0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ปลายปีนี้ไปชาร์จความสุขที่ Blacksmith คาเฟ่กึ่งบาร์สุดชิคย่านอารีย์

calendar_month 02 ธ.ค. 2019 / stylus Admin Chillpainai / visibility 13,354 / รีวิวที่กิน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ชายกับร้านกินดื่มนั้นเป็นของคู่กัน บางคนอาจจะคิดว่าหนุ่มๆ ไปร้านกินดื่มเพื่อแฮงก์เอ้าท์กับเพื่อนเท่านั้น แต่สำหรับผมการไปนั่งชิล จิบเครื่องดื่มที่ร้านต่างๆ นั้นเป็นการเติมความสดชื่น  คลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีแบบนี้ก็ต้องชวนเพื่อนมาเฉลิมฉลองเติมความสุขกันสักหน่อย ซึ่งคราวนี้ผมปักหมุดไปที่ Blacksmith คาเฟ่กึ่งบาร์สุดชิคย่านอารีย์ อยู่ไม่ไกลจากปากซอยอารีย์ 3 ทำเลที่เดินทางสะดวกทั้งรถสาธารณะและรถส่วนตัวเลยฮะ07d4f4749b7f0176022ee6af258de7aab8197b8d.jpg


บอกก่อนว่า Blacksmith ถ้าทุกคนมาช่วงกลางวันตั้งแต่ 11.00 น. จะเป็นคาเฟ่ ขายขนมโฮมเมดและกาแฟ แต่หลังพระอาทิตย์ตกดิน ตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไปจะเปลี่ยนเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์สุดเก๋เสิร์ฟอาหารสไตล์ฟิวชั่น พร้อมค็อกเทลบาร์สุดชิคให้สั่งมาลิ้มลองในบรรยากาศชิลๆ ที่สายชิลยามราตรีต้องโดนใจแน่นอน ซึ่งวันนี้ผมนัดกับชาวแก๊งค์ไว้ตอน 1 ทุ่มตรง แต่ดันเสร็จธุระก่อนเลยแวะรับเพื่อนคนที่ว่างอยู่ไปนั่งจิบกาแฟรอกันที่คาเฟ่ก่อน


จอดรถเรียบร้อยผมกับเพื่อนก็เข้ามาจับจองโต๊ะภายในร้าน ด้านในโปร่งโล่งสบายแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้น ออกแบบมาในสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ที่ดึงเสน่ห์ของความดิบเท่ออกมาผสมกับกลิ่นอายความเป็นโคโลเนียลอยู่นิดหน่อย ด้านในเน้นตกแต่งด้วยชุดพรมหนังสัตว์ มีลานหินกรวดอยู่บริเวณกลางร้าน ได้บรรยากาศเหมือนนั่งชิลอยู่กลางสวนโอเอซิสแถบทะเลทราย แถมยังมีที่นั่งให้เลือกหลากหลายมุมทั้งเคาน์เตอร์บาร์ โซนเอ้าท์ดอร์ และอินดอร์เลยนะ 

50a9f7d395b047cbddd52975397e3d529edb0dbf.jpg

53443c0ca0a3b6ac4c04c3fd0f381d7af92a4bfc.jpg

8d4d02201b53b3ec721acd9f520c5af1f2a9cb8c.jpg

12a6ed386719b263aa16c80696353e1ca5fb8b25.jpg


พื้นที่ชั้นสองตอนกลางวันจะเปิดเป็นโซนคาเฟ่นะครับ ซึ่งเขาก็ยังคงคุมมู้ดแอนด์โทนของร้านให้อยู่ในบรรยากาศแบบอินดัสเทรียลลอฟต์เช่นเดียวกับด้านล่าง มีมุมที่นั่งให้เลือกหลากหลาย จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์วินเทจ มีมุมเคาน์เตอร์ และโต๊ะยาวขนาดใหญ่ที่ด้านบนตกแต่งด้วยหนังวัวสีดำสีน้ำตาลปะปนกันไป แขวนไว้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

748b9b0d56c0687a4e150b54b7d75a8e0a55a4e4.jpg

bc404d628a587d5ead6e1b03b5ab5995a7abd8e1.jpg

2bc45c2a565bba41fd08d18c8054497d5f71e946.jpg

29939b26f1dfd39c2237a1394cc801da4e311d49.jpg


ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม ทางร้านใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากดอยผาตั้ง กัวเตมาลา และเอธิโอเปีย สำหรับครีเอทเมนูเครื่องดื่มทำให้กาแฟของทางร้านมีรสชาติดี ไม่เหมือนใคร ซึ่งผมลองสั่งเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Undead (250 บาท) กาแฟดำที่มีส่วนผสมของเอสเพรสโซคั่วกับน้ำผึ้งป่า Black Forest Honey แถมเขายังเพิ่มความสดชื่นด้วยการเติมน้ำส้มยูซุ และ Infuse Tea ลงไปเพื่อให้รสชาติของกาแฟเข้มข้น ขอบอกว่าแก้วนี้ถูกใจผมมาก ส่วนผสมลงตัวสุดๆ ไปเลย

a63735af8895be455a47d61e6c58e74590d7c04d.jpg


ต่อกันที่แก้วของเพื่อนผมกับเมนู Gloria (250 บาท) ม็อกเทลที่มีส่วนผสมของส้มยูซุ วานิลลา และขิง แก้วนี้มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานของส้มยูซุและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของขิง ทางร้านจะเสิร์ฟผลไม้และน้ำแข็งในแก้วพร้อมกับแยกน้ำมาในขวดแก้วเล็กๆ ต่างหากนะฮะ เป็นเมนูที่ช่วยสร้างความสดชื่นระหว่างวันได้ดีเลยฮะ

