calendar_month 14 พ.ย. 2019 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 25,506 / เที่ยวต่างประเทศ
ถ้าคุณเป็นขาช้อป โดยเฉพาะของถูกของดี รีบเขยิบเข้ามาทางนี้เลยค่ะ เพราะวันนี้ชิลไปไหนจะพาไปตะลุยช้อปปิ้งของถูกของดีในโตเกียว (Tokyo) กับแหล่งสินค้ามือสองที่มีเวลาแค่ 3 วัน 2 คืนก็บินไปช้อปฟินๆ ได้แล้วล่ะค่ะ ลองมาดูกันว่าจะมีสถานที่ไหนน่าไปช้อปกันบ้าง
เตรียมตัวก่อนไปช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่น
ก่อนจะบินไปช้อปกระจุยให้มันส์กระจายเราก็ต้องมาเตรียมตัวแพ็คกระเป๋ากันสักนิด แนะนำว่าสายช้อปแบบเรานี้เอาเสื้อผ้าไปไม่ต้องเยอะนะคะ เพราะจะได้มีพื้นที่กระเป๋าใส่สินค้าที่ช้อปปิ้งกลับมาได้อย่างเต็มที่ อ่อ การเลือกฤดูท่องเที่ยวก็มีส่วนสำคัญสำหรับพื้นที่กระเป๋าด้วย ถ้าไปหน้าหนาวอาจจะต้องแบกเสื้อหนาวไปเยอะ แนะนำว่าไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม หรือฤดูใบไม้ร่วง ประมาณปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่เหมาะกับการช้อปมากๆ เพราะอากาศกำลังดี ไม่หนาว และไม่ร้อนจนเกินไป ให้สายช้อปได้เดินช้อปชิลๆ ได้ทั้งวัน
รู้ไหม? ว่าไปญี่ปุ่นไม่ต้องแลกเงินไปแล้วจ้า
แต่ก่อนจะไปเที่ยวแต่ละครั้งก็ต้องหาร้านหรือธนาคารแลกเงิน และต้องเสียเวลาเดินทางไปแลกเงิน แต่เดี๋ยวนี้มีหลายธนาคารที่ให้เราสามารถกดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศเป็นสกุลเงินประเทศนั้นๆ ได้เลยสะดวกมากๆ ซึ่งครั้งนี้เราได้เลือกใช้บริการ "บัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ ( Freever-lite) ของธนาคารธนชาต" เพราะสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ฟรีเว่อร์ตามชื่อบัตรเลยค่ะ เริ่มต้นความฟรีในประเทศที่เราสามารถสอบถามยอด/ ถอนเงินสด จากตู้ ATM ฟรี!! ได้ทุกตู้ ทุกธนาคาร ทุกที่ทั่วไทย ฟรีต่อที่สองคือจ่ายบิลที่ตู้ ATM ธนาคารธนชาต / Thanachart iNet/ Thanachart Connect โมบายแอพได้แบบฟรีๆ และฟรีต่อที่สามคือ โอนเงินต่างธนาคาร ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ที่ ตู้ ATM ธนชาต / Thanachart iNet / Thanachart Connect โมบายแอพ ได้แบบฟรีเว่อร์จริงๆ
และสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเลือกใช้บัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ของธนาคารธนชาต นั้น คือ ฟรี! ค่าธรรมเนียมถอนเงินสด ที่ตู้ ATM ทั่วโลก ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (**มีค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินไม่เกิน 2.5%ของยอดใช้จ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศ, อาจมีค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของเครื่อง ATM แต่ละประเทศ**) เรียกได้ว่าเห็นข้อนี้ไปก็เลิฟๆ ให้เราเดินไปสมัครทำบัตรนี้ทันที ซึ่งวิธีการทำก็ง่ายมากๆ ไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น เพียงไปเปิดบัญชีฟรีเว่อร์ไลท์ ที่เคาน์เตอร์ธนาคารธนชาต ทุกสาขา พร้อมระบุว่าทำบัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ เปิดบัญชีขั้นต่ำเพียง 100 บาท โดยมีค่าธรรมเนียมรายปี 250 บาท/ปี และค่าธรรมเนียมค่าออกบัตร 100 บาท แต่ช่วงนี้มีโปรโมชันยกเว้นค่าธรรมเนียมออกบัตร 100 บาท เมื่อเปิดบัญชีพร้อมสมัคร Thanachart Connect โมบายแอพ หรือ ธนชาตพร้อมเพย์ (ถึง 31 ธ.ค. 62)
