calendar_month 15 ธ.ค. 2019 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 85,846 / ทริปตัวอย่าง , ที่เที่ยว
เมื่อกรมอุตุฯ ประกาศว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เราก็ไม่รอช้ารีบชวนคุณแฟนไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นที่เชียงรายกันค่ะ ทริปนี้ความตั้งใจคืออยากไปขับรถเที่ยวสัมผัสความสวยงามของเส้นทางดอยตุง ผาฮี้ และผาหมี 3 เส้นทางดอยสวยที่กำลังมาแรงสุดๆ และปิดท้ายกับการเดินทางไปตามรอยทีมหมูป่าที่ขุนน้ำนางนอนซึ่งคุณแฟนรีเควสท์เลยว่าอยากไปมากๆ เรารีบวางแพลนจองที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน จองรถ และที่พลาดไม่ได้คือคอสตูมทริปนี้ของเราที่เราบอกกับคุณแฟนเลยว่าขอเป็นเสื้อคู่นะตัวเอง
ก่อนเดินทางเราเลือกซื้อเสื้อสวยๆ จากแบรนด์ "ช้างช็อป" แบรนด์นี้เขารับออกแบบผลิตเสื้อสวยๆ ลายสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศเลยล่ะค่ะ และแบรนด์ "ช้างฝ้าย" แบรนด์เดียวกันกับร้าน "ช้างช็อป" แต่ของ "ช้างฝ้าย" จะเน้นผ้าฝ้ายพิมพ์ลายสุดน่ารักที่มีเสื้อคู่ให้เลือกใส่ไปเที่ยว ครั้งนี้เลยเลือกเสื้อคู่สวยๆ ทั้งเสื้อสกรีนลายเชียงราย และชุดผ้าฝ้ายลายน่ารักสำหรับใส่ไปถ่ายเซลฟี่กันบนดอย เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไฟลท์เช้าตรู่ อากาศในกรุงเทพฯ วันนี้ค่อนข้างหนาวกว่าที่เคย แต่เพราะมีไออุ่นจากคนข้างๆ เลยทำให้ไม่หนาวเท่าไร พอถึงเชียงรายปุ๊บ โอ๊ยยย หนาวววมากๆ เหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ อยากให้เมืองไทยเป็นแบบนี้ไปสักสองสามเดือน
ถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงเราก็รับรถเช่าขับขึ้นดอยตุงกันเลย ระยะทางจากสนามบินสู่ดอยตุงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ทางขึ้นค่อนข้างง่าย เป็นทางลาดยางตลอดเส้นทาง ทั้งสองข้างทางร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ใครจะคิดว่าในอดีตที่นี่เคยเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และมีปัญหาเรื่องการปลูกฝิ่น การทำไร่เลื่อนลอย แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งท่านทรงมีพระปณิธานให้คนดอยตุงสามารถพึ่งพาตนเองได้ และอยู่ร่วมกับป่าได้ จึงทำให้เกิดโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามแนวทางปลูกป่า ปลูกคนที่พระองค์ทรงตั้งใจไว้
หลังจากซื้อบัตรเข้าชมสวนแม่ฟ้าหลวงแล้วก็มาเดินถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ ภายในสวน ที่เต็มไปด้วยดอกไม้เมืองหนาวพากันออกดอกชูช่อรับลมหนาวกันอย่างสวยงามมากๆ มุมถ่ายรูปนั้นมีมากมายเลยล่ะค่ะ ทั้งมุมบ่อน้ำที่มีน้องหงส์คู่สองตัวว่ายน้ำเคียงคู่กันแบบชิ๊ลชิล หรือจะเป็นประติมากรรม "ความต่อเนื่อง" ผลงานของมีเซียม ยิบอินซอย ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงพระราชทานชื่อนี้เพื่อสื่อความหมายถึงการทำงานทุกอย่างจะต้องมีความต่อเนื่องจึงจะสำเร็จ
ถ่ายรูปสวยๆ กับดอกไม้กันแล้วก็ไปวัดใจกับ DoiTung Tree Top Walk หรือสะพานเดินเรือนยอดไม้ดอยตุง ความสูงกว่า 30 เมตร และมีความยาวรวม 300 เมตร งานนี้คุณแฟนออกอาการงอแงจะไม่ยอมเล่นเพราะคุณเขากลัวความสูงอยู่หน่อยๆ เราเลยจะขอไปเล่นคนเดียว คุณเธอก็ไม่ยอม สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนของเรายอมขึ้นไปเล่นแต่โดยดี ซึ่งเขาจะมีเป็นรอบๆ ค่ะ รอบละประมาณ 20 นาที ค่าเข้าต้องเสียเพิ่มด้านในสวนแม่ฟ้าหลวงราคา 150 บาทค่ะ
