calendar_month 26 มิ.ย. 2019 / stylus Admin Chillpainai / visibility 45,489 / สถานที่ยอดนิยม
ปีๆ หนึ่งผ่านไปไวจริงจริ๊งงง..นี่ก็เลยครึ่งปีมาแล้วก็ต้องหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองนิดนึง เวลาก็ไม่ค่อยจะมีขอไปเที่ยวใกล้ๆ ก็แล้วกัน…นึกขึ้นมาได้พอดีว่าบ้านเพื่อนสนิทอยู่จังหวัดปราจีนบุรี ที่ไม่ได้ไกลอะไรเลยจากกรุงเทพมหานคร แต่!! ก็ไม่เคยย่างเท้าไปแตะปราจีนบุรีสักที ครั้งนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีจึงโทรไปขอให้เพื่อนแนะนำที่เที่ยวในจังหวัดปราจีนบุรีมาให้หน่อย ก็เลยเป็นที่มาของทริป ปราจีนบุรี 3 วัน 2 คืน ใกล้แค่นี้...ดีต่อใจ นี่แหละค่าา
เมื่อวันหยุดมาถึงเรามักจะตื่นเช้าได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีนาฬิกาปลุกเสมอ ทำไมนะ? คงเป็นเพราะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ออกเดินทางแหละมั้ง วันนี้เราออกเดินทางกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า ขับรถชิลๆ สบายๆ ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา และทางหลวง 319 เข้าอำเภอศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงสถานีตำรวจภูธรศรีมโหสถ อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เราขับรถถูกกฏจราจรมาตลอดทาง แต่ที่ต้องเลี้ยวเข้าสถานีตำรวจก็เพราะว่าเราจะเริ่มต้นทริปนี้ด้วยการมาสักการะขอพร “หลวงพ่อทวารวดี” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยทวารวดี ณ ศาลที่ตั้งอยู่ในบริเวณสถานีตำรวจฯ นี่เองค่ะ
หลวงพ่อทวารวดี เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางประทานธรรมสร้างจากหินทรายสีเขียวอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-14 ถูกพบโดยผู้ป่วยโรคเรื้อนขณะขุดดินเพื่อปลูกข้าวโพดใกล้กับโรงพยาบาลโรงเรื้อน หลังจากนั้นชาวบ้านจึงอัญเชิญไปตั้งไว้ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอ ระหว่างที่เดินเข้าไปกราบขอพรก็เห็นผู้คนเดินเข้ามาไม่ขาดสาย เราก็เลยขอแอบถามนิดนึงว่าส่วนใหญ่มาขอพรเรื่องอะไรกัน? ซึ่งก็ได้คำตอบมาว่า ขออะไรก็ได้สมใจหวังทั้งนั้น ถ้าไม่มีกรรมใดมาบดบังเราก็เลยได้แต่แอบหวังว่าพรที่เราขอท่านไปนั้นจะไม่มีอะไรมาบดบังนะ สาาาธุ
ที่ตั้ง : ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 08.30 - 16.30 น.
GPS : https://goo.gl/maps/4kySjUuMR7xCuwFHA
...หลังจากนั้นเราเดินทางต่อไปอีกไม่นานจนถึง วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ วัดสำคัญของจังหวัดปราจีนบุรี ที่คนปราจีนต้องบอกว่า ถ้ามาปราจีนต้องมาที่นี่เลยนะ ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึงปราจีนบุรี ซึ่งเราเองก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าที่นี่เป็นที่ที่ได้นำต้นศรีมหาโพธิ์จากอินเดียมาปลูกเป็นต้นแรกของประเทศไทย เรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในเมืองไทยเลยก็ว่าได้
เมื่อเราไปถึงวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิเราก็เดินเข้าไปภายในระเบียงคตที่อยู่ตรงข้ามกับวัด จะได้เจอกับต้นโพธิ์ขนาดใหญ่สูงกว่า 30 เมตร ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วระเบียงคตทำให้ได้ความรู้สึกที่ร่มรื่นและสงบขึ้นมาทันที ต้นโพธิ์ต้นนี้มีอายุกว่า 2,000 ปี เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดปราจีนบุรี ที่สำคัญมีความเชื่อกันว่าต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับนั่งขณะตรัสรู้ ที่พุทธคยา ประเทศอินเดียอีกด้วย
ที่ตั้ง : ตำบล โคกปีบ อำเภอ ศรีมโหสถ ปราจีนบุรี
เวลาเปิดปิด : 08:30 - 16:00 น.