เมื่อเปิดบัตรเรียบร้อยแล้วก็ใส่เงินไว้ในบัญชีเลยค่ะ อยากจะเอาเงินไปใช้ในญี่ปุ่นเท่าไรก็ใส่ไปได้เลย และยิ่งช่วงนี้เงินเยนลง ( 100 เยน = 27.95 บาท อัพเดตล่าสุดวันที่ 24 ตุลาคม 2562) ทำให้การช้อปในญี่ปุ่นเป็นความสุขของขาช้อปอย่างเรากันเลยล่ะค่ะ
เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปตะลุยโตเกียวกันได้เลยค่าาา
วันแรกเราเดินทางไปถึงสนามบินนาริตะ (Narita International Airport) ตอนเช้าตรู่ พอผ่านตม.ปุ๊บก็หาตู้เอทีเอ็มกดเงินกันก่อนเลย โดยสังเกตตู้เอทีเอ็มที่มีเครื่องหมาย Cirrus หรือ atmpoolหรือ MasterCard ค่ะ เดินมาในสนามบินนาริตะก็เจอตู้เอทีเอ็มของ 7BANK ซึ่งเจ้าตู้นี้จะอยู่ในร้านสะดวกซื้อของ 7-11 ในญี่ปุ่นและทุกมุมเมืองเรียกได้ว่าสะดวกมากๆ บนตู้มีสัญลักษณ์ Cirrus และ MasterCard ตามในบัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ เลยค่ะเดินเข้าไปกดได้เลยโล้ด
พอเดินเข้ามาจะสังเกตเห็นภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมดก็ไม่ต้องตกใจ กดตรงปุ่ม International Card Info. ได้เลย
มีภาษาไทยด้วยแกรรร รอดแล้ว
พอกดมาปุ๊บก็มีภาษาไทยบอกรายละเอียดวิธีการกดอย่างละเอียดเลยล่ะค่ะ วิธีการก็ไม่ยากใส่บัตรเข้าไปแล้วกดตามรายละเอียดที่ขึ้นบนจอได้เลย โดยสามารถเช็คค่าเงินได้ที่ https://www.thanachartbank.co.th/cds/thanachart/ExchangeRate/exchange_rate.aspx (ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินไม่เกิน 2.5% ของยอดใช้จ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศ)
ในหน้าจอจะแจ้งเรื่องค่าธรรมเนียมการใช้งานในต่างประเทศ ซึ่งปกติถ้าเรานำบัตรเดบิตไปกดในตู้ของต่างประเทศจะเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท/ครั้ง แต่สำหรับ บัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ ใบนี้ ฟรี! ค่าธรรมเนียมถอนเงินสด ที่ตู้ ATM ไม่จำกัดจำนวนครั้ง( ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 2562 - 31 ธ.ค. 2563) เพียงเท่านี้ก็ได้เงินเยนพร้อมไปช้อปในญี่ปุ่นแล้วล่ะค่ะ
จากนั้นก็เลือกนั่งรถไฟ Keisei Skyliner เข้าสู่สถานีอูเอโนะ (Ueno) ค่ะ ซึ่งตอนนี้เขามีโปรโมชันค่าตั๋วไป-กลับ พร้อมบัตรนั่งรถไฟใต้ดินในโตเกียวที่นั่งได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งราคาตามนี้เลยค่ะ
- ตั๋วไป-กลับ Keisei Skyliner + Tokyo Subway Ticket แบบ 24 ชั่วโมง ราคา 4780 เยน
- ตั๋วไป-กลับ Keisei Skyliner + Tokyo Subway Ticket แบบ 48 ชั่วโมง ราคา 5180 เยน
- ตั๋วไป-กลับ Keisei Skyliner + Tokyo Subway Ticket แบบ 72 ชั่วโมง ราคา 5480 เยน
ครั้งนี้เราเลือกแบบที่ 3 เพราะจะอยู่โตเกียวกันแบบเต็มที่ 3 วันเต็มๆ เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามากๆ และใช้เวลาเข้าเมืองเพียง 44 นาทีเท่านั้น
