็นตัวเมียค่ะชื่อน้องลอร์ด ส่วนอีกตัวเป็นตัวผู้เขาสวยงามชื่อน้องมารวย ซึ่งไม่ได้ปล่อยออกมาเพราะน้องยังไม่ชินกับคนเท่าไรค่ะ ส่วนน้องลอร์ดสาวสวยตัวนี้เชื่องมากๆ ลูกสาวแกชอบมากๆ เลยค่ะป้อนอาหารไม่หยุดเลย ค่าอาหารน้อง 20 บาทเท่านั้น
เราเลือกที่นั่งริมสวนบรรยากาศดี เพื่อทานอาหารอร่อยกันในมื้อกลางวันแบบนี้ท่ามกลางสวนสวย พร้อมเสียงรถไฟดังกระฉึกกระฉักอยู่ด้านหลัง
เมนูอาหารในร้านมีให้เลือกทานทั้งอาหารอิตาเลียนและอาหารไทย รวมทั้งยังมีเมนูเครื่องดื่มทั้งเมนูกาแฟ เครื่องดื่มร้อนเย็น น้ำผลไม้ สมูตตี้ อิตาเลียนโซดาให้สั่งมากมาย จะมาทานหนักๆ อย่างเราหรือมาทานเบาๆ แบบจิบกาแฟทานขนมก็ได้ ส่วนเมนูที่เราสั่งมาทานในวันนี้ขอจัดหนักอย่างเต็มที่ เริ่มด้วยอาหารขึ้นชื่อของร้านที่เขาบอกว่าใครมาก็ต้องสั่งกับ พิซซ่าที่มีให้เลือกหลากหลายหน้า เราเลือกแบบฮาร์ฟพิซซ่าหน้าฮาวาเอียนและพามาแฮม( 300 บาท) พิซซ่าแป้งบางกรอบถาดใหญ่ อัดแน่นไปด้วยชีส ทานร้อนๆ อร่อยมากๆ เป็นเมนูที่ลูกสาวกกดเลิฟรัวๆ ต่อด้วยข้าวอบสับปะรด (180 บาท) จานโปรดของอาม่า เสิร์ฟมาในสับปะรดลูกใหญ่ท็อปด้านบนด้วยหมูหยอง พร้อมกันนั้นยังมีเนื้อสับปะรดที่ฝานมาให้เรียบร้อยโรยด้วยพริกป่นไว้ทานคู่กับข้าวอบ รสชาติๆ เปรี้ยวๆ หวานๆ ได้ความเผ็ดนิดๆ เมนูสุดฟินอีก 3 จานที่อร่อยไม่แพ้กันนั่นก็คือซี่โครงหมูบาร์บีคิว(250 บาท) ชิ้นโต เสิร์ฟมาในจานขนาดใหญ่พร้อมมันฝรั่งทอดกรอบนอกนุ่มใน เนื้อซี่โครงเปื่อยนุ่ม ชุ่มฉ่ำ มีความจุยซี่ น้ำซอสอร่อยเข้าถึงตัวเนื้อซี่โครงมากๆ ค่ะ ต่อด้วยเส้นหมี่หมูกรอบ(150 บาท)เมนูทานเล่นแต่ความอร่อยไม่เบา เวลาทานนำเส้นหมี่ กับหมู มาห่อกับผักราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ โอ๊ย เข้ากันสุดๆ ปิดท้ายด้วยปลาแซลมอนผัดพริกขี้หนูสวน(220 บาท) รสชาติแบบไทยๆ อร่อยจัดจ้านมากๆ
ส่วนเครื่องดื่มเราสั่ง Americano Sparkling(90 บาท) กาแฟสกัดเย็นที่เสิร์ฟมาในแก้วแชมเปญ รสชาตินุ่มละมุน คอกาแฟอย่างคุณสามียกนิ้วให้เลยค่ะ ส่วนลูกสาวรีเควสท์ Strawberry Frappe (75 บาท) สตรอว์เบอร์รีปั่นรสชาติหวานเย็นชื่นใจ ส่วนอาม่าขอสั่ง Peeneung Herb Tea ชาสมุนไพรที่ประกอบไปด้วย เก๊กฮวย ใบเตย หญ้าหวาน และเจียวกู่หลาน ไม่มีคาเฟอีน ดีต่อสุขภาพมาจิบชิลๆ ในยามบ่ายคู่กับขนมที่เสิร์ฟมาพร้อมชา
ที่ตั้ง : ร้าน PEE NEUNG Coffee House Salaya หลังมหิดล ติดกับสำเพ็ง ศาลายา จ.นครปฐม
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 094-6821333