ก่อนขึ้นทางเจ้าหน้าที่จะมาสวมอุปกรณ์เซฟตี้ให้เราและสอนการใช้อุปกรณ์ โดยมีข้อห้ามว่าระหว่างที่เดินให้เดินเป็นแถวเรียงหนึ่งกันไป ห้ามมีการสลับแถวและระหว่างเดินห้ามแกล้งกันเด็ดขาด
ซึ่งแต่ละรอบจะมีเจ้าหน้าที่คอยเดินปิดท้ายเพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยให้ด้วยค่ะ เส้นทางที่เราเดินเป็นสะพานแขวนเหนือเรือนยอดไม้พาดจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นหนึ่ง บางช่วงจะต้องเดินปีนบันได หรือลงบันไดบนต้นไม้เพื่อไปยังสะพานฐานต่อไป
รูปนี้ขอให้พี่เจ้าหน้าที่ที่เดินตามมาช่วยถ่ายให้ ซึ่งวันนี้เราเลือกเสื้อยืดสีดำสกรีนลายเชียงรายจากช้างช็อป ได้อารมณ์ความทะมัดทะแมง และแฝงความแอดเวนเจอร์เข้ากับสถานที่มากๆ
ฐานสุดท้ายทางเจ้าหน้าที่จะให้เราเลือกว่าจะเดินไปบนสะพาน หรือจะเลือกเล่นซิปไลน์ปิดท้ายก็ได้ค่ะ หันไปบอกแฟนว่าวัยรุ่นอย่างเราก็ต้องเลือกเล่นซิปไลน์สิ แต่แฟนหน้างี้ซีดเป็นไก่ต้ม กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้นางเล่นได้ต้องให้พี่เจ้าหน้าที่ช่วยมายืนยันความมั่นใจว่าปลอดภัยชัวร์ๆ สุดท้ายนางก็ยอมเล่นค่ะ แถมยังมาคุยกลับอีกว่าอยากเล่นอีกสักห้ารอบก็ยังไหว แหม่เมื่อกี้ใครคะที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มไหว้เจ้า 555
ที่ตั้ง : โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระตำหนักดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์: 0-5376-7015-7
ค่าเข้า :
1. พระตำหนักดอยตุง : คนทั่วไป 90 บาท/ผู้สูงอายุ และนักเรียน 45 บาท
2. สวนแม่ฟ้าหลวง หรือ สวนดอยตุง : คนทั่วไป 90 บาท/ผู้สูงอายุ และนักเรียน 45 บาท
3. หอพระราชประวัติ หรือ หอแห่งแรงบันดาลใจ : ฟรี
4. สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง : คนทั่วไป 90 บาท/ผู้สูงอายุ และนักเรียน 45 บาท
บัตรแบบรวม 4 สถานที่ : คนทั่วไป 200 บาท /ผู้สูงอายุ และนักเรียน 100 บาท
GPS : https://goo.gl/maps/XpqCZC3VgRo8vGhh8
ส่วนค่ำคืนนี้เราเลือกไปนอนกางเต็นท์สัมผัสลมหนาว และนอนดูดาวที่สถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ทรงงานดอยตุง อันเนื่องมาจากพระราชดำริค่ะ ที่นี่อยู่ห่างจากสวนแม่ฟ้าหลวงประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 นาที โดยใช้ถนนดอยตุงสายเก่า เส้นทางค่อนข้างชันมากๆ ค่ะ ดังนั้นขับรถระมัดระวังกันด้วยนะคะ
บริเวณสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ทรงงานดอยตุงฯ ไม่มีเต็นท์ให้บริการนะคะโดยเราต้องนำเต็นท์มากางเอง ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ แต่เราสามารถให้เป็นค่าบำรุงสถานที่ได้ เพราะที่นี่มีห้องน้ำและไฟฟ้าให้บริการ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดค่ะ อ๊ะ แต่ไม่มีบริการร้านอาหารนะคะ โปรดเตรียมตัวมากันให้พร้อมและขากลับก็ช่วยรักษาความสะอาดเก็บกลับไปด้วยค่ะ
เราสองคนช่วยกันกางเต็นท์ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นริ้วสีทอง พร้อมกันกับแสงไฟด้านล่างที่ทอประกายราวกับดวงดาวที่ส่องแสงมาจากพื้นดิน