ที่พักที่เราจองไว้ชื่อว่า UENO NEW IZU HOTEL ค่ะ ทำเลดีมาก ตั้งอยู่ใกล้สถานีอุเอโนะทางออกที่ 3 เพียง 3 นาทีเท่านั้น ค่าที่พักไม่แพงค่ะ ครั้งนี้เรามาช้อปคนเดียวเลยจองห้องพักแบบห้องเดี่ยว แต่แชร์ห้องน้ำ ราคาตกคืนละ 6000 เยน หรือประมาณ 1600 บาท
ห้องค่อนข้างกว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้ง ทีวี โทรศัพท์ ไดร์เป่าผม เครื่องปรับอากาศ ไวไฟฟรี ตู้เย็น ชุดยูกาตะ ผ้าขนหนู กาน้ำร้อน พร้อมมีชาแบบซองให้ด้วย ห้องน้ำเป็นแบบห้องน้ำรวมค่ะ แยกห้องอาบน้ำและห้องสุขา ซึ่งข้อเสียคือแต่ละชั้นจะมีห้องน้ำห้องเดียวเท่านั้น แต่โชคดีว่าตอนที่เราไปไม่ค่อยมีลูกค้าที่ใช้ห้องน้ำรวมเท่าไร และห้องที่เราพักติดกับห้องน้ำเลย จึงเหมือนเป็นห้องน้ำส่วนตัวของเราไปเลยค่ะ
เมื่อเช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ไปหาอาหารเช้าทานกันที่ตลาดอาเมะโยโกะ(Ameyoko) ใกล้ๆ กับสถานีอุเอโนะ
แนะนำร้านนี้เลยค่ะ ร้านซูชิหน้าตู้ม Miuramisaki Kou ตั้งอยู่ในตลาดอาเมะโยโกะ เป็นร้านที่ได้รับความนิยมทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติ ร้านเปิด 10.30 น. ค่ะ โดยหน้าร้านจะมีคนมายืนต่อคิวรอตั้งแต่ก่อนร้านจะเปิด
ซูชิของที่นี่จะเป็นแบบจานหมุนราคาเริ่มต้นที่ 100 เยน ไปจนถึง 660 เยน หรือจะเลือกสั่งเพิ่มกับทางเชฟก็ได้ค่ะ โดยราคาจะแตกต่างไปตามสีจาน ใครอยากกินถูกกินแพงก็เลือกกันได้เลย
แต่ละจานหน้าตู้มสะใจ และสดมากๆ เราทานไปประมาณ 5 จาน จ่ายไปแค่พันเยนนิดๆ ถือว่าราคาไม่แพงเลย
ท้องอิ่มแล้วก็ตะลุยช้อปกันต่อ ซึ่งตลาดอาเมะโยโกะนั้นมีทุกสิ่งให้คุณเลือกสรรเลยล่ะค่ะ ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ไปจนเครื่องสำอางเลือกช้อปกันได้เลยราคาไม่แพงด้วย
จากนั้นก็นั่งรถไฟเจอาร์เดินทางไปช้อปกันต่อ ซึ่งจุดหมายของเราในวันนี้คือย่านคิจิโจจิ (Kichijoji) เป็นย่านสุดฮิปที่มีร้านขายของมือสองให้ขาช้อปอย่างเราได้เลือกซื้อเพียบบบ วิธีการเดินทางจากสถานีอุเอโนะใช้บัตร Tokyo Subway Ticket ไปลงสถานีชินชูจูกุ (Shinjuku) จากนั้นก็ใช้บัตร Suica ซึ่งเป็นบัตร IC Card ที่ใช้กับการเดินทางในรถสาธารณะของญี่ปุ่นรวมถึงยังสามารถซื้อสินค้าและบริการในร้านสะดวกซื้อต่างๆ ได้ ใช้นั่งสาย JR Chuo Line ไปลงยังสถานีคิจิโจจิ ค่ารถประมาณ 220 เยนค่ะ
ย่านนี้จะมีร้านขายเสื้อผ้ามือสองและร้านขายของแนวแอนทีคให้เลือกชมหลายร้านเลยค่ะ เดินเพลินมากๆ
และย่านนี้ยังมีสวนสาธารณะอิโนะคะชิระ (Inokashira Park) ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเต็มไปด้วยดอกซากุระมากมายเลยล่ะค่ะ มีกิจกรรมถีบเรือเป็ดให้ได้ชิลกันด้วย ใครที่ช้อปกันเหนื่อยแล้วก็ลองมาพักผ่อน สูดอากาศดีๆ ที่สวนนี้กันได้เลย
จากสถานีคิจิโจจิ นั่งรถไฟสาย JR Chuo Line ย้อนกลับมาทางสถานีชินจูกุค่ะ และลงที่สถานีโคเอนจิ (koenji) ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงสถานีชินจูกุ ย่านนี้เป็นอีกหนึ่งย่านมือสองที่เราอยากแนะนำ เพราะมีร้านเสื้อผ้ามือสองให้เหล่าขาช้อปได้เลือกหลายร้าน
ร้านมือสองใหญ่ที่สุดในย่านนี้ก็คือร้าน MODE OFF ซึ่งเป็นร้านในเครือร้านมือสอง HARD OFF ของญี่ปุ่นเห็นชื่อร้านที่ลงท้ายว่า OFF เมื่อไรรีบตรงดิ่งไปเลยนะคะ เพราะที่นี่จะเป็นที่รวมสินค้ามือสองที่มีทั้งแบรนด์แนมและโลคัลแบรนด์ให้เลือกเยอะมากๆ