GPS : https://goo.gl/maps/L2Sg5Qez3Dz3WNy8A
...ขับต่อออกมาไม่นาน เราก็ไปแวะกันที่ กลุ่มโบราณสถานสระมรกต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าจังหวัดปราจีนบุรีที่อำเภอศรีมโหสถเป็นที่ตั้งของ เมืองโบราณสมัยทวารวดีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคูเมืองและคันดินกำแพงเมืองล้อมรอบคูน้ำ ภายในเมืองส่วนใหญ่เป็นศาสนสถานเกี่ยวกับพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ ฮินดูตามรูปแบบสถาปัตยกรรมทวารวดีและเขมรโบราณ มีทั้ง วิหาร เจดีย์ อโรคยาศาล สระน้ำและบ่อน้ำต่างๆ
สิ่งสำคัญของกลุ่มโบราณสถานสระมรกตก็คือ รอยพระพุทธบาทคู่ ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย รอยพระบาทคู่ถูกสลักอยู่บนศิลาแลงธรรมชาติ ลักษณะเหมือนรอยเท้ามนุษย์ นิ้วเท้ายาวไม่เท่าและเรียงไม่เสมอกันกลางฝ่าพระบาทแต่ละข้างสลักรูปธรรมจักร ตรงกลางมีหลุมสำหรับใช้ปักเสา สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อปักฉัตรหรือร่ม คาดว่าสร้างขึ้นครั้งแรกสมัยมวารวดีถึงสมัยลพบุรี นับเป็นรอยพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
บริเวณใกล้เคียงกันมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพบพระพุทธรูปและโบราณวัตถุเป็นจำนวนมากภายในบ่อ นอกจากนี้ น้ำในบ่อน้ำแห่งนี้ยังน้ำที่นำขึ้นทูลเกล้าถวายเนื่องในพิธีรัชมังคลาภิเษกอีกด้วย เราจึงขอตักน้ำมาลูบผมเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเราเดินต่อไปยังด้านหลังเพื่อไปดู สระมรกต สระน้ำรูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้าขนาดกว้าง 115 เมตร ยาว 215 เมตร ลึก 3.5 เมตร สันนิษฐานว่าขุดขึ้นมาใช้เป็นแหล่งน้ำและนำศิลาแลงไปใช้ในการก่อสร้าง บริเวณใกล้ๆ กันมีอาคารศรีมโหสถ เป็นศูนย์นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ
ที่ตั้ง : วัดสระมรกต ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี
เวลาเปิดปิด : 08:30 - 16:00 น.
GPS : https://goo.gl/maps/AwGjmYg6TB1fEJhQ7
...ถึงเวลาทานข้าวกันแล้วค่า เราไปทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน The Platoo Kitchen ร้านที่ใช้ปลาทูแม่กลองเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร ที่บอกได้เลยว่าคุณจะต้องลืมเมนูปลาทูทอดธรรมดาๆ ไปเลย “ปลาทู” วัตถุดิบหลักในการทำอาหารของเราวันนี้เป็นเจ้าปลาทูแม่กลองจากมหาชัยที่มีความพิเศษจากที่อื่นๆ เพราะว่าทานได้ทั้งตัว ตั้งแต่หัวยันหางแบบที่ไม่ต้องกลัวก้างติดคอเลยด้วย
ไม่เคยนึกเลยจริงๆ ว่าจะนำปลาทูธรรมดาๆ มาทำอาหารได้หลากหลายมากขนาดนี้ ที่สำคัญกินได้ทั้งตัว ยันหัวและหางเลย แต่เมนูแนะนำที่มาแล้วต้องกินก็คือ “ปลาทูต้มกะทิสายบัว” สูตรโบราณ เมนูที่ชวนให้คิดถึงตอนเด็กๆ ที่สำคัญ ไม่ได้มีให้กินกันตลอดนะคะ บางทีช่วงแล้งมากๆ สายบัวหายาก เมนูนี้ก็ถูกงดไป วันนี้ถือว่าเราโชคดีมากๆ เลย
แล้วถ้าใครติดอกติดใจเจ้าปลาทูที่กินได้ตั้งแต่หัวยันหางล่ะก็ เขาก็มีให้ซื้อกลับไปกันนะคะ ราคาเข่งล่ะ 100 บาท เก็บไว้ได้ 3 - 4 วัน แต่ถ้านำไปแช่ช่องฟรีซก็จะอยู่ได้ 3 เดือนเลย ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวปราจีนบุรีก็อย่าลืมแวะมาทานปลาทูที่นี่กันนะคะ
ที่ตั้ง : 80 ม.10 ถ.สุวรรณศร ต.โนนห้อม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
การเดินทาง : ริมถนนสุวรรณศร กิโลเมตรที่ 163
เวลา เปิด-ปิด : ทุกวัน พุธ - จันทร์ 07.45 - 20.30 น.