เรายืนมองช่วงเวลามหัศจรรย์ด้วยกันสองคน พร้อมอากาศที่เริ่มหนาวเย็นลงจนคุณแฟนเดินไปในรถหยิบเสื้อกันหนาวมาคลุมให้ แม้อากาศจะหนาวเพียงใด แต่ถ้าได้เดินทางมากันสองคนแบบนี้อากาศที่หนาวเย็นก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นทันใดเลยล่ะค่ะ
สถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ทรงงานดอยตุงฯ
ที่อยู่ : ตั้งอยู่ที่บริเวณกิโลเมตรที่ 15 ถนนสายบ้านสันกอง - พระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
การเดินทาง : ห่างจากสวนแม่ฟ้าหลวงมาประมาณ 4 กิโลเมตรโดยใช้เส้นทางดอยตุงสายเก่า
ไม่มีค่าบริการ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 085 - 721 3327
เช้าวันที่สองเราเดินต่อไปยังบ้านผาฮี้ ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ทรงงานดอยตุงฯ ไปประมาณ 20 นาที ผ่านดอยช้างมูบมายังดอยผาฮี้ เส้นทางช่วงนี้ค่อนข้างแคบ และจะมีโค้งหักศอกบางช่วงค่ะ ดังนั้นควรขับรถด้วยความระมัดระวังนะคะ แต่จุดเด่นของเส้นนี้คือเหมือนเราวิ่งอยู่บนถนนลอยฟ้า เพราะถนนจะเลียบไปบนสันเขาใกล้กับแนวตะเข็บชายแดน ไทย พม่า มองออกไปทางซ้ายก็จะเห็นแนวสันเขากั้นพรมแดนไทย - พม่าสวยงามมากๆ
เรามาถึงหมู่บ้านผาฮี้ยามเช้าตรู่ ภาพหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งลดหลั่นไปบนไหล่เขาหันหน้ารับกับแสงอาทิตย์ที่ปลุกหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ให้ตื่นขึ้นในยามเช้า วิวจากหมู่บ้านเราจะมองเห็นดอยตุงที่เราจากมาอยู่ทางขวา และผาหมีที่เรากำลังจะไปอยู่ทางซ้าย หมู่บ้านแห่งนี้จึงอยู่ระหว่างภูเขาสองลูกพอดีเลยล่ะค่ะ มีหมอกจางๆ ลอยปกคลุมเบาๆ อยู่เบื้องหน้า เป็นภาพที่เราสองคนประทับใจและอยากหยุดช่วงเวลาสวยงามนี้ไว้ให้อยู่แสนนาน
ชาวบ้านผาฮี้เป็นกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ที่มีการแต่งตัว ภาษา ความเชื่อ วัฒนธรรม และอาหารการกินเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งในอดีตที่นี่ประสบปัญหาการถางป่า ทำไร่เลื่อนลอย และปลูกฝิ่น แต่พอปี พ.ศ.2523 ทางรัฐบาลไทยเข้ามาสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกกาแฟตามสโลแกนที่ว่าปลูกกาแฟดีกว่าปลูกฝิ่น แต่ช่วงแรกก็ยังประสบปัญหาในการปลูกเพราะชาวบ้านไม่ค่อยมีความรู้ จนปี พ.ศ.2531 โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริเข้ามาในหมู่บ้าน และส่งเสริมให้ชาวบ้านหันมาปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลัก พร้อมถ่ายทอดความรู้โดยให้ชาวบ้านได้ไปเรียนรู้การปลูกกาแฟที่ศูนย์วิจัยทดลองกาแฟของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ จนชาวบ้านได้พัฒนาการปลูกกาแฟ และรวมกลุ่มกัน ทำให้ปัจจุบันกาแฟของผาฮี้เป็นกาแฟคุณภาพดีโดยได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดพืชสวนนานาชาติในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ฯ ราชพฤกษ์ 2554 การันตี
เมื่อเราเข้ามาในหมู่บ้านเราจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านผาฮี้ที่ทำกาแฟเป็นอาชีพหลักตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บ การล้าง การตากโดยเราจะสังเกตเห็นที่ตากกาแฟ ทำจากไม้ไผ่ยกพื้นสูงอยู่ทั่วหมู่บ้านเลยล่ะค่ะ พร้อมกับมีคุณตาคุณยายขึ้นไปนั่งคัดเมล็ดกันอยู่ด้านบน ก่อนที่จะนำไปสู่ขั้นตอนการบ่ม และการคั่วส่งให้ร้านกาแฟในหมู่บ้านและจัดจำหน่ายทั่วประเทศ รวมทั้งยังส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย
