The Montanas Khaokho คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่เหมือนยกเมืองซานตาบาร์บาร่ามาไว้ที่เขาค้อ

‘เขาค้อ’ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่คนรักธรรมชาติตั้งให้เป็นจุดหมายของการเดินทางไปพักผ่อน เป็นโลเคชั่นที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งในเรื่องของธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และศิลปวัฒนธรรม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เรากับแฟนเลือกหลีกหนีความวุ่นวายมาสัมผัสความสงบกันที่นี่ แต่การมาเที่ยวเขาค้อทั้งทีพวกเราก็ไม่พลาดที่จะตามหาร้านอาหารอร่อยๆ และใช้เวลาด้วยกันที่คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ริมถนนใหญ่ The Montanas Khaokho ใกล้ทางขึ้นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งที่นี่มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านค้า ให้เลือกเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีขนาดกว้างพอสำหรับจัดงานอีเว้นท์ และถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยล่ะ

The Montanas Khaokho ตั้งอยู่ที่ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เกิดขึ้นจากความตั้งใจของครอบครัวพนมโชคไพศาล อันได้แก่ คุณเกรียงไกร, คุณอัญชลี, คุณมนตรี, คุณพูนศักดิ์, คุณเสริมศักดิ์ พนมโชคไพศาล ที่ต้องการสร้างสถานที่แห่งนี้เป็นจุดเช็คอินของเขาค้อ โดยอยากให้นักท่องเที่ยวได้มาใช้เวลาร่วมกันเพราะมีทั้งส่วนของร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านของฝาก ด้วยการเนรมิตพื้นที่กว่า 5 ไร่นี้ เป็นเมืองจำลองขนาดย่อม มีสถาปัตยกรรมของสเปนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ตกแต่งด้วยผนังอิฐที่ให้บรรยากาศคล้ายกับเมืองซานตาบาร์บาร่า ที่มีเสน่ห์มากที่สุดแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย นอกจากนี้ที่นี่ยังได้รับความนิยมจากคู่บ่าวสาวมาถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้ง และมาจัดเลี้ยงงานแต่งงานหรือจัดเลี้ยงอบรมสัมมนา อาหารมีทั้ง ไทย จีน ฝรั่ง ให้เลือกทานมากมาย 

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่าที่ The Montanas Khaokho แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหาร สถาปนิกจึงออกแบบอาคารใช้งานเชื่อมต่อกันออกเป็น 6 หลัง แต่ละหลังมีหลังคาลาดเอียง 45 องศาช่วยให้โปร่งสบาย อีกทั้งยังใช้องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมสไตล์คลาสสิกที่มีกลิ่นอายสแปนิชผสมผสานกับความเป็น Industrial Loft โดยลดทอนรายละเอียดลงเพื่อให้ดูโมเดิร์นขึ้น ซึ่งมาพร้อมความโดดเด่นด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมของประตูโค้งมนสีดำแบบสะดุดตา มีคอร์ตยาดสีเขียวขนาดใหญ่ระหว่างกลาง 

เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับโถงกลางที่ด้านในตกแต่งด้วยแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่และของประดับอย่างแจกันดอกไม้หลากหลายขนาดบริเวณกลางร้าน มีป้ายไม้บอกทางไปส่วนต่างๆ บอกเลยว่าแค่ส่วนแรกก็ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศแล้วค่ะ ถ่ายรูปได้รัวๆ เลยล่ะ 

ถ่ายรูปพอหอมปากหอมคอ เราก็มุ่งตรงไปฝากท้องมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหาร Barbara Steakhouse ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสุด บรรยากาศภายในร้านแฝงไว้ด้วยความเรียบง่าย สบายตา เริ่มจากกระจกใสบานใหญ่ที่ล้อมรอบร้าน เปิดรับแสงแดดอุ่นๆ ให้ส่องผ่านได้ ด้านในแบ่งออกเป็น 2 ชั้น การตกแต่งเน้นโชว์ให้เห็นเนื้อแท้ของวัสดุมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตกแต่งผนังด้วยอิฐ หรือเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ ซึ่งช่วยขับให้พื้นที่ส่วนกลางดูเรียบเท่ น่าสนใจยิ่งขึ้น 