กระเป๋าแบรนด์เนมราคาถูกมากกกก
เดินออกจากร้าน MODE OFF ปุ๊บก็เจอร้านนี้ กางเกงยีนส์ เสื้อผ้าแนวสตรีทถูกมากๆ เริ่มต้นประมาณ 500 เยน หรือประมาณ 150 บาทเท่านั้น
จากนั้นตอนเย็นแนะนำว่านั่งรถไฟมาลงที่สถานีชินจูกุ หาอะไรกินก่อนกลับที่พักค่ะ ซึ่งย่านนี้จะเป็นย่านขวัญใจของนักท่องราตรีที่ชอบปาร์ตี้แฮงเอาท์ ใครชอบทานแนวอิซากายะขอแนะนำ ตรอกโอโมอิเดะโยโกโจ (Omoide Yokocho) ย่านกินดื่มที่อยู่ใกล้กับสถานีชินจูกุ เป็นตรอกเล็กๆ ที่บรรยากาศเรโทรเหมือนย้อนไปสมัยโชวะ อารมณ์เหมือนหลุดไปในหนัง ALWAYS : Sunset on Third Street กันเลยค่ะ โดยย่านนี้จะมีร้านแนวอิซากะยะให้เลือกแฮงเอาท์ตลอดสองข้างทาง
วันที่สอง เริ่มเช้าวันใหม่ขอไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดเซนโซจิ (Sensoji) ที่อาซากุสะ (Asakusa) เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนค่ะ ซึ่งเป็นวัดฮอตฮิตติดลมบนของนักท่องเที่ยว เชื่อกันว่าถ้าได้มาขอพรที่นี่จะสมปราถนาเพราะเป็นหนึ่งวัดที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ในโตเกียว
สัญลักษณ์ของวัดเซนโซจิคือโคมสีแดงอันยักษ์ที่จะอยู่บริเวณประตู Kaminarimon และประตู Hozo Mon ซึ่งคนที่มาที่นี่ก็ต้องมาถ่ายรูปทำท่าถือโคมยักษ์กันแทบทุกคนเลยค่ะ แนะนำว่าถ้าอยากได้ภาพสวยๆ ควรมาตอนเช้าก่อน 8 โมงเช้า หรือมาในช่วงยามเย็นไปเลย เพราะในช่วงปกติจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย จนแทบไม่มีมุมถ่ายรูปโคมไฟสวยๆ กันเลย
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือถนนนากามิเซะ (Nakamisedori) ถนนความยาว 250 เมตรที่อยู่ระหว่างประตู Kaminarimon และประตู Hozo Mon ซึ่งจะเต็มไปด้วยร้านรวงเรียงรายทั้งร้านของฝาก ร้านขนมน่ากิน เลือกชมกันไม่ถูกเลยล่ะค่ะ
เงินหมดก็ใช้บัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์เดินไปกดตังค์ที่ตู้เอทีเอ็ม บอกเลยว่าที่ถนนแห่งนี้มีของน่าซื้อที่ยั่วยวนเงินเยนในบัตรเดบิตของเรามากๆ ค่ะ จะถอนกี่ครั้งก็ได้ก็ไม่ต้องกลัวเสียค่าธรรมเนียม
จากวัดเซ็นโซจิเราเดินทางไปตะลุยช้อปปิ้งย่านมือสองกันต่อที่ย่านชิโมคิตะซะวะ (Shimokitazawa) การเดินทางนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีชิบุยะ (Shibuya) แล้วนั่งรถไฟสาย Keio Inokashira Line ไปลงสถานีชิโมคิตะซะวะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น
ย่านนี้บอกเลยว่าน่ารักเหมาะกับสาวๆ สายช้อปอย่างเรามากๆ เพราะถือได้ว่าเป็นย่านที่มีร้านมือสองเยอะที่สุดและมีร้านคาเฟ่ให้เลือกนั่งชิลมากมายเลยล่ะค่ะ
เสื้อผ้ามือหนึ่งราคาถูกก็มีนะคะ อย่างร้านนี้เป็นร้านเสื้อผ้าผู้หญิงที่น่ารักคาวาอี้สุดๆ ราคาเริ่มต้นที่ 990 เยนหรือประมาณ 280 บาทเท่านั้น ช้อปเพลินมากๆ เลยล่ะค่ะ
ช้อปเหนื่อยก็มีคาเฟ่น่ารักให้เลือกนั่งพักจิบกาแฟหอมกรุ่น
ตอนเย็นแวะมาเดินช้อปต่อกันที่ชิบุย่า ซึ่งสิ่งที่ห้ามพลาดของการเดินชิบุย่าคือการมาเดินข้ามห้าแยกชิบุย่าที่วันนึงจะมีคนเดินผ่านแยกนี้เป็นแสนๆ คน เป็นช่วงเวลาที่เราจะเห็นคลื่นมนุษย์เดินผ่านห้าแยกแห่งนี้ในช่วงเวลาเพียงไมกี่วินาที
