calendar_month 04 เม.ย. 2022 / stylus Admin Chillpainai / visibility 194,911 / รีวิวที่เที่ยว
วันนี้จะพาเพื่อนๆ ที่มีใจรักการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ไปตะลุยเที่ยวภาคตะวันออก
ที่จังหวัดปราจีนบุรีและนครนายก ซึ่งทริปนี้ชิลไปไหนได้รับเชิญออกเดินทางไปกับ
ททท.ภาคตะวันออก ร่วมกับ Phototech นิตยสารเพื่อวิทยาการและเทคโนโลยี
ทางด้านการถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 21-22 กันยายนที่ผ่านมานี้เองจ้า...
โดยเส้นทางท่องเที่ยวผจญภัยทริปนี้ ก็จะรวมกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นเร้าใจมากมาย
เช่น การโรยตัวที่หน้าผาจำลองและหน้าผาจริง การขับรถเอทีวี
กิจกรรมเพ้นท์บอล ล่องแก่งหินเพิง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ถือเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่ง
ของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนครนายกและจังหวัดปราจีนบุรี
นอกจากนี้ก็ยังพาไปเที่ยวชมโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ทำความรู้จักกับการแพทย์แผนไทยและผ่อนคลายไปกับนวดตัวเพื่อสุขภาพ
อีกทั้งยังสัมผัสความงามทางวัฒนธรรมกับการไปกราบสักการะหลวงพ่อปากแดง
สักการะศาลเจ้าพ่อขุนด่าน และชื่นชมความงามของเขื่อนขุนด่านปราการชล
วันแรกเราก็ออกเดินทางสู่จังหวัดปราจีนบุรี ไปยังสวนศักดิ์สุภารีสอร์ท
นอกจากการให้บริการที่พักแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทุกๆฤดูฝนตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
"แก่งหินเพิง" พร้อมรอต้อนรับนักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียวที่รักการผจญภัย
ด้วยความยากของแก่งในระดับ 3-5 ทั้งหลากหลายและสนุกสนานเร้าใจ
(แต่ในวันที่ไปเที่ยวนั้นระดับน้ำในแม่น้ำใสใหญ่สูงเกินไป ก็เลยอดไปตามระเบียบ T^T)
แต่ตอนนี้แก่งหินเพิงก็สามารถล่องได้ตามปกติแล้ว ใครอยากไปล่องแก่งหินเพิง
ก็สามารถติดต่อกับศักดิ์สุภารีสอร์ทได้เลยจ้า
นอกจากการล่องแก่งแล้ว ยังมีกิจกรรมการโรยตัวหน้าผาจำลองสูง 34 ฟุต
วันนี้พวกเราทำการทดลองซ้อมเบาๆก่อนลงสนามจริงในวันพรุ่งนี้
หรือใครชอบขับรถก็ลุยๆไปกับรถเอทีวี
แต่หากใครชอบชิลๆ ก็ปั่นจักรยานเที่ยวชมความงามธรรมชาติรอบๆรีสอร์ท
ซึ่งด้านหน้ามีทุ่งดอกหงอนนาคบานสวยงามอยู่ สีม่วงของมันทำเราสดชื่นมากๆ
ไม่ต้องขึ้นไปถึงภูสอยดาวก็สามารถยลโฉมเจ้าหงอนนาคได้เลย
เติมพลังหลังจากทำกิจกรรมมาตลอดครึ่งวัน ด้วยอาหารมื้อกลางวันที่
"เรือนวานิชชา" ตั้งอยู่ใกล้แก่งหินเพิง ตัวร้านเป็นเรือนไม้ในบรรยากาศที่สบายๆ
เราได้ลิ้มลองเมนูอาหารที่อร่อยมากๆ เช่น แกงส้มแป๊ะซะปลาช่อนทอด,
เป็ดน้ำแดงยอดผัก, ไข่่ตุ๋นกุ้งสด, ต้มยำทะเล แต่จริงๆแล้วที่นี่ก็มีเมนู
อาหารที่หลายหลากสไตล์ เช่นอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น อาหารป่า กาแฟสด
รวมไปถึงสเต็กก็มีเช่นกัน หากใครแวะไปปราจีนบุรีก็ลองมาชิมมาลิ้มรสที่นี่ได้ค่ะ