กาแฟที่ชาวบ้านผาฮี้ปลูกนั้นเป็นกาแฟพันธุ์อาราบิก้า 100% ค่ะ ด้วยความสูง 1,200 - 1,400 เหนือระดับน้ำทะเล อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้กาแฟอาราบิก้าของที่นี่มีคุณภาพมากๆ โดยจะมีกลิ่นหอมอโรม่า มีรสหอม หวาน คล้ายผลไม้ ซึ่งร้านกาแฟในผาฮี้ที่ให้เราได้เลือกไปนั่งจิบกาแฟผาฮี้สดหอมๆ นั้นมีให้เลือกมากมายประมาณ 10 กว่าร้าน และแต่ละร้านจะจัดโซนที่นั่งให้เรานั่งห้อยขาจิบกาแฟชมวิวสวยๆ ของผาฮี้ได้ด้วย ซึ่งร้านแรกที่เราได้มาชิมชื่อร้านว่ากาแฟผาฮี้ หรือที่เราเรียกว่าร้านร่มแดง ที่นี่จะมีโฮมสเตย์ด้วยนะคะ โดยโฮมสเตย์ของที่นี่ราคาจะเท่ากันเกือบทุกที่คือคนละ 800 บาท รวมอาหารเช้า และอาหารเย็นซึ่งเป็นอาหารแบบชนเผ่า ในส่วนร้านกาแฟเขาจะเปิดตั้งแต่ 7.30 น. เป็นต้นไป
เช้านี้เราสั่งเมนูกาแฟดริปร้อนราคาชุดละ 100 บาทโดยจะเสิร์ฟมาเป็นชุดทำกาแฟดริปชุดนึงสามารถทานได้ 2 คนค่ะ โดยให้เราได้ลองทำเอง เริ่มจากใส่ผงกาแฟลงไปบนกระดาษกรอง ค่อยๆ รินน้ำร้อนลงไปรออึดใจน้ำกาแฟจะค่อยๆ กลั่นลงมาสู่บีกเกอร์ แล้วเทกาแฟจากบีกเกอร์ใส่แก้วไวน์
กาแฟดริปหอมกรุ่น รสชาตินุ่มนวลมากๆ ค่ะ เราสองคนจิบกาแฟร้อนๆ ยามเช้าพร้อมชมวิวของบ้านผาฮี้ และปล่อยเวลาให้เดินช้า ดื่มด่ำกับภาพความงดงามตรงหน้าให้นานที่สุด
จากร้านกาแฟผาฮี้ซึ่งอยู่บริเวณด้านบนสุดของหมู่บ้าน เราค่อยๆ เดินลงไปภายในหมู่บ้านสำรวจความน่ารักของหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งภายในหมู่บ้านมีร้านกาแฟน่ารักให้เลือกทานอีกมากมายเช่นร้านหมื่อแล ตัวร้านตกแต่งด้วยผ้าม่านสีขาวพร้อมมุมฮิปให้จิบกาแฟชมวิวจากมุมดาดฟ้าของร้าน พร้อมกันนั้นยังมีโฮมสเตย์ให้บริการด้วยค่ะ
ที่ผาฮี้ทุกมุมเหมาะกับการมาเดินถ่ายรูปมากๆ ค่ะ แนะนำสาวๆ สำหรับการแต่งตัวมาเที่ยวผาฮี้ ลองเลือกเสื้อผ้าฝ้ายน่ารัก อย่างของเราที่เลือกชุดเดรสผ้าฝ้ายลายน่ารักจากร้านช้างฝ้าย เพิ่มความคาวาอี้เข้าไปอีกด้วยหมวกเบเร่ต์สีชมพูรับรองว่าภาพที่ได้มาน่ารักโดนใจแน่นอน
อีกร้านนึงที่เราชอบมากๆ คือร้านผาฮี้ วัลเล่ย์ที่เป็นทั้งโฮมสเตย์และร้านอาหารค่ะ เพิ่งเปิดได้มาแค่ 3 เดือนเท่านั้น แต่บรรยากาศฮิปมากๆ เพราะเจ้าของที่นี่เขาไปร่ำเรียนเชฟมาจากออสเตรเลีย แล้วกลับมาสร้างสรรค์เมนูอาหารทั้งแบบตะวันตก เช่น พิซซ่า เสต๊ก สปาเก็ตตี้ พร้อมกันนั้นยังมีอาหารแบบชนเผ่า เช่นรากชูผัดไข่ ลาบดอย ให้เราได้เลือกทานด้วยค่ะ ขอบอกว่าอร่อยมากๆ ทั้งพิซซ่าและอาหารชนเผ่าจนเราอยากกลับไปซ้ำเลย พร้อมกันนั้นยังมีเครื่องดื่มกาแฟสด ร้อน เย็นให้บริการด้วยค่ะ
มุมน่ารักของหมู่บ้านที่เราขอให้พี่ๆ ในหมู่บ้านช่วยถ่ายให้ค่ะ
บรรยากาศที่นี่น่ารักมากๆ ค่ะ พอถ่ายรูปไปลงโซเชียลปุ๊บก็มีเพื่อนๆ หลายคนเข้ามาแซวเลยว่ามาถ่ายพรีเว็ดดิ้งหรือเปล่า 555 ต้องขอบคุณเสื้อผ้าของช้างฝ้ายที่สวยโดนใจ พร้อมกับวิวบ้านผาฮี้ที่เป็นใจกับการถ่ายรูปของเรามากๆ
จากนั้นนั่งรถสองแถวจากตัวหมู่บ้านมายังสะพานไม้ไผ่ไร่ผาฮี้ค่ารถไปกลับคนละ 20 บาทเท่านั้น โดยสามารถโทรไปให้พี่ๆ คนขับมารับตามจุดที่เราต้องการได้ค่ะ รถกระบะขับมาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงสะพานไม้ไผ่ที่เขาทำเป็นสะพานทอดยาวไปตามแนวสันเขา พร้อมความเก๋ด้วยร่มหลากสีสันที่เรียงกันตามแนวสะพานไม้ไผ่ความยาวรวมประมาณ 300 เมตร รอบข้างของสะพานเป็นต้นกาแฟที่กำลังออกผลสีแดง พร้อมต้นไม้น้อยใหญ่ ตัวสะพานจะไปสุดทางที่ร้านกาไร่ผาฮี้ค่ะ มีบริการกาแฟสดพร้อมอาหารชนเผ่าให้ทานอีกด้วย