โทร. 089-998-8635
GPS : https://goo.gl/maps/BNaen45JY6KuKYVQ7
...ถึงเวลาเข้าที่พักกันแล้ววว คืนนี้เราพักกันที่ เดอะ เวโรน่า แอท ทับลาน (The Verona at Tub Lan) ที่พักสไตล์อิตาลีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองเวโรน่าประเทศอิตาลี เมืองแห่งความรักต้นกำเนิดของโรมิโอและจูเลียต นวนิยายชื่อดังของโลก
เช็คอินเรียบร้อยขอเอาของเข้าไปเก็บในห้องกันก่อน คืนนี้เราพักกันที่ห้อง Verona Deluxe ห้องพักแสนหวานแบบสตูดิโอที่เปิดประตูห้องออกมาก็มองเห็นวิวทะเลสาบเลย
เก็บของเรียบร้อย พร้อมเดินเล่นถ่ายรูปมากกกก เชื่อเลยว่าถ้าใครได้ก้าวเท้าเข้ามาในเวโรน่า แอท ทับลานแล้วล่ะก็ จะต้องรู้สึกเหมือนหลุดเข้าในอีกดินแดนนึงเลยแหละ เพราะที่นี่เขาจำลองแลนด์มาร์คของเมืองเวโรน่า ทั้งทะเลสาบการ์ดาและสะพาน Castelvecchio, หอคอย Lamberti ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยวิวภูเขาของอุทยานแห่งชาติทับลาน สมแล้วจริงๆ ที่เป็นอาณาจักรแห่งการพักผ่อนเมื่อมาถึงเวโรน่า แอท ทับลานแล้ว กิจกรรมห้ามพลาดเลยคือ นั่งเรือกอนโดล่าล่องทะเลสาบชมบรรยากาศยามเย็นในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ฟินนนสุดๆ ไม่ต้องบินไปไกลถึงอิตาลีเลยจ้า
เดินเล่นถ่ายรูป นั่งเรือชมบรรยากาศกันจนเพลินก็ได้เวลาอาหารเย็นกันแล้ว เย็นนี้เราไปดินเนอร์กันที่ร้านอาหารแบล็ควู๊ด ร้านอาหารอิตาเลียนฟิวชั่นไทย ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบการ์ดา บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก...
เมนูนำเสนอวันนี้ พิซซ่าฮาวายเอี้ยนแป้งบางกรอบ แซลมอนรมควันยำวุ้นเส้นรสแซ่บถูกใจคนชอบรสจัดจ้านอย่างแน่นอน ใครอยากซดน้ำก็มีเมนูปลาเก๋าต้มเผือก แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว และเมนูซิกเนเจอร์อย่างขาหมูแบล็ควู้ด ขาหมูเยอรมันสูตรพิเศษของทางร้านที่ใครมาก็ต้องสั่งจานนี้เลยจ้า
The Verona at Tub Lan
ที่อยู่ : 251 หมู่ 6 ต.บุพรามณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
ราคา : เริ่มต้น 2,500 บาท
โทร : 096-324-4423
GPS :https://goo.gl/maps/7pbgLAGyXPnnDBzR9
วันนี้เราออกกันแต่เช้าหน่อยเพราะมีกิจกรรมสุดท้าทายรอเราอยู่ แต่ก่อนจะไปแอดเวนเจอร์ ขอแวะช้อปปิ้งก่อน เพราะได้ยินมาว่าใกล้ๆ กับเวโรน่า แอท ทับลาน มีกลุ่มจักสานใบลานอยู่ เราก็เลยขอแวะไปดูกันหน่อยเผื่อซื้อเป็นของฝากด้วย
ที่กลุ่มจักรสานใบลานบ้านทับลานแห่งนี้ เป็นวิสาหกิจชุมชนที่ผลิตสินค้าจากใบลาน เพราะบริเวณนี้ถือเป็นป่าลานที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทยและเป็นสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาวของจังหวัดปราจีนบุรีเลยนะ วันนี้เราโชคดีที่ไปในช่วงที่ชาวบ้านกำลังจะออกไปตัดใบลานพอดีเราก็เลยขออาสา
ตามไปช่วยด้วยย
ชาวบ้านจะเลือกต้นลานที่อายุ 40-50 ปี ดูจากขนาดลำต้นและเลือกที่ยอดใบลานไม่บาน ตัดเอาแต่ยอดแล้วนำใบลานที่ตัดจากต้นมาฉีกเป็นแผ่นๆ ตากแดดให้แห้งแล้วเลียดเป็นเส้นตามขนาดที่ต้องการแล้วก็จะนำมาสานเอามาเป็นหมวก กระเป๋า กล่องรูปแบบต่างๆ แต่สินค้าขึ้นชื่อของที่นี่เลยก็คือ กระเป๋าผูกนิลวรรณ กระเป๋าจากใบลานธรรมดาๆ ที่ถือแล้วก็ดูดีได้น้าา