มื้อค่ำแวะกินข้าวหน้าเนื้อสุดอร่อยในร้าน Matsuya ร้านข้าวหน้าเนื้อราคาประหยัดที่มีสาขามากมายในโตเกียวบอกเลยว่าเนื้อร้านนี้นุ่มแทบละลายในปากกันเลยทีเดียว
วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับเมืองไทยเราแวะมาซื้อขนมและของฝากกันที่ตึกทาเคยะ (Takeya) หรือตึกม่วง แหล่งซื้อของฝากราคาประหยัดในโตเกียวแถมยังมี Tax Free อีกด้วยค่ะ การเดินทางนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Naka-Okachimachi ออกทางออกที่ 3 เดินออกมาก็จะเจอตึกม่วงเลย ก่อนจะเข้าตึกเราใช้บัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ ไปถอนเงินเยนในตู้เอทีเอ็มมาช้อปปิ้งของฝากปิดท้ายทริป
โดยอาคารหลักๆ ของตึกม่วงที่เรามักไปช้อปกันจะอยู่ที่ตึก A จะเป็นตึกขายขนมและของฝาก ทั้ง พวกคิทแคท ช็อคโกแลต ถั่ววาซาบิ ทาโร่ชีส มาซื้อที่นี่เลยค่ะถูกที่สุดแล้ว ส่วนตึก B จะเป็นตึกเครื่องสำอางคอสเมติค ครีมบำรุง และวิตามินต่างๆ แค่ใช้เวลากับ 2 ตึกนี้ก็หมดไปเกือบครึ่งวันแล้วล่ะค่ะ
ทริปนี้แม้จะเป็นทริปสั้นๆ เพียง 3 วัน 2 คืน แต่เราก็ได้เต็มอิ่มกับการตะลุยช้อปปิ้งพร้อมทานอาหารอร่อยในโตเกียว และไม่ต้องกังวลว่าเงินที่แลกมาจะพอหรือเปล่า เพราะเราสามารถใช้บัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ ( Freever-lite) ของธนาคารธนชาต ถอนเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มตามใจต้องการโดยไม่มีค่าธรรมเนียมถอนเงินสดอีกด้วย ทริปหน้าเราจะไปตะลุยแหล่งของถูกของดีที่ไหนอีกก็รอติดตามกันได้เลยค่า
คลิกชมรายละเอียดบัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ ที่นี่เลยค่ะ>>http://bit.ly/2N4NS0n
Tags: ญี่ปุ่น เที่ยวต่างแดน โตเกียว เที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวโตเกียว ทริปเที่ยวญี่ปุ่น ทริปเที่ยวโตเกียว ช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่น ช้อปปิ้งที่โตเกียว บัตรเดบิตฟรีเว่อร์ไลท์ ธนาคารธนชาต บัตรเอทีเอ็ม atm japan tokyo กดเอทีเอ็มที่ญี่ปุ่น กด atm ญี่ปุ่น atm ญี่ปุ่น วิธีกดเอทีเอ็มที่ญี่ปุ่น บัตรกดเงินญี่ปุ่น กดเงินสดที่ญี่ปุ่น ถอนเงินที่ญี่ปุ่น มืองสองญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมือสอง เสื้อผ้ามือสอง ย่านมือสอง ร้านญี่ปุ่นมือสอง japan second hand shop
เที่ยวต่างประเทศ | 12 พ.ย. 2024 | 73 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 735 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,057 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ก.ย. 2024 | 790 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ย. 2024 | 1,543 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 30 ก.ค. 2024 | 2,443 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 19 ก.ค. 2024 | 4,952 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 2,388 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 18 เม.ย. 2024 | 3,680 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 21 ก.พ. 2024 | 5,634 อ่าน