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/k4sFXwpNMvTS8kzL6
ครอบครัวสายกินอย่างเรายังไม่จบเท่านี้ เมื่ออาอี๊เสนอว่ามีร้านคาเฟ่แถวสามพรานเมนูของเขาล้วนทำจากมะพรัาวทั้งคาวและหวานอยากไปกันมะ ไม่ต้องคิดเยอะ พวกเราตอบตกลงทันใด ปักหมุดเอาไว้ว่า About Coco Cafe' & Bistro ซึ่งจากร้าน PEE NEUNG Coffee House ขับไปเพียง 15 นาทีเท่านั้นก็มาถึงร้านแล้วค่ะ
ระหว่างที่กำลังเลี้ยวเข้าร้านก็พบกับอุปสรรคทางเข้าที่อาจจะแคบไปหน่อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคกับ Hyundai H-1 คันนี้ด้วยวงเลี้ยวที่แคบ และขนาดของรถที่กำลังพอดี สามารถขับเข้าที่จอดรถของร้านได้อย่างสบายหายห่วงค่ะ
พอจอดรถปุ๊บเราก็เดินข้ามสะพานสีขาวเพื่อเข้ามายังตัวร้าน โดยตัวร้านจะสร้างอยู่ริมบึงบัว บรรยากาศเหมือนร้านริมทะเล ตัวร้านสร้างเป็นอาคารกลาสเฮาส์ขนาดเล็กน่ารักทาสีขาว หลังคามุงจาก ด้านหลังล้อมรอบด้วนต้นมะพร้าวน้ำหอมมากมายเข้ากับชื่อร้าน About Coco ตัวร้านมีทั้งโซนห้องแอร์นั่งเย็นสบาย โซนห้อยขาด้านนอกริมน้ำ และยังมีที่นั่งริมรอกสวนให้นั่งชิลชมบรรยากาศของสวนผลไม้อีกด้วยค่ะ
เราของเลือกนั่งตากแอร์เย็นๆ ซึ่งข้างๆ ตัวร้านเขาจัดเป็นบ่อทรายให้เด็กเล่น เลยปล่อยให้ลูกสาวไปเล่นทรายอย่างเต็มที่ระหว่างรอเมนูอาหาร
เปิดเมนูมาน่ากินทุกอย่างเลยค่ะ ราคาก็ไม่แพงด้วย และแต่ละเมนูนั้นส่วนมากมีส่วนประกอบจากมะพร้าวแทบทั้งสิ้นทั้งคาวและหวาน โดยเขาเลือกใช้มะพร้าวน้ำหอมสามพรานที่มีความหอมหวานเฉพาะตัวมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักของเมนูอาหาร แค่เห็นชื่อเมนูก็อยากรู้แล้วค่ะว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร เราเลยลองสั่งอาหารคาวมาทานก่อนค่ะ เริ่มจากข้าวผัดโบราณในลูกมะพร้าว (89 บาท) ที่เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวน้ำหอมสามพราน ตักมาคำแรก อึ้ง กับรสชาติที่เหมือนข้าวผัดที่แม่เคยทำให้กินตอนเด็กๆ มันกลมกล่อม บวกกับความหอมของมะพร้าวยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น มาต่อกันที่ผัดไทยกุ้งสด (105 บาท) หลายคนอาจจะคิดว่าเมนูนี้จะมีมะพร้าวเข้าไปอยู่ตรงไหน ขอเฉลยว่าอยู่ที่เส้นค่ะ เพราะเขาใช้น้ำมะพร้าวมาทำเป็นเส้นแทนเส้นจันท์ แล้วนำไปผัดกับเครื่องผัดไทย ใส่กุ้งสดตัวโตๆ รสชาติของเส้นจะกินเหมือนบุกค่ะ มีความกรุบๆ แต่มีความหอม และหวานเล็กน้อย เป็นเมนูผัดไทยรสชาติแปลกใหม่ที่เราเพิ่งเคยทานครั้งแรก แต่ก็ต้องตกหลุมรักในทันที