ที่อยู่ : 525 ม.1 ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี
โทร : 08-1996-0036, 08-9831-3369
GPS :https://goo.gl/maps/XwoSCwBJWetTprGA6
...แวะช้อปปิ้งกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปต่อกับกิจกรรมสุดท้าทายของปราจีนบุรี บอกเลยว่าสายลุยไม่ควรพลาด กับการไปล่องแก่งสุดมันส์ที่ แก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี
แก่งหินเพิงเป็นแก่งหินตอนปลายสุดของแม่น้ำที่มีชื่อว่าแม่น้ำใสใหญ่ มีลักษณะทางธรณีวิทยาเป็นชั้นหินทราย เมื่อถึงฤดูฝนกระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดเกาะแก่งต่างๆ มากมาย และในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายนนี่แหละ เป็นช่วงที่สวยและเหมาะที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวแก่งหินเพิง
สำหรับคนที่อยากจะมาล่องแก่งหินเพิง เปิดให้ล่องตั้งแต่ 08.00-17.00 น. จะจองมาก่อนกับทางรีสอร์ทที่พักหรือมาติดต่อที่หน้างานก็ได้ ปกติราคาเหมาลำอยู่ที่ 8 คน 3,500 บาท รวมอาหารว่างและน้ำดื่ม แต่ถ้ามาน้อยกว่า 8 คนพี่เขาก็มีส่วนลดให้น้า เรามาถึงก็เริ่มต้นกันที่ หน่วยพิทักษ์ป่า ขญ.9 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และเดินป่าไปยังต้นน้ำ ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที
พร้อมแล้วจ้าาา ตื่นเต้นสุดๆ เตรียมตัวลงแพ แพยางจะนั่งได้ประมาณ 8 -10 คน โดยเราจะเริ่มต้นกันที่แก่งหินเพิงเป็นจุดแรก จากแก่งหินเพิงลงมาจะผ่านแก่งวังบอน บริเวณนี้จะมีโขดหินสองฝั่งขวางกระแสน้ำอยู่จึงบีบให้กระแสน้ำเข้าหากับเป็นรูปตัววีและถ้าผ่านแก่งวังบอนมาได้ กระแสน้ำที่แก่งวังบอนจะไหลย้อนมาตรงนี้ สามารถพักเรือบริเวณนี้ได้ ล่องเรือต่อมาจะพบกับแก่งลูกเสือบอกเลยว่าตรงนี้มันส์มากก ล่องต่อไปเรื่อยๆ จนถึงแก่งวังไทร และแก่งงูเห่า เป็นแก่งสุดท้าย ใช้เวลาล่องประมาณ 2 ชั่วโมงสนุกมันส์จนลืมเวลากันเลย
ที่อยู่ : หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ. 9 (ใสใหญ่) อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
โทร : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 08 6092 6527, 08 6092 6529, 08 6092 6531
เวลา : 08.00-17.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว: ช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม
GPS :https://goo.gl/maps/BR2RstkuxY9mbWYX7
...หลังจากสนุกสนานกับการล่องแก่งแล้ว เราก็เดินทางเข้าที่พักกันจ้าา ที่พักของเราวันนี้พูดชื่อไปทุกคนต้องร้อง อ๋อออออ...แน่นอน เพราะที่นี่เขาจัดเทศกาลดอกไม้อยู่บ่อยๆ นั่นคือ ดาษดา เดอะ ฟลาวเวอร์ เอสเซนซ์ รีสอร์ท (Dasada The Flower Es'Senses Resort) หรือที่หลายคนรู้จักในนาม “ดาษดา แกลเลอรี่” นั่นเอง