ทุ่งปอเทืองด้านล่างกำลังออกดอกสีเหลืองสวยงามมากๆ ค่ะ เป็นอีกมุมน่ารักที่ชวนคุณแฟนมาถ่ายได้ภาพโปรไฟล์เก๋ๆ อัพเดตใหม่ใน SNS ได้อีก
ผาฮี้เชียงราย
การเดินทาง : สามารถมาได้ 2 เส้นทางค่ะจากตัวเมืองแม่สาย ขับรถมาทางดอยผาหมี จากผาหมีขับมาประมาณ 7 กิโลเมตรก็จะถึงดอยผาฮี้ เส้นทางที่สองขับมาทางดอยตุงค่ะ จะผ่านดอยช้างมูบ ระยะทางจากดอยตุงไปประมาณ 11 กิโลเมตร ดังนั้นเส้นทางแนะนำขึ้นทางผาหมีจะสะดวกกว่าค่ะ
GPS : https://goo.gl/maps/Ezh2dpdaL4LWrgfn9
จากผาฮี้เชียงรายเราขับรถต่อไปยังดอยผาหมีเส้นทางจากผาฮี้ไปผาหมีเป็นเส้นทางลงเขาค่ะ ทางชันมากๆ แบบตัวเอส เอส กันเลย ตอนขับต้องใช้ความระมัดระวังมากๆ นะคะ
จุดชมวิวดอยผาหมีที่เหล่าๆ น้องหมูป่าเคยมาถ่ายรูปเอาไว้ค่ะ เป็นหนึ่งไฮไลท์ที่คนมาเที่ยวดอยผาหมีต้องมาแชะรูปที่นี่ แต่ตรงนี้เป็นทางลงเขาพอดีค่ะ ดังนั้นตอนจอดรถอย่าลืมดึงเบรกมือระวังรถไหลด้วยนะคะ
เราใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจากผาฮี้ก็มาถึงที่พักของเราในคืนนี้ภูคุมะ Cafe & Homestay ที่พักน่ารักซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านบนสุดของหมู่บ้านผาหมี เป็นที่พักที่เพิ่งเปิดบริการได้ไม่นานค่ะ มีห้องพักให้บริการ 4 ห้อง โดยแบ่งเป็นห้องสำหรับ 2 คน สองห้อง ราคาเริ่มต้น 1,000 - 2,000 บาท และห้องสำหรับ 4 คน 2 ห้อง ราคาเริ่มต้น 1,500 - 2,500 บาท ภายในห้องมีเตียงนุ่มๆ พัดลม พร้อมห้องน้ำในตัวที่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัว สบู่ น้ำดื่ม และระเบียงชมวิวที่สวยงามมากๆ ส่วนทีวีกับเครื่องปรับอากาศที่นี่ไม่มีนะคะ เพราะวิวตรงหน้าก็ดึงดูดให้เราได้ใช้เวลานั่งชมมากกว่าการชมทีวี ส่วนแอร์นั้นตัดไปได้เลยค่ะเพราะอากาศที่นี่เย็นสบายทั้งปี ช่วงที่เรามาเป็นช่วงหน้าหนาวอากาศตอนกลางคืนลงไปถึง 9 องศากันเลย
นอกจากที่พักแล้วที่นี่ยังให้บริการร้านกาแฟและห้องอาหารสไตล์ไทย พร้อมกับมีเมนูอาหารญี่ปุ่นอย่างโอโคโนมิยากิและไก่คาราเกะราดซอสเทอริยากิให้บริการอีกด้วย เราสอบถามกับพี่เพ็ญเจ้าของที่พักว่าทำไมถึงชื่อว่าภูคุมะโฮมสเตย์ พี่เพ็ญเล่าว่าเนื่องจากลูกชายชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นและประจวบกับพี่สาวของพี่เพ็ญนั้นอยู่ที่ญี่ปุ่น จึงนำชุดกิโมโน นำชา นำเครื่องปรุงของญี่ปุ่นมาให้อยู่เสมอ จึงอยากให้ที่นี่มีบรรยากาศญี่ปุ่นหน่อยๆ เลยใช้ชื่อว่าภูคุมะ ซึ่งคำว่าคุมะในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าหมีค่ะ จึงพ้องกับชื่อไทยว่าดอยผาหมี กลายเป็นชื่อโฮมสเตย์สุดน่ารักที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นผสมผสานกับสไตล์พื้นเมือง
อาหารเย็นค่ำคืนนี้ค่ะ เป็นอาหารไทยรสจัดจ้านมากๆ ทานกันจนอิ่มแปล้ ก่อนจะแทรกตัวลงไปในเตียงนุ่มๆ และผ้าห่มอุ่น พร้อมอ้อมกอดคนข้างๆ ที่ทำให้อากาศ 9 องศาของคืนนี้นั้นอุ่นยิ่งขึ้น
ภูคุมะ Cafe & Homestay
ที่ตั้ง : 37 หมู่ 6 บ้านผาหมี ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย เชียงราย
ราคา : 1,000 - 2,500 บาท
เบอร์โทร : 085-035-1782
GPS : https://goo.gl/maps/qmxHHkVUFYHnh2S68