พื้นที่ตรงกลางร้านชั้นล่างจะเป็นโซนเคาน์เตอร์ ทั้งนี้ทางร้านยังเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีอ่อนเพื่อให้รับกับบรรยากาศอันแสนอบอุ่น ตามมาด้วยโคมไฟเก๋ๆ เลือกปลูกต้นไม้ยืนต้นและไม้ประดับเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวและความกลมกลืนกับธรรมชาติ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับพาครอบครัวมาทานอาหาร หรือใครที่ต้องการความเงียบสงบ ได้พักผ่อนหย่อนใจไปพร้อมกับทานอาหารอร่อยๆ ระหว่างวัน

พื้นที่ชั้นสองจะมีบันไดทางขึ้นได้สองทางเลยค่ะ ซึ่งทางร้านสร้างความน่าสนใจให้ผนังอิฐราบเรียบด้วยการแขวนรูปภาพและโคมไฟโลหะสไตล์อินดัสเทรียลเล่นจังหวะ เท่าที่เราสังเกตดูรู้สึกว่าด้านบนจะจัดโต๊ะรับประทานอาหารค่อนข้างเป็นส่วนตัวเลยค่ะ เราว่าเหมาะแก่การมาสังสรรค์กับแก๊งค์เพื่อนหรือครอบครัวใหญ่มากเลยนะ 

เดินชมบรรยากาศโดยรอบของห้องอาหาร Barbara Steakhouse จนครบทุกซอกทุกมุมแล้วก็ได้เวลาลงมาสั่งของอร่อยๆ มาทานกันแล้วค่ะ สำหรับอาหารของที่นี่จะเน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์ฟิวชั่น โดยเจ้าของร้านได้นำเอาความพิถีพิถัน คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่มานำเสนอเป็นเมนูอาหารไทยและอาหารยุโรปที่ทานง่าย ในราคามิตรภาพเริ่มต้นที่ 100 บาทเท่านั้น 

เริ่มกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง ลาซานญ่าซอสไก่ เนื้อไก่ที่นำไปกริลล์จนสุกเกรียมนิดๆ ก่อนจะนำไปอบกับซอสสูตรเด็ดของทางร้านและมอสซาเรลล่าชีส เสิร์ฟมาในถ้วยร้อนๆ ได้เนื้อสัมผัสของชีสเยิ้มๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว ส่วนใครชอบทานเส้นแนะนำให้ลอง สปาเก็ตตี้ฟรุ๊ตตี้ดีแมร์ เมนูสุดคลาสสิกที่นำเสนอวัตถุดิบจากทะเล อย่างหอย หมึก และกุ้ง โดยทางร้านเลือกใช้กุ้งตัวโต ขนาดพอดีคำคลุกเคล้ากับซอสสูตรพิเศษรสชาติเข้มข้น นับเป็นหนึ่งในเมนูที่ทานง่าย สั่งทานได้ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น

หนักท้องขึ้นมานิดกับเมนูซิกเนเจอร์อย่าง สเต็กหมูคุโรบูตะ เนื้อหมูกริลล์ส่วนที่เคี้ยวง่ายแร่บางๆ โรยด้วยกระเทียมทอดกรอบ ท็อปด้านบนด้วยใบโรสแมรี พร้อมเติมความแซ่บด้วยน้ำจิ้มแจ่ว เพื่อให้ได้รสชาติที่ดียิ่งขึ้น