ถึงแม้ว่าช่วงที่เรามาพักไม่มีสวนดอกไม้เพราะช่วงนี้เขาปิดซ่อมแซมอยู่ แต่บอกเลยว่าไม่เสียใจเลยที่มา เพราะบรรยากาศร่มรื่นมาก เงียบสงบให้ความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะที่นี่มีเนื้อที่กว้างขวางอยู่ติดเขา ขนาดมาช่วงนี้ที่กรุงเทพทั้งร้อนทั้งฝน แต่ที่นี่ก็ยังอากาศดี๊ดี... นอนฟังเสียงฝน เสียงนกร้อง ฟินสุดด
เรามาถึงก็เกือบเย็นแล้วค่ะ ด้วยที่นี่มีเนื้อที่กว้างมาก เขาเลยให้จอดรถไว้ด้านหน้าและจะมีรถกอล์ฟมารับ รวมถึงใช้ในการเดินทางไปไหนมาไหนในตัวรีสอร์ทด้วย เช็คอินเสร็จปุ๊บก็เก็บของเข้าห้อง ห้องที่เราพักวันนี้เป็นห้องพักโซนบาหลี ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นสบายตา ห้องกว้างมากกก... แถมห้องที่เราพักวันนี้เปิดหน้าต่างออกมาก็เจอสระว่ายน้ำเลยจ้า
เก็บของกันเรียบร้อยแล้วออกไปปั่นจักรยานเล่นกันหน่อย ใกล้ๆที่พักมีเป็นเหมือนอุโมงค์ต้นไม้เลย อากาศดีมาก
ท้องร้องแล้วจ้า ไปกินข้าวกันก่อนเพราะเดี๋ยว 1 ทุ่ม เราต้องไปชมการแสดงน้ำพุกัน มื้อเย็นนี้เราไปทานข้าวกันที่ “ร้านบลูม@ดาษดา” เมนูแนะนำที่เราสั่งมาวันนี้ ทั้งชื่อและหน้าตาน่ากินทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นปอเปี๊ยะสดบุปผาดาษดา, เมี่ยงดอกไม้, แกงส้มบุษบาปลาสลิดทอด และปลากระพงนึ่งซีอิ๊วทานคู่กับเส้นใหญ่ทอด บอกเลยว่าชอบจานนี้มากกก... ตักปลาเนื้อแน่นมาวางไว้บนเส้นใหญ่ที่มีความกรอบนอกนุ่มในแล้วราดน้ำจิ้มซีฟู้ด ฟินมากก!! อยากให้ลองจานนี้จริงๆ
เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ใกล้เวลาแสดงของน้ำพุพอดี เราเตรียมพร้อมนั่งรถกอล์ฟไปที่ลานน้ำพุกัน ที่นี่เราจะได้พบกับการแสดงน้ำพุเต้นระบำ (Dancing Fountain) จากทีมผู้สร้างเดียวกับ Dubai Fountain และน้ำพุที่โรงแรม Bellagio เมือง Las Vegas รัฐ Nevada สหรัฐอเมริกา ใช้เวลาชมทั้งหมด 20 นาทีพร้อมเพลงประกอบการแสดง
ทั้งแสง สี เสียงจัดเต็ม อลังการมาก!! บอกเลยว่าไม่ควรพลาดจริงๆ นั่งดูเพลินมาก บางเพลงประกอบการแสดงก็เป็นเพลงที่ร้องได้เราก็นั่งร้องตามไปเผลอแป๊บเดียวจบซะแล้ว อ้อ! ส่วนเพลงประกอบเราขออุบไว้นะว่ามีเพลงอะไรบ้าง อยากให้เพื่อนๆ มาฟังด้วยตัวเองเดี๋ยวจะไม่ตื่นเต้น
ที่อยู่ : 179 ม.12 ถ.ปราจีน - เขาใหญ่ ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี
ราคา : ราคาเริ่มต้น 2,600 บาท
โทร : 090-198-7581
GPS :https://goo.gl/maps/PG1h22ejG5vxCwnh9
วันสุดท้ายของทริปแล้วว วันนี้เราเข้ามาเที่ยวในตัวเมืองปราจีนบุรีที่ วัดแก้วพิจิตร พระอารามหลวงเก่าแก่ตั้งแต่ยุคสมัยรัชกาลที่ 5 และยังเป็นวัดนิกายธรรมยุติแห่งแรกของจังหวัดปราจีนบุรี สร้างโดยเศรษฐีนีใจบุญชาวปราจีนบุรี ชื่อนางประมูล โภคา แต่ต่อมาในปี พ.ศ.2461 เจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ที่ชำรุดผุพัง นอกจากเป็นวัดสำคัญในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของปราจีนบุรีแล้ว ที่นี่ยังนับว่าเป็นวัดสวยสุดอันซีนของปราจีนบุรีก็ว่าได้