ยามเช้าเราตื่นมาทานข้าวต้มร้อนๆ ของที่พักพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ยามเช้าที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังของภูเขา ปลุกให้หมู่บ้านแห่งนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมแสงแรกในยามเช้า
เช้านี้เราเลือกชุดผ้าฝ้ายคอวีลายพื้นเมืองสุดน่ารัก ส่วนคุณแฟนเลือกเป็นเสื้อลายเดียวกันแต่เป็นเสื้อคลุมสวมทับกับเสื้อยืดเท่ๆ จากร้านช้างฝ้าย ใส่มาถ่ายรูปกับหมู่บ้านผาหมีสุดน่ารักแห่งนี้
ผาหมีนั้นในอดีตเคยเป็นพื้นที่สีแดงมีปัญหาในเรื่องยาเสพติดเช่นเดียวกับผาฮี้ ประชากรที่นี่ส่วนมากเป็นกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า มีการปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย แต่เมื่อวันที่ 11 มกราคา พ.ศ.2513 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงเสด็จเยือนหมู่บ้านผาหมีโดยเฮลิคอปเตอร์และทรงลาเข้าสู่หมู่บ้าน เนื่องจากเส้นทางคมนาคมไม่สะดวก ก็เป็นความภาคภูมิใจของคนในหมู่บ้านพลิกฟื้นหมู่บ้านแห่งนี้ ให้ชาวบ้านหันมาปลูกกาแฟแทนฝิ่น
จุดถ่ายรูปสวยๆ ในบ้านผาหมี พิกัดจะอยู่หลังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านผาหมีหรือสถานีอนามัยบ้านผาหมีค่ะ ตรงจุดนี้จะมีชิงช้าจำลองที่ใช้ในพิธีโล้ชิงช้า มีป้ายชื่อหมู่บ้านสุดน่ารัก เป็นจุดถ่ายรูปให้เราได้แชะภาพสวยๆ กันด้วยค่ะ
ที่หมู่บ้านผาหมีก็มีร้านกาแฟให้เลือกทานมากมายเลยล่ะค่ะ ซึ่งจุดชมวิวของดอยผาหมีก็ต้องนี่เลยผารูปหมี มุมนี้เราถ่ายมาจากร้าน LAYOU CAFE (ลาโย่วคาเฟ่) ซึ่งที่มาของบ้านผาหมี ก็คือทิวเขารูปร่างเหมือนน้องหมีกำลังนอนหงายเหยียดกายยืดยาว ซึ่งถ้ามองจากมุมนี้เราจะเห็นทั้งส่วนจมูกส่วนท้อง และส่วนขา เพื่อนๆ ว่าเหมือนกันไหมคะ
และอีกหนึ่งร้านกาแฟที่เป็นไฮไลท์ของบ้านผาหมี เป็นร้านที่กำลังมาแรงสุดๆ ในตอนนี้ค่ะ คือสวนคุณปู่ Life Museum จากบ้านผาหมีขับรถย้อนไปทางผาฮี้ประมาณ 2.7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 7 นาที ซึ่งต้องจอดรถไว้ด้านบนจากนั้นต้องเดินลงหุบเขาที่ทางค่อนข้างชันเรียกเหงื่อได้ดีทีเดียวพอเดินลงไปไม่นานเราก็จะพบกับ สวนคุณปู่ Life Museum ร้านกาแฟสุดน่ารักแบบโอเพ่นแอร์หลังคามุงจากตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ตัวร้านจะมีสองชั้นค่ะ พร้อมมีที่นั่งแบบห้อยขาให้เรานั่งชมวิวสวยๆ เบื้องหน้าที่เป็นช่องเขา และทุ่งนาแบบขั้นบันได นอกจากนี้ที่นี่ยังมีการเลี้ยงสัตว์เช่นควายและเป็ดให้เราได้นั่งชมวิถีชีวิตแบบเกษตรกรรมด้วยค่ะ ซึ่งคำว่า สวนคุณปู่ Life Museum เจ้าของร้านกาแฟร้านนี้เล่าให้เราฟังว่าที่ตรงนี้คือที่ของคุณปู่ ตนเป็นหลานเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่มาสานต่อ ตั้งใจสร้างที่นี่ขึ้นมาเพื่อให้คนทั่วไปได้มาสัมผัสกับธรรมชาติ วิถีชีวิตเกษตรกรรม และลิ้มรสความอร่อยของกาแฟดอยผาหมีแห่งนี้
กาแฟที่นี่เป็นกาแฟอาราบิก้า 100% ที่ทางร้านปลูกเอง กาแฟกลิ่นหอมอร่อยมากๆ ค่ะ และที่พลาดไม่ได้คือเค้กของร้านที่ทางร้านทำเอง มีให้เลือกเยอะ และน่ากินมากๆ ทั้งเค้กมะพร้าว เค้กนมสด บลูเบอร์รี่ชีสพาย และสตรอว์เบอร์รีชีสพายเป็นต้น รสชาติอร่อยมากๆ ค่ะ ราคาเค้กไม่แพงด้วยเริ่มต้นที่ 80 บาทเท่านั้น
สวนคุณปู่ Life Museum
ที่ตั้ง : 1149 ตำบล โป่งผา อำเภอแม่สาย เชียงราย
เปิดบริการ : ทุกวันเวลา 8.30 - 18.00 น.