จากนั้นเราเดินทางกันต่อ ไปที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
อ้ะ อ้ะ อย่าเพิ่งตกใจว่าใครป่วยเป็นอะไรจะต้องมาหาหมอนะคะ
ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนำร่องเรื่องการแพทย์แผนไทย การใช้สมุนไพรบำบัดยารักษาโรค
มีการนวดแผนไทย อบ ประคบ ฝังเข็ม และมีการแปรรูปสมุนไพรไทยให้เป็นเวชภัณฑ์
และเครื่องสำอาง จัดจำหน่ายในราคาย่อมเยาอีกด้วย
ภายในโรงพยาบาลทางด้านขวาเมื่อท่านได้เข้าไป ก็จะพบตึกโบราณหลังหนึ่ง
ที่มีอายุอานามกว่า 100 ปี ตัวตึกทาสีเหลืองโดดเด่น มีสองชั้น
มีสเน่ห์ในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสมัยบาโรก มีมุขด้านหน้า
ตรงกลางเป็นโดม ผนังด้านนอกเป็นปูนปั้นลายพฤกษาประดับซุ้มประตูและหน้าต่างโค้ง
ตึกนี้เป็นตึกที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ สร้างขึ้นโดยทรัพย์สินส่วนตัวในปี พ.ศ.2452 เพื่อถวายเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรี และพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ หลังจากนั้นตระกูลของท่านเจ้าพระยาก็ได้ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้างให้แก่จังหวัดปราจีนบุรี จากนั้นพื้นที่ตรงนี้ได้ใช้เป็นสถานพยาบาลสำหรับทหารและประชาชนทั่วไป และในที่สุดก็ได้จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อรำลึกถึงบุญคุณของท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้สร้างตึกและสร้างความเจริญรวมทั้งสาธารณสมบัติให้กับจังหวัดปราจีนบุรีอย่างมากมาย
ส่วนภายในอาคารมีการตกแต่งแบบตะวันตก ยังคงมีลวดลายภาพวาดเฟรสโก้
ตามผนังและเพดาน ประดับแชนดาเรียสวยงาม พื้นที่ชั้นล่างแบ่งออกเป็นสามส่วน
คือโถงกลางตกแต่งจำลองเฟอร์นิเจอร์ในสมัยก่อนที่เป็นห้องรับแขก
โถงด้านซ้ายเป็นนิทรรศการประวัติความเป็นมาของอาคาร
และโถงด้านขวามือเป็นส่วนของร้านยาไทยต้นแบบโพธิ์เงิน-อภัยภูเบศรโอสถ
ทันทีที่ได้เข้ามา สิ่งแรกที่รับรู้ได้ทันทีคือกลิ่นคือยาสมุนไพรที่ลอยอบอวลอยู่ภายในห้อง
ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่เภสัชกรให้คำปรึกษากับผู้ที่มาเลือกซื้อยาสมุนไพรไทย
ตรงกลางเป็นตู้ไม้สีดำขนาดใหญ่ที่ด้านในนั้นแบ่งเป็นช่องเล็กๆ บรรจุสมุนไพรไทย
ยาดอง ไว้นานาชนิด นอกจากนี้ยังมีมุมให้เราได้ลองชิมยาลูกกลอนล้างลำไส้
ชิมน้ำยาอุทัยทิพย์ที่หอมชื่นใจ พร้อมใบหน้าอันยิ้มแย้มของเจ้าหน้าที่ที่นี่
ด้านหลังของอาคาร จะมีอีกตึกหนึ่งซึ่งจะให้บริการเกี่ยวกับการนวดแผนไทย ซึ่งก็จะมีทั้งนวดตัว นวดคลายเส้น นวดคอ บ่า ไหล่ นวดฝ่าเท้า ประคบสมุนไพรร้อน ฯลฯ ก่อนที่เราจะทำการนวดก็จะต้องมีการตรวจวัดความดันกันก่อน แล้วส่งต่อไปยังหมอนวด ซึ่งแต่ละท่านก็จะยิ้มแย้มแจ่มใส ชวนพูดคุยและน้ำหนักของมือก็ถือว่ากำลังดีเลย ใครชอบให้นวดแรง นวดเบาก็บอกกันได้ จากนั้นก็สิ้นสุดการนวดด้วยการดื่มชาร้อนหอมๆ ที่ทำให้เรารู้สึกรีเฟรซและผ่อนคลายมากๆเลยล่ะค่ะ...
ขอบอกว่ามาที่นี่แล้ว ลืมร้านนวดแถวบ้านคุณไปได้เลย!!