อีกเมนูนึงก็เซอร์ไพรซ์มากๆ กับเมนูพล่ามะพร้าวอ่อน (95 บาท) ที่เขาใช้เนื้อมะพร้าวอ่อนนำไปชุบแป้งและทอด หน้าตาตอนเสิร์ฟมาเหมือนกับปลาหมึกชุบแป้งทอดมากๆ พร้อมมีตัวเครื่องพล่าเสิร์ฟแยกมาในถ้วยให้เราตักราดเอง เพื่อที่ตัวมะพร้าวจะได้คงความกรอบนอกนุ่มใน รสชาติจานนี้อร่อยทีเดียวค่ะ ทานได้เพลินๆ หันมาแป๊บเดียวหมดจานแล้ว
ของคาวหมดไปอย่างรวดเร็วเราก็ต่อของหวานทันที ทั้ง ไอศกรีมมะพร้าวอ่อนทรงเครื่อง (99 บาท) ไอศกรีมที่ทำจากมะพร้าวน้ำหอมสามพราน รสชาติหวาน มัน แต่ไม่หวานเลี่ยนทานแล้วชื่นใจ เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวพร้อมเนื้อมะพร้าวและเครื่องเคียง อย่างลูกชิด ทับทิมกรอบ มันเชื่อม ลอดช่อง และข้าวโพด เป็นเมนูที่เราขอเรคคอมเม็นด์เลยค่ะว่าห้ามพลาด มารับความหวานกันต่อกับเครปเย็นใบเตยมะพร้าวอ่อน (119 บาท) เครปแบบแป้งนุ่มที่ทำจากใบเตยทานคู่กับไอศกรีมมะพร้าว เบอร์รี่ ราดด้วยไซรัป อีกเมนูที่อร่อยไม่แพ้กันก็คือวาฟเฟิลชาร์โคลมะพร้าวอ่อน (119 บาท) โดยตัววาฟเฟิลจะมีเนื้อมะพร้าวอ่อนอยู่ด้วย หอม อร่อย ทานกับไอศกรีมมะพร้าว กีวี ราดด้วยไซรัป ปิดท้ายเซ็ตของหวานด้วยพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนนมสด (79 บาท) รสชาติหวาน หอม มัน
สงครามนี้ยังไม่จบ เพราะเรามีเมนูเครื่องดื่มที่สั่งกันคนละแก้ว ได้แก่ ชาเขียวมะพร้าว (65 บาท), About coco coffee(65 บาท), ชาไทยมะพร้าว(65 บาท) ซึ่งทุกเมนูจะใส่น้ำมะพร้าวและมีเนื้อมะพร้าวปั่นกรุบๆ ใส่ลงไปด้วย ส่วนใครที่ชอบทานมะพร้าวปั่นต้องสั่ง มะพร้าวปั่นนมสด(75 บาท) ที่เขามีท็อปปิ้งให้เลือก ซึ่งเราเลือกใส่ทับทิมกรอบ กับลอดช่อง ได้อารมณ์เหมือนทานขนมหวานแบบไทยๆ หวานหอม อร่อยมากๆ
เมนูเครื่องดื่มสุดท้ายที่คาวาอี้โดนใจลูกสาวก็ต้องเมนูนี้เลยค่ะ Cocofruit ที่ใช้น้ำแข็งที่มีเนื้อผลไม้อยู่ด้านในทั้งสตรอว์เบอร์รี แอ๊ปเปิ้ล เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงที่มาพร้อมห่วงยางจิ๋วรูปยูนิคอร์น ด้านบนปากแก้ววางมะพร้าวน้ำหอมสามพรานลูกเล็ก เวลาทานเขาจะให้เรานำหลอดที่ให้มาเจาะไปตรงกลางให้ทะลุไปยังด้านล่างแล้วดึงหลอดออก น้ำมะพร้าวด้านบนก็จะไหลไปรวมกับน้ำแข็งผลไม้ด้านล่าง รสชาติของมะพร้าวน้ำหอมนั้นหวาน อร่อย อยู่แล้ว และยิ่งเพิ่มความเปรี้ยวหวานของผลไม้ด้านล่างทำให้ได้รสชาติที่ฟรุตตี้และอร่อยมากขึ้น
ที่ตั้ง : 37/8 หมู่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม (ร้านอยู่ห่างจากโลตัสศาลายา 500 ม.)