บอกเลยว่าเราไม่เคยเห็นพระอุโบสถโทนสีชมพูสวยแปลกตาแบบนี้มาก่อน ด้วยลักษณะโดนเด่นทางสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนที่ไหน ซึ่งตามประวัติบอกว่าถูกก่อสร้างโดยฝีมือช่างและแรงงานชาวเขมรในสังกัดของเจ้าพระยาอภัยภูเบศรนั่นเอง จุดเด่นของวัดแก้วพิจิตรจึงอยู่ที่ตัวอาคารของพระอุโบสถที่มีการผสมผสานของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายไว้รวมกัน ทั้งสถาปัตยกรรมไทยในส่วนของช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ศิลปะจีนที่รูปปั้นมังกรเขียวบริเวณหน้าจั่ว ศิลปะฝรั่งเป็นเสาแบบโครินเธียน และศิลปะเขมรที่รูปแบบหลังคากำแพงแก้วซุ้มประตูแก้วบริเวณทางเข้าพระอุโบสถ
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางอภัยทานองค์เดียวในโลก ออกแบบโดยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และภาพวาดแผ่นผ้าเกี่ยวกับเรื่องราวในพระพุทธศาสนา เช่น ทศชาติชาดก มารผจญโดยช่างหลวงในรัชกาลที่ 6
มาเที่ยวปราจีนบุรีแล้วอย่าลืมนะคะ ต้องมาชมพระอุโบสถและมากราบสักการะพระประธานปางอภัยทานองค์เดียวในโลกกันนะคะ
ที่อยู่ : ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี หมู่ 4 ถนนแก้วพิจิตร ต.บางบริบูรณ์
อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี
เวลาเปิดปิด : 07:00 - 18:00 น.
GPS : https://goo.gl/maps/jHJbAqcaDDopz33Y9
...ห่างจากวัดแก้วพิจิตรเพียง 10 นาที เราก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลที่สวยที่สุดในประเทศไทยที่ ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในโรงพยาบาลพระยาอภัยภูเบศร เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาแล้วเราก็จะเห็นตึกสองชั้นสีเหลืองแบบยุโรปโดดเด่นสะดุดตา ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยเรอเนสซองส์ มีมุขด้านหน้าตรงกลางเป็นโดม ผนังด้านนอกเป็นปูนปั้นลายพฤกษาประดับซุ้มประตูและหน้าต่าง ซึ่งเจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหากเสด็จประพาสมณฑลปราจีนอีกครั้ง แต่ไม่ทันได้เสด็จประทับพระองค์ก็เสด็จสวรรคตก่อน
แต่ตึกนี้ก็เคยใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.6 รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์และเคยใช้เป็นตึกอำนวยการ ห้องตรวจโรค ห้องจำหน่ายยา ชั้นบนใช้เป็นห้องคนไข้หญิง ก่อนที่กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นโบราณสถานและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เที่ยวชมอย่างเป็นทางการ
ภายในอาคารแบ่งออกเป็น 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นล่างนอกจากจะจัดแสดงประวัติตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแล้วก็มีคลินิกการแพทย์แผนไทย ร้านขายยาไทยต้นแบบ “โพธิ์เงินอภัยภูเบศรโอสถ” และร้ายขายผลิตภัณฑ์จากอภัยภูเบศรที่พึ่งย้ายเข้ามาในอาคารเพราะร้านเดิมด้านนอกปิดปรับปรุง
ส่วนชั้น 2 จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติการพัฒนาสมุนไพรอภัยภูเบศรและประวัติโรงพยาบาลอภัยภูเบศร รวมถึงห้องประชุมสัมมนา
ก่อนกลับก็ขอแวะซื้อผลิตภัณฑ์จากอภัยภูเบศรกันหน่อย มีให้เลือกหลายอย่าง ทั้งครีมทาผิว สบู่ ยาสระผม สเปรย์แก้ปวดเมื่อย และโฟมล้างหน้าเปลือกมังคุดที่เห็นเพื่อนใช้มานานวันนี