เบอร์โทร : 061-267-8868
ราคาอาหารและเครื่องดื่มเริ่มต้นที่ : 50 - 80 บาท
GPS : https://goo.gl/maps/fV1gQaq2TNkN7Uv98
เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 เกิดเหตุการณ์ที่โด่งดังไปทั่วโลกนั่นคือเหตุการณ์ติดถ้ำหลวงของทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทั่วโลกต่างให้ความสนใจ และร่วมเอาใจช่วยกับภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่ารวมทั้งสิ้น 17 วัน
แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านไปประมาณ 1 ปีแล้ว แต่หลายคนยังจดจำเหตุการณ์ที่ทั้งโลกรวมใจช่วยทีมหมูป่ากันได้ยังดี ทำให้ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่ทำให้ผู้คนมากมายทั้งคนไทยและคนต่างชาติ อยากเดินทางมาตามรอยเหตุการณ์ครั้งนี้ และส่งผลให้มีการยกระดับวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนให้เป็นอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเมื่อเดือนตุลาคมปี 2562 ที่ผ่านมา
อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่สาย ถ้าจากในตัวเมืองเชียงรายใช้ถนนพหลโยธินมายังอำเภอแม่สาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนเราเดินทางลงมาจากผาหมีค่ะ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร และใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที เรียกว่าใกล้มากๆ เมื่อขับรถมาถึงจะต้องจอดรถบริเวณลานจอดรถที่จัดเอาไว้ให้ จากนั้นต้องโดยสารรถสองแถวของชุมชนค่ารถไป-กลับ 20 บาท โดยรถจะพาเราไปส่งตรงทางเข้าอุทยานฯ และต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร
บริเวณทางเข้าถ้ำหลวงจะมีศาลเจ้าแม่นางนอนให้เราสักการะก่อนจะเดินเข้าไปชมด้านใน พร้อมกับตำนานเล่าขานเรื่องราวเกี่ยวกับขุนน้ำนางนอน ที่มีถึง 3 ตำนานบ้างก็ว่าเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของเจ้าหญิงแห่งเมืองเชียงรุ้งกับคนเลี้ยงม้า บ้างก็ว่าเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของเจ้าหญิงแห่งเมืองพุกาม และตำนานสุดท้ายเป็นเรื่องราวของพระธิดาของพญานาคกับพญาครุฑ ตำนานเหล่านี้มีให้เราได้อ่านบริเวณศาลเจ้าแม่นางนอนใครที่สนใจเรื่องราวตำนานเล่าขานแบบนี้ก็มาอ่านกันก่อนเข้าไปชมด้านในได้เลย ซึ่งขุนน้ำนางนอนนั้นที่มีก็มาจากรูปร่างของทิวเขาที่มีลักษณะคล้ายหญิงสาวกำลังนอนหงายอยู่
ในส่วนการเข้าชมถ้ำหลวงนั้นเขาจะเปิดให้ชมแค่บริเวณปากถ้ำค่ะ พร้อมกันนั้นมีป้ายที่แสดงแผนภูมิภารกิจการช่วยเหลือทีมหมูป่าให้ความรู้กับเราด้วย ซึ่งถ้ำหลวงแห่งนี้เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย มีความยาวประมาณ 10.316 กิโลเมตร แต่เส้นทางที่ทางทีมหมูป่าเข้าไปติดนั้นจะอยู่บริเวณเนินนมสาวระยะทางจากปากถ้ำประมาณ 2.315 กิโลเมตร ซึ่งภารกิจนี้ต้องพบกับความยากลำบากทั้งเส้นทาง ทั้งระดับน้ำ สภาพแวดล้อมต่างๆ ภายในถ้ำ แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกคนภารกิจนี้ก็ได้สำเร็จทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่โด่งดังไปทั่วโลก
ท่ามกลางภารกิจที่บีบคั้นหัวใจก็เกิดเหตุการณ์สุดเศร้า เมื่อ จ่าแซม หรือ นาวาตรีสมาน กุนัน หนึ่งในทีมช่วยเหลือครั้งนี้ได้เสียชีวิตจากการหมดสติในน้ำ เป็นเรื่องราวที่หลายคนต่างเศร้าเสียใจ ซึ่งความกล้าหาญของจ่าแซมนั้นได้ทำให้เกิดอนุสรณ์สถานเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น โดยด้านหน้าน้้นมีรูปปั้นจ่าแซมพร้อมเหล่าหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตที่สื่อถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ดัานในยังมีภาพวาดเดอะฮีโร่ถ้ำหลวง สูง 3 เมตร ยาว 13 เมตร ใช้เวลาวาดมากกว่า 13 วัน ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คนมากมายที่เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้