เวลาทำการ : 10.00-20.30 น. (ปิดวันอังคาร)
เบอร์ติดต่อ : 088-2146725
พิกัด GPS: https://goo.gl/maps/6YbmqstbJvTnWQe6A
ก่อนกลับบ้านเราแวะซื้อของฝากนั่นก็คือมะพร้าวน้ำหอมสามพราน และส้มโอของดีเมืองนครปฐม
ซึ่งความที่เรามีญาติมีเพื่อนเยอะ แต่ละคนเลยเลือกซื้อของฝากกลับบ้านมากมายเลยค่ะ แม้ของฝากจะเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะพื้นที่จุสัมภาระด้านหลังของ Hyundai H-1 คันนี้ที่เราสามารถพับเบาะที่นั่งด้านหลังสุดและเลื่อนไปชนกับเบาะแถวถัดไป ก็สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังได้มากขึ้นอีก ใครอยากขนมะพร้าว ส้มโอกลับไปกี่ลูกก็จัดกันได้เลย
เป็นเวลาหนึ่งวันที่คุ้มค่ามากๆ ค่ะ ได้ทั้งพาอาม่าไปทำบุญ เสริมสร้างจินตนาการให้กับลูกสาว และยังได้เช็คอินกินอาหารอร่อยในร้านอาหาร ร้านคาเฟ่น่ารัก อีกทั้งได้ของฝากเป็นส้มโอขาวน้ำผึ้ง และมะพร้าวน้ำหอมกลับบ้านไปอีกด้วย ทริปนี้สนุก มีความสุขกันทั้งครอบครัว ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ทริปนี้ของเราเดินทางอย่างราบรื่น ปลอดภัย ก็ต้องยกให้ Hyundai H-1 รถคู่ใจของครอบครัวเราที่พาไปได้ทุกที่ สะดวกสบายทั้งคนขับและคนนั่ง ตอนนี้ขอวางแพลนก่อนนะคะว่าทริปหน้าเราจะให้ Hyundai H-1 เขาพาไปที่ไหน ถ้ามีทริปไหนสนุกๆ อีกเราจะมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันค่ะ
Tags: นนทบุรี นครปฐม ทริปตัวอย่าง ขับรถเที่ยว Hyundai H-1 ฮุนได Hyundai วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง EGAT Learning Center PEE NEUNG Coffee House Salaya About Coco Cafe' & Bistro เที่ยวนนทบุรี เที่ยวนครปฐม ที่เที่ยวนนทบุรี ที่เที่ยวนครปฐม ที่กินนนทบุรี ที่กินนครปฐม ร้านอาหารนนทบุรี ร้านอาหารนครปฐม คาเฟ่นนทบุรี คาเฟ่นครปฐม
ทริปตัวอย่าง | 18 ธ.ค. 2024 | 96 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 294 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 379 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 510 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 26 พ.ย. 2024 | 721 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 1,030 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 01 ธ.ค. 2024 | 472 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 905 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 28 ต.ค. 2024 | 1,238 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 1,396 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,754 อ่าน