2f9d2bfab1b0ec15f5ef647bade4fdfb7f75f81c.jpg


ผมกับเพื่อนนั่งคุยกันไปสักพักตะวันก็ลับฟ้าส่วนของคาเฟ่ปิดพอดี เราเลยมูฟลงมาโซนร้านอาหารกึ่งบาร์ด้านล่าง ด้วยความที่ชาวแก๊งค์เผชิญกับรถติดยังมาไม่ถึงจุดหมาย ผมกับเพื่อนเลยสั่งอาหารมารองท้องก่อนเบาๆ เริ่มที่ Caesar Salad Iberrico Ham (250 บาท) ซีซ่าสลัดแฮมหมูเล็บดำจากสเปน เมนูยอดนิยมของทางร้าน นอกจากผักสลัดใบเขียวที่ทางร้านเลือกนำมาเสิร์ฟความอร่อยเพื่อเหล่านักชิมที่รักสุขภาพแล้ว จานนี้ยังประกอบด้วยวัตถุดิบคัดพิเศษคือแฮมราดน้ำสลัดครีมซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังกรอบ รสชาติกลมกล่อมแบบว่าดีงามสุดอะไรสุด

398ab12a27401ebf1edc971387c5b032062e8a7d.jpg


ใครที่ชอบทานปลาแนะนำให้สั่ง Snowfish Ponzu Butter Shallot Mousses Crispy Wagame (580 บาท) จานนี้จะเป็นปลาหิมะแบบกรอบนอกนุ่มในย่างกับเนยน้ำปลาหวานพอนซึสูตรพิเศษของทางร้าน เสิร์ฟกับมูสหอมแดงให้รสเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วไม่เลี่ยน โดยจะเสิร์ฟเคียงมากับสาหร่ายวากาเมะทอด ทานเข้ากันอย่างลงตัว

2f1a9d1fa379a1ccdfddf1538e042dc2c3d33238.jpg


ปิดท้ายกันที่ Risotto Grilled King Salmon Tom Yum Saffron (580 บาท) ข้าวริซอคโต้แซลมอนย่างต้มยำมันกุ้งและหญ้าฝรั่น (เครื่องยาและเครื่องเทศที่ใช้มาแต่โบราณ) เป็นอาหารอิตาเลียน โดยทางร้านได้เลือกใช้หอยเชลล์ชิ้นใหญ่มาอบเนย แล้วผัดข้าวที่ข้นไปด้วยครีมจากการดูดซับไวน์และน้ำซุปจากเนื้อวัว ปลา หรือผักในขณะผัดคลุกเคล้ากันจนได้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม  ปรุงรสด้วยพริกแห้งและหอมซอย ก่อนจะท็อปด้านบนด้วยหอยเชลล์เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทานแล้วอิ่มท้องแน่นอน 

f4081e7af8dbd974e0b3df7d646d4e490c10ae2f.jpg

อิ่มท้องแล้วชาวแก๊งค์ก็มาถึงพอดี แต่ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มมาชนแก้ว ผมกับเพื่อนก็ขอเคลียร์ส่วนที่ทานกันสองคนก่อน สนนราคาค่าเสียหายมื้อนี้ประมาณพันกว่าๆ แต่ก่อนจ่ายเงิน พนักงานแจ้งว่าลูกค้า FWD MAX รับสิทธิพิเศษลด 10% ด้วยนะคะ (เมื่อทานคาเฟ่ครบ 500 บาท และอาหารครบ 1,000 บาท) ได้ยินแบบนี้ผมก็หูผึ่งเลยฮะ รีบควักมือถือมาเข้าแอปฯ รีดีมคะแนนทันที โปรโมชันคุ้มๆ แบบนี้ ห้ามพลาดฮะ เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย https://www.chillpainai.com/fwdmaxprivilege/  


สมัครรับสิทธิพิเศษ FWD MAX ได้ง่ายๆ

 iOS: https://goo.gl/c1PwMq  

Android: https://goo.gl/RVJ6Kl

f85bd1e3a15b65eef109ad4827cf77c3ccfd6685.jpg

ที่ตั้ง : 9/1 ซอยอารีย์ 3 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ

เวลาเปิด : Cafe - Lunch เปิดบริการทุกวัน 11:00 - 18:00 น.

Dinner - Bar เปิดบริการอังคาร-อาทิตย์ 17:00 - 24:00 น. (หยุดวันจันทร์)

ราคาเริ่มต้น : เริ่มต้น 100 บาท 

เบอร์โทรติดต่อ : 02 536 3888

GPS : https://her.is/34mF6RG



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai