calendar_month 28 ม.ค. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 20,224 / ทริปตัวอย่าง
เริ่มต้นปีใหม่กันมาเกือบเดือนแล้ว ใครที่ยังอยากเดินสายเก็บแต้มบุญเพื่อเป็นสิริมงคลในปีนี้ต้องห้ามพลาดเลย เพราะว่าเขาคิชฌกูฏเปิดให้พุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไปได้ขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ปี 2563 ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม – 24 มีนาคม 2563 ชิลไปไหนก็ไม่พลาดที่จะเอาประสบการณ์ครั้งนี้มาฝากเพื่อนๆ กับทริปสักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ กับขสมก. เขต 8 เป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยยยย
เขาคิชฌกูฏตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี วิธีการเดินทางมีให้เลือกหลากหลายแล้วแต่ความสะดวกของเพื่อนๆ เลยค่ะ อาจจะรถส่วนตัวหรือจะใช้บริการของขสมก.แบบพวกเราก็ได้ เพราะทางขสมก.เค้ามีจัดทริปเพื่อไปสักการะรอยพระพุทธบาททุกปีอยู่แล้ว วิธีการจองก็ง่ายแสนง่ายค่ะ สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้โดยโทรไปที่เบอร์ของขสมก.ได้เลย (เบอร์ 086-0077425 , 089-1273565 , 02-5404947) หรือจะผ่านไอดีไลน์ Line : @9wat8 ก็ได้ค่า
เราสองคนเลือกที่จะไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเกาะพญาไท ราคาค่าโดยสารจะอยู่ที่ 499 บาท/คน และมีค่ารถขึ้นเขาอีก 220 บาท รวมทั้งหมดจะเป็น 719 บาทค่ะ พอไปถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คชื่ออยู่ ใครที่กลัวว่าจะยุ่งยากหรือวุ่นวายบอกเลยว่าใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ หารถ หาที่นั่งง่ายมากๆ
ถึงเวลา 22:00 น. รถก็ออกเพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรี ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ก็จะคอยอธิบายตารางเวลาของสถานที่ต่างๆ ให้พวกเราเข้าใจและมาตรงตามเวลา นอกจากนี้ทางขสมก.เค้าก็แจกเข็มกลัดและมีประกันเดินทางให้ลูกทัวร์ทุกคนด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยของทุกคน พอฟังคำแนะนำจบก็เตรียมตัวนั่งหลับกันยาวๆ ไปเลยทุกคน !
นอนหลับสักแปปก็เวลา 02:30 ถึงจุดลงรถกันแล้วล่ะค่ะ พอลงจากรถบัสก็ต้องไปขึ้นรถ 4x4 เพื่อที่จะขึ้นไปข้างบนเขาเขาคิชฌกูฏกันต่อ จุดที่น่าตื่นเต้นที่สุดมาแล้วค่ะ พี่ๆ เจ้าหน้าที่จะบอกให้เราเก็บของมีค่าให้ดีเพราะทางขึ้นเขาโหดมาก ของอาจจะหล่นหายได้ ใครหาที่เกาะได้รีบจับจองสร้างแลนด์มาร์คเลยนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
ก่อนเข้าก็จะต้องเสียค่าเข้าอุทยานกันคนละ 20 บาท พอจ่ายเงินเสร็จสรรพก็ถึงเวลาเจอกับเส้นทางสุดสมบุกสมบันกันแล้วค่ะ หัวโยกกันถ้วนหน้าเล้ยยย เกร็งคอกันเลยทีเดียว
ใช้เวลาพอสมควรกับการนั่งรถ 4x4 ก็มาถึงจุดแรกกับลานสีวลี ก็จัดการไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนเพื่อที่จะไหว้ตามจุดต่างๆ คนจะยังไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่เพราะเป็นวันแรกและเวลายังค่อนข้างเช้ามืดอยู่
เวลาที่เริ่มเดินขึ้นจะเป็นตอน 03:13 น. และด้วยความที่เช้ามืดอยู่ทั้งทางก็จะเต็มไปด้วยหมอก แว็บแรกที่เห็นคือสับสนว่าหมอกหรือฝุ่น pm2.5 แต่พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าหมอกเราก็เลยโล่งอกกันถ้วนหน้า อากาศระหว่างทางก็จะเย็นๆ ใครจะมาก็อย่าลืมเตรียมใส่หมวกใส่เสื้อกันหนาวมาด้วยนะ
ระหว่างทางก็จะมีจุดให้นั่งพักตลอดทาง แน่นอนว่าพวกเรานั่งทุกจุดเลยค่ะ 55555 ทั้งเหนื่อยทั้งสนุก แต่พอนึกถึงรอยพระพุทธบาทก็มีแรงฮึดอีกครั้ง กายไม่ไหวแต่ว่าใจทนทานแน่นอน เดินต่อค่ะ! และตามทางก็จะมีระฆัง 155 อัน เพื่อให้เราใช้เหรียญเคาะกันไปเรื่อยๆ
เดินมาซักพักก็ถึงจุดสักการะรอยเสือใหญ่ บริเวณนั้นจะมีจุดให้เราได้ทำบุญกันตามกำลังศรัทธา จะทำมากทำน้อยหรือมาด้วยใจก็ย่อมได้หมดเลยค่ะ
ในที่สุดก็มาถึงจุดสักการะรอยพระพุทธบาทที่เรารอคอย บรรยากาศตามทางเหมือนสวรรค์เลยค่ะเพื่อนๆ ด้วยหมอก ด้วยแสงไฟ และด้วยอากาศที่เย็นๆ จิตใจของเราก็เหมือนจะเริ่มสงบเลยทีเดียวเชียวแหละ สักครั้งบอกเลยว่าต้องมา
พอถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่แบ่งเป็นรอบๆ เพื่อที่จะได้ทยอยเข้าไปสักการะรอยพระพุทธบาท จากนั้นก็ขอพรตามที่เราอยากขอเลยค่ะ แต่คำแนะนำก็คือให้ขอพรแค่ข้อเดียวเท่านั้น และอีกหนึ่งจุดที่ถือเป็นจุดไฮไลท์ของที่นี่ก็คือจุดผูกผ้าแดง แต่ด้วยความที่เราไปตอนเช้ามืดบวกกับมีหมอกและน้ำค้างจำนวนมาก ทำให้ทางค่อนข้างลื่น เจ้าหน้าที่จึงไม่แนะนำให้ไปต่อเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง แต่ถ้าหากใครอยากไปก็ขอแนะนำให้มาเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นดีกว่าค่า
ลงมาถึงข้างล่างเป็นเวลา 05:30 น. แล้วก็นั่งรถไปต่อที่วัดกะทิงตอน 06:00 น. เจ้าหน้าที่มีเวลาให้ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้เราไปกราบสรีระสังขารและรูปปั้นจำลองของหลวงพ่อเขียน อดีตเจ้าอาวาสวัดกะทิง ภายในวัดมีของกินขายเยอะแยะเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวหิวกันเลย หรือใครที่อยากจะทานอาหารในโรงทานก็ได้นะ ที่นี่มีเหมือนกันค่า
ไปต่อกันที่วัดเขาสุกิมเลยค่ะ วัดสุดท้ายของทริปนี้แล้ว บรรยากาศภายในวัดสงบและร่มรื่นมากๆ และที่พิเศษกว่าก็คือที่นี่เค้ามีรถรางไว้ให้นั่งขึ้นชั้นบนด้วยนะ ที่สำคัญ ฟรี! แต่อาจจะต้องต่อคิวนิดนึง หรือใครที่อยากจะทดสอบกำลังกายก็สามารถเดินขึ้นบันไดเองได้เหมือนกัน ขั้นบันไดประมาณ 200 ขั้นเท่านั้น กายพร้อมใจพร้อมเราเดินได้! แต่เราสองคนเลือกจะนั่งรถรางค่ะ ไม่ไหวจริงๆ ฮือ
พอเข้ามาข้างในก็จะเต็มไปด้วยพระพุทธรูปและวัตถุโบราณต่างๆ อีกทั้งจะมีมุมที่เป็นที่ตั้งของสรีระหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย พระผู้บุกเบิกและก่อตั้งวัดเขาสุกิมแห่งนี้ไว้ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้มากราบไหว้สักการะกันด้วยค่ะ
ด้านนอกก็จะมีโรงทานให้เราได้อิ่มท้องกันด้วยนะ เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นวัดแล้วยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมด้วย เรียกได้ว่าอิ่มทั้งกาย อิ่มทั้งใจกันไปเลย
วัดเขาสุกิม
ที่ตั้ง : 50 หมู่ 12 ตำบล เขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จันทบุรี
GPS : https://goo.gl/maps/GeJK1mU3hnu1e3p66
ก่อนจะกลับกรุงเทพ ทางขสมก.ก็ได้จอดแวะร้านขายของฝากให้พวกเราลูกทัวร์ทุกคนได้ลงไปซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน ของฝากแต่ละร้านก็จะมีความคล้ายๆ กัน แต่รสชาติบอกเลยว่าอร่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นปลาเส้น ทุเรียนทอดอบเกลือ ปลาหมึกกรอบ ปลาหมึกตากแห้ง ปลาอินทรีกรอบทรงเครื่อง และอีกเยอะแยะเลย เลือกซื้อกันจนตาลายเต็มไม้เต็มมือก็รีบขึ้นรถเตรียมตัวกลับบ้านกันดีกว่า เย้!
หลับเป็นสิบตื่นก็ถึงที่ป้ายรถเมล์อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเกาะพญาไทแล้วค่ะ แต่ถ้าสะดวกลงตรงไหนก็สามารถบอกคนขับรถได้เช่นกันค่ะ แล้วแต่ความสะดวกของเราเลย ดูนาฬิกาก็เป็นเวลา 15:30 น. ก่อนลงจากรถก็มีการพูดคุยระหว่างพี่เจ้าหน้าที่ที่คุมรถกับลูกทัวร์ ทริปครั้งนี้เป็นกันเองและอบอุ่นมากๆ เราสองคนนอกจากจะเหนื่อยแต่ก็รู้สึกสนุกเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาด้วยกัน ติดใจจนอยากจะชวนครอบครัวมาอีกเลยแหละ
สำหรับใครที่สนใจอยากจะเดินทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาทกับขสมก.แบบพวกเราก็สามารถติดต่อไปได้ที่เบอร์ 086-0077425 หรือ ไอดีไลน์ @9wat8 เพื่อสำรองที่นั่งล่วงหน้ากันได้เลยค่า
ที่ตั้ง : ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี
GPS : https://goo.gl/maps/tuRdqiTbrpzB5axr6
Tags: เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี วัดกะทิง วัดเขาสุกิม นมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ที่เที่ยวจันทบุรี
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 410 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 355 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 876 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,190 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 873 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน ทริปตัวอย่าง | 11 ก.ย. 2024 | 2,231 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 05 ส.ค. 2024 | 1,973 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 31 ก.ค. 2024 | 1,431 อ่าน
ทริปตัวอย่าง ที่เที่ยว | 25 ก.ค. 2024 | 1,319 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 23 ก.ค. 2024 | 2,109 อ่าน