จากถ้ำหลวงเรานั่งรถสองแถวเดินทางไปต่อยังขุนน้ำนางนอน หรือสระขุนน้ำมรกตอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ขึ้นชื่อภายใน อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน โดยรถจะจอดบริเวณทางเข้าแล้วให้เราเดินต่อเข้าไปประมาณ 300 เมตร ท่ามกลางบรรยากาศสุดร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา มีทางเดินหินที่ปูนำเราไปสู่บริเวณสระมรกต พร้อมกับมีทางเดินศึกษาธรรมชาติให้เราได้เดินชิลๆ ด้วยค่ะ
สระขุนน้ำมรกตแห่งนี้นั้นเกิดจากภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่า ที่มีการขุดบ่อบาดาลรวมทั้งสิ้น 13 บ่อขึ้นมาเพื่อช่วยในการลดระดับน้ำภายในถ้ำและต่อมาพบว่าน้ำแห่งนี้เป็นสีเขียวเหมือนมรกต เลยทำให้มีการพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมา บรรยากาศสวยงามเหมาะกับการมาพักผ่อนมากๆ ค่ะ
อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนาง
ที่ตั้ง : บ้านจ้อง หมู่ 9 ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
เปิดให้บริการเวลา : 8.00-17.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 080 792 5095
การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงรายใช้ถนนเส้นพหลโยธินมายังแม่สาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง โดยจะต้องจอดรถบริเวณลานจอดรถถ้ำหลวง และต้องนั่งรถสองแถวเข้าไปยังถ้ำหลวง ค่ารถไป-กลับ 20 บาท/คน
GPS : https://goo.gl/maps/mjrr4jCxc7pXDkCD9
ทริปเชียงราย 3 วัน 2 คืนครั้งนี้ เป็นทริปที่เราสองคนประทับใจมากๆ ค่ะ เพราะได้เดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป สัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรม และความน่ารักของผู้คนมากมายจากดอยสูง พร้อมกันนั้นยังได้เดินทางตามรอยเหตุการณ์ที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความสุขคือคนข้างๆ ที่กุมมือเดินทางไปด้วยกัน เหมือนที่เขาบอกว่าเพราะโลกมันกว้างๆ คนข้างๆ จึงสำคัญ หนาวนี้ใครที่อยากชวนคนข้างๆ ไปกอดให้ใจอุ่นก็ลองชวนเขาและเธอเดินทางไปตามรอยทริปนี้ของเราได้เลย
ใครที่สนใจเสื้อสวยๆ ไปใส่เที่ยวสามารถติดต่อได้ที่ช้างช็อป (Chang Shop)
โทร : 09-2651-5495, 06-1494-1999
เว็บไซต์ : http://www.changshop-tshirt.com/
เฟสบุ๊ค : http://www.facebook.com/changshop.official
ใครที่สนใจเสื้อสวยๆ ไปใส่เที่ยวสามารถติดต่อได้ที่ช้างฝ้าย (Chang Fai)
โทร : 06-5164-0999, 08-4099-2441, 09-8502-6363
เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/changfai.official
Tags: เชียงราย ทริปตัวอย่าง ช้างช็อป ช้างฝ้าย Chang Shop Chang Fai เที่ยวเชียวราย ที่เที่ยวเชียงราย ขับรถเที่ยวเชียงราย การเดินทางเชียงราย ดอยตุง ดอยผาฮี้ ดอยผาหมี ทีมหมูป่า ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง DoiTung Tree Top Walk ภูคุมะ Cafe & Homestay ที่พักผาฮี้ ที่พักผาหมี ร้านกาแฟผาฮี้ ร้านกาแฟผาหมี ที่เที่ยวผาฮี้ ที่เที่ยวผาหมี สวนคุณปู่ Life Museum อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน สระมรกต เสื้อผ้า เสื้อคู่ ชุดคู่ สถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ทรงงานดอยตุงฯ จุดกางเต็นท์
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 พ.ย. 2024 | 217 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 553 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,449 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 797 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 10 ต.ค. 2024 | 902 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 919 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 649 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน ที่เที่ยว | 01 ต.ค. 2024 | 2,004 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 20 ก.ย. 2024 | 1,681 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 ต.ค. 2024 | 1,066 อ่าน