ก่อนออกจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็มาแวะช็อปปิ้งกันก่อน
ที่ร้านค้าจำหน่ายเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง ซึ่งก็จะทำมาจากสมุนไพรไทยทั้งนั้น
จัดจำหน่ายในราคาย่อมเยา และยังมีร้านค้าชุมชนจำหน่ายผักผลไม้
แบบปลอดสารพิษและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ
มาที่นี่แล้ว กลับบ้านไปอย่างประทับใจแถมยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วยนะคะ
ใครอยากอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ก็ลองเข้าเว็บไซต์นี้เลย http://www.abhaithaiherb.com/
ได้เวลาเดินทางกลับสู่ที่พักแล้ว ที่พักของเราคืนนี้มีชื่อว่า
ฮิลล์ไซด์ คันทรี โฮม กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท
(Hillside Country Home Golf and Resort)
อยู่บริเวณเชิงเขานางจีน ติดเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ด้านจังหวัดปราจีนบุรี
อากาศที่นี่จึงเย็นสบาย และเต็มไปด้วยสีเขียวทั้งจากสนามกอล์ฟ
และจากเทือกเขาฝั่งเขาใหญ่ค่ะ
ค่ำคืนนี้เรารับฟังบรรยายเทคนิคการถ่ายภาพสวย จากอาจารย์ธวัช มะลิลา
กูรูด้านการถ่ายภาพชั้นนำของประเทศและที่ปรึกษาสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย
พร้อมกับมีการส่งภาพถ่ายจากทริปตลอดวันนี้ เข้าประกวดชิงถ้วยรางวัลกัน
ในคอนเซ็บป์ของการท่องเที่ยวผจญภัยหัวใจสีเขียว
ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลทุกๆคนค่าาา
ผ่านพ้นค่ำคืนอันแสนสบายไปแล้ว วันที่สองเราก็มาลุยพร้อมผจญภัยกันต่อไป....
วันที่สองนี้เราเดินทางไปยังจังหวัดนครนายก เป้าหมายแรกคือการแวะตลาดผลไม้หนองชะอม
ตลาดผลไม้ข้างทางที่มีผลไม้มากมายให้คุณได้จับจ่าย ไม่ว่าจะเป็น น้อยหน่า
ลองกอง ส้มโอ ทุเรียนปราจีน ทับทิม พุทรานมสด หน่อไม้ รวมไปถึงขนมคบเคี้ยว
ปลาส้ม ปลาร้า และอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าใคร จะมาปราจีน นครนายก
ก็ล้วนต้องมาแวะซื้อของติดไม้ติดมือจากที่นี่กลับไปกันทั้งนั้น
จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ (พร้อมคบเคี้ยวผลไม้ไปตามทาง ฮ่าๆๆ)
มาพบกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ที่สาริกา แอดเวนเจอร์พ้อยท์ (Sarika Adventure Point)
ที่นี่ขึ้นชื่อยิ่งนักในเรื่องของการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมมันส์ๆ
อย่างโรยตัวหน้าผา ซึ่งจริงๆแล้วของสาริกา แอดเวนเจอร์พ้อยท์
เขามีทั้งโรยตัวกับหน้าผาจำลอง หน้าผาจริงที่ศูนย์เขาหล่นผจญภัย
และโรยตัวพร้อมกิจกรรมเดินป่าที่น้ำตกธารรัตนา เขตอุทยานฯเขาใหญ่
นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมอื่นๆ เช่นล่องแก่งยางแม่น้ำนครนายก
จักรยานเสือภูเขา เพ้นท์บอล ขับรถเอทีวี และอีกมากมาย
สำหรับทริปในวันนี้ ก็จะมีส่วนหนึ่งเล่นกิจกรรมเพ้นท์บอล
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน ความท้าทาย ความแม่นยำ
บวกกับความตื่นเต้นเร้าใจภายใต้กฏเกณฑ์กติกา และความสามัคคีของทีม
ที่พิเศษไม่เหมือนใครคือ สามารถแปลงกายเเต่งชุดหมี จระเข้ แพนด้า
มาเล่นเพ้นท์บอลได้ด้วยนะจ๊ะ อิอิ
ส่วนอีกทีมหนึ่งเราเดินทางต่ออีกนิด ขึ้นเขาไปยังศูนย์เขาหล่นผจญภัย
กับกิจกรรมโรยตัวหน้าผาจริง สูงกว่า 17 เมตร
ก่อนอื่นเลย ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยให้คำแนะนำก่อนการโรยตัว
เอาล่ะสมาชิกในทีม พร้อมค่ะ!!!
ภายใต้ความดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่ของสาริกาประจำศูนย์เขาหล่น
แต่ละคนก็จะมีลีลาการโรยตัวที่สวยงาม ขาตึง ค่อยๆปล่อยตัวล๊อคที่มือด้านหลัง
และค่อยๆ กระโดดถีบหน้าผาเป็นจังหวะ ไต่ๆลงมา
ระหว่างทางก็สามารถปล่อยมือโพสท่าเพื่อถ่ายภาพได้ด้วยจ้าาาา
นี่... ส่วนใหญ่มีแต่สาวใจกล้านะเนี่ยยย !!