ตามมาด้วย สเต็กหมูพอร์คชอป ที่เชฟเลือกเนื้อหมูสันนอกติดกระดูกมาหมักให้มีรสชาติก่อนนำไปย่างให้สุก เสิร์ฟมาร้อนๆ พร้อมกับเกรวี่ แต่นอกจากจะได้ลิ้มลองเนื้อหมูสุดอร่อยแล้ว ในจานยังมีมันบดโฮมเมดให้ชิมกันเต็มๆ คำ และยังมีผักสลัด กรอบ สดใหม่เสิร์ฟมาเคียงกันด้วยนะคะ

ต่อกันที่อีกหนึ่งเมนูถูกปากคนไทยกับเมนู ขาหมูเยอรมัน ขาหมูทอดมาแบบกรอบนอกนุ่มใน ตัวหนังมีความกรอบกำลังดีไม่เหนียว เนื้อด้านในนุ่มไม่แห้งหรือเยิ้มจนเกินไป รสชาติกลมกล่อมกำลังดีทานคู่กับผักดองรสเปรี้ยวนิดๆ เพิ่มความแซ่บด้วยน้ำจิ้มปรุงรสสูตรเฉพาะของทางร้าน อร่อยเด็ดจนต้องยกนิ้วเลยค่ะ

ใครไม่ชอบทานสเต็กแต่ชอบทานอาหารไทยก็น่าจะถูกใจเพราะที่ห้องอาหาร Barbara Steakhouse มีไฮไลท์ชุดเซ็ทอาหารไทยที่มีเมนูอาหารให้เลือกถึง 20 รายการ โดยเราสามารถเลือกได้ 4 อย่าง ในราคา 888 บาทเท่านั้น เมนูขายดีในเซต ได้แก่ ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลากระพงตัวโตที่ทางร้านนำไปผ่าครึ่งทอดในน้ำมันร้อนๆ จนสุกเหลือง ส่วนเนื้อด้านในมีความนุ่มน่าลิ้มลอง ราดด้วยน้ำปลาที่เคี่ยวจนได้ที่รสชาติกลมกล่อม ทานเปล่าๆ ก็อร่อยหรือจะทานคู่กับยำมะม่วงรสชาติจัดจ้านแบบไทยๆ ที่เสิร์ฟมาคู่กันก็อร่อยไปอีกแบบ

ตามมาด้วย กุ้งนึ่งมะนาว ถูกอกถูกใจคนชอบทานกุ้งแน่นอน เพราะทางร้านคัดแต่กุ้งตัวโตเนื้อแน่นๆ มาแกะเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นค่อยนำมาคลุกเคล้ากับพริก กระเทียม และมะนาว ได้รสแซ่บจี๊ดจ๊าดถึงใจ ต่อด้วยเมนูคลาสสิกที่ทานกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วเข้ากันเป็นที่สุด ผัดผักคะน้าน้ำมันหอยฮ่องกง ที่เชฟเลือกผักคะน้าสดใหม่ผัดเข้ากับกระเทียมให้ได้ความกรุบกรอบ เคี้ยวเพลิน ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเวอร์ๆ

ปิดท้ายด้วยจานเด็ดที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์เช่นกันคือ ต้มยำกุ้งน้ำข้น เมนูนี้เป็นต้มยำกุ้งน้ำข้นแบบไทยๆ หอมกลิ่นสมุนไพรหลากชนิด เสิร์ฟในหม้อไฟสามารถแบ่งทานกันได้ 2-3 คนเลยทีเดียว รสชาติกลมกล่อมเข้มข้น จะซดเปล่าๆ ก็อร่อย จะทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ก็เข้ากันดีอย่างลงตัวเลยล่ะ

หลังจากที่อิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันแล้ว เราก็ชวนคุณแฟนถ่ายรูปเล่นสักหน่อยเพราะที่ The Montanas Khaokho มีมุมถ่ายรูปเยอะมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว ไม่ว่าจะเป็นหอคอยสูงที่มองเห็นวิวเขาค้อแบบกว้างไกล 360 องศา