ใครชำนาญมากกว่านั้นก็สามารถลองโรยตัวแบบการเดินหันหน้าลงเขาได้นะ
สิ้นสุดกิจกรรมไปพร้อมๆกับความตื่นเต้น ทั้งสูง ทั้งเสียว
แถมยังได้ใช้แรงกำลังแขนและขา อีกด้วยนะ
หากใครชอบความตื่นเต้นท้าทายแบบนี้ก็ลองติดต่อมาที่
สาริกา แอดเวนเจอร์พ้อยท์ (Sarika Adventure Point)
http://www.sarikaadventurepoint.com/ ได้เลยยย
พักเหนื่อยกันด้วยอาหารอร่อยๆ แบบอีสานรสเด็ด ที่ร้านไก่ย่างสองสาว
จัดหนักเลย ทั้งส้มตำ น้ำตก ลาบ ที่ขาดไม่ได้ก็คือไก่ย่างเมนูขึ้นชื่อของร้าน
จากนั้นก็ได้เวลาไปชื่นชมธรรมชาติชิลๆกันต่อที่ เขื่อนขุนด่านปราการชล
เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง
สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชทานชื่อเขื่อนว่า เขื่อนขุนด่านปราการชล เพื่อเชิดชูวีรกรรมของ
ขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน หรือ ขุนด่าน วีรชนของนครนายกในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ตัวเขื่อนมีความยาวรวม 2,720 เมตรความสูง 93 เมตร ความจุน้ำ 224 ล้านลูกบาศก์เมตร
รับน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ
สามารถป้องกันน้ำท่วมและลดความเสียหายจากน้ำล้นตลิ่ง และยังเป็น
แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของนครนายก
โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถชมทิวทัศน์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ได้จากบริเวณสันเขื่อน และสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อนได้เช่นกัน
โดยในรถจะมีเจ้าหน้าที่บรรยายข้อมูลของเขื่อนเป็นอย่างดีค่ะ
ก่อนกลับกรุงเทพฯ เราแวะไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อขุนด่าน
สถานที่แห่งนี้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ และมีประชาชนเคารพนับถือมาก
ตามประวัติเจ้าพ่อขุนด่าน ท่านเป็นนายด่านเมืองนครนายกสมัยกรุงศรีอยุธยา
วีรกรรมของท่านคือ การต่อต้านเขมรที่แปรพักตร์ เมื่อปี พ.ศ.2130
ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขณะที่ไทยติดพันศึกกับพม่า
เขมรได้เข้ามารุกรานและกวาดต้อนผู้คนแถบปราจีนบุรีเพื่อนำกลับเขมร
โดยได้ยึดเมืองปราจีนบุรี และเมืองนครนายก
ท่านขุนด่านจึงได้รวบรวมชาวบ้านผู้คนที่เมืองนครนายกไปตั้งหลักที่เขาชะโงก
แล้วยกกำลังเข้าขับไล่เขมรให้ออกจากนครนายก แตกพ่ายไปในที่สุด
นอกจากนี้ ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อขุนด่านยังมีเรื่องเล่าอีกว่า
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นนำกำลังพลไปตั้งหลักที่เขาชะโงก
และได้รื้อศาลเจ้าพ่อขุนด่าน เจ้าพ่อขุนด่านจึงได้ทรงแสดงอภินิหาร
ทำให้ทหารญี่ปุ่นล้มตายเป็นจำนวนมาก
และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องอำลานครนายกและปราจีนบุรีไว้เพียงเท่านี้
หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากมาเที่ยวก็ลองจัดโปรแกรมเที่ยวแบบนี้ดูก็ได้นะคะ
เพราะว่าก็ถือว่าครบถ้วน ครบอรรถรส ทั้งเปรี้ยวหวานมันส์เค็มเลย
สำหรับทริปนี้ขอขอบคุณ ททท. ภาคตะวันออก และ Phototech
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค้าาาาา ^^
เรื่องและภาพ : This road is mine
Tags: นครนายก ปราจีนบุรี
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 03 ก.ค. 2024 | 1,961 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 28 เม.ย. 2024 | 2,742 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 08 มี.ค. 2024 | 2,765 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 06 ก.พ. 2024 | 3,722 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 29 ม.ค. 2024 | 4,533 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 24 ม.ค. 2024 | 3,468 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 22 ม.ค. 2024 | 6,351 อ่าน