นอกจากหอคอยชมวิวแล้ว บริเวณคอร์ตยาดตรงกลางระหว่างอาคารยังมีกลาสเฮ้าส์ขนาดกะทัดรัด โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กสีดำดูโปร่ง กรุกระจกบานใหญ่โดยรอบเพียงครึ่งหนึ่ง ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนไว้สำหรับใครที่อยากรับแสงตอนเย็น ให้ลมอ่อนๆ ประทะหน้า ส่วนของตกแต่งยังคงเน้นต้นไม้ยืนต้นและไม้ประดับใบจิ๋วช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว จุดนี้เป็นอีกมุมหนึ่งที่ถ่ายรูปสวยมากเลยค่ะ

จากกลาสเฮ้าส์ตรงกลางถ้ามองกลับไปจะเป็นอาคารต้อนรับด้านหน้าที่เราเดินเข้ามาตอนแรก ซึ่งมีคาเฟ่อยู่ด้านขวามือและแน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดที่จะไปทานของหวานกันที่ Cafe Monte นั่นเองค่ะ

ภายในร้าน Cafe Monte (คาเฟ่มอนเต้) แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้น ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะเป็นคาเฟ่สไตล์ยุโรปเน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในด้วยไม้สีอ่อน เข้ากันเป็นอย่างดีกับผนังอิฐเปลือย ก่อนจะเพิ่มความโปร่งโล่งด้วยการเปิดรับแสงธรรมชาติผ่านกระจกใสบานใหญ่ และเพิ่มชีวิตชีวาให้ตัวร้านด้วยไม้ประดับแบบแขวน นอกจากนี้ ทางร้านยังเปิดเพลงฟังสบายคลอเบาๆ ให้ผู้คนที่แวะเวียนมาได้ผ่อนคลาย รื่นรมย์ไปกับเสียงดนตรีที่ทำให้เราได้ดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาพักผ่อนอันแสนพิเศษนี้อย่างเต็มที่ 

สำหรับเมนูที่ทางร้านใช้เสิร์ฟความอร่อยนั้นก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมด้วยการเสิร์ฟแต่วัตถุดิบคุณภาพดีตอบโจทย์คนทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเค้กโฮมเมดรสชาติต่างๆ วาเฟิลฮ่องกงเสิร์ฟพร้อมไอศกรีม และเครปสูตรพิเศษจากทางร้าน ใครที่เป็นคอกาแฟน่าจะถูกใจเพราะทางร้านคัดเมล็ดกาแฟ Arabica แท้ 100% ส่งตรงมาจากภาคเหนือของไทย ใครไม่ทานกาแฟที่ร้านก็มีชานมไข่มุกสูตรพิเศษนุ่มหนึบสไตล์ไต้หวัน รวมถึงชาและเครื่องดื่มซาบซ่าอย่างอิตาเลี่ยนโซดาให้เลือกสรร 

เริ่มกันที่เมนูเครื่องดื่มอย่าง ชาเขียวมัชฉะเย็น เมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษที่คัดสรรมัทฉะชั้นดีมาชงสดใหม่แบบแก้วต่อแก้ว ให้รสชาติของชาเขียวเข้มข้น แนะนำให้ดื่มจากด้านบนสุดของแก้วก่อน เพราะจะทำให้ได้กลิ่นหอมที่ชัดเจน ส่วนแฟนเราสั่ง คาราเมลมัคคิอาโตเย็น กาแฟหอม นุ่ม กลมกล่อมที่มีส่วนผสมของคาราเมล ดื่มง่าย ช่วยรีเฟรชวันเหนื่อยๆ จากการทำงานได้เป็นอย่างดี

นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องของกาแฟคุณภาพแล้ว ทางร้านยังมีเบเกอรี่คุณภาพสูตรโฮมเมดเช่นกันแนะนำ เครปฝอยทองนูเทลล่า เครปซิกเนเจอร์ของทางร้าน ตัวแป้งมีความกรอบอร่อย ให้รสชาติที่ไม่หวานมากจนเกินไป เสิร์ฟมาพร้อมฝอยทองกรุบกรอบ ราดด้วยนูเทลล่าชุ่มฉ่ำหอมอร่อยและเข้ากันได้อย่างลงตัว ต่อด้วย วาฟเฟิลฮ่องกงเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา วาฟเฟิลกรอบที่แตกต่างจากที่อื่น เพราะเป็นสูตรที่ทางร้านคิดค้นขึ้นเองผสมผสานวัตถุดิบชั้นเยี่ยมซึ่งใช้แต่ของคุณภาพดีจึงได้วาฟเฟิลที่กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมลูกใหญ่พร้อมกล้วยหอมชิ้นใหญ่ๆ ทานคู่กันฟินสุดๆ ก่อนจะตบท้ายด้วย เค้กช็อกโกแลตอัลมอนด์ เค้กเนื้อนุ่มละมุนลิ้นแบ่งเป็นชั้น พร้อมลิ้มรสความหวาน ท็อปด้วยอัลมอนด์กรอบ หอมกลิ่นโกโก้แบบเต็มๆ อร่อยถูกใจจนอยากซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านเลยค่ะ

หลังจากทานอาหารคาวและขนมหวานกันไปแบบฟินๆ แล้ว เราก็ขอชวนคุณแฟนไปช้อปปิ้งปิดท้ายที่ร้าน The Souvenir Shop ต่อทันที เพราะตั้งใจจะไปดูของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากเพื่อนๆ ในร้านก็มีสินค้าเยอะแยะเลยค่ะ ทั้งสินค้าจากคนในชุมชนอย่างมะขามหวาน พวกของใช้อย่างกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสาน รวมไปจนถึงหมวกและเสื้อผ้าสวยๆ ก็มีให้เลือกอย่างจุใจเลยล่ะ

ช้อปปิ้งพอกรุบกริบก็ได้เวลามูฟออนแล้วค่ะ แต่ก่อนจะสตาร์ทรถพุ่งออกไปไกลขอบอกเลยว่า The Montanas Khaokho คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดย่อมแสนสะดุดตาที่ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ ใกล้ทางขึ้นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วแห่งนี้ นำเสนอความเป็นไลฟ์สไตล์สุดชิคแบบคนเมืองที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์แบบ All Day All Night จริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเข้ามาดื่มกาแฟ ทานอาหาร ถ่ายรูปเก๋ๆ ช้อปปิ้งของฝากติดไม้ติดมือ หรือใครอยากมาจัดงานอีเว้นท์ ถ่ายพรีเวดดิ้ง แล้วละก็ที่นี่ก็สามารถตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการแบบว่ามาที่เดียวได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าตลอดทั้งวันจริงๆ ค่ะ

The Montanas Khaokho

ที่ตั้ง : 158 หมู่ที่ 3 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

เวลาเปิดปิด : Cafe Monte และ The Souvenir Shop ตั้งแต่ 09:00 - 19:00 น. ส่วนร้าน Barbara Steakhouse เปิดตั้งแต่ 10:00 - 21:00 น.

โทรศัพท์ : 056 786 443

GPS : https://g.page/TheMontanasKhaokho?share  

Facebook : https://www.facebook.com/The-Montanas-Khaokho-290546011640675/ 

Tags: เขาค้อ เพชรบูรณ์ ร้านอาหารเขาค้อ ร้านคาเฟ่เขาค้อ ร้านอาหารบรรยากาศดี The Montanas Khaokho เดอะมอนทานัสเขาค้อ Cafe Monte คาเฟ่มอนเต้ คอมมูนิตี้มอลล์เขาค้อ ร้านของฝากเขาค้อ ที่เที่ยวเขาค้อ จุดเช็คอินเขาค้อ สถานที่ถ่ายพรีเว็ดดิ้งเขาค้อ

เขียนโดย

Admin Chillpainai

แชร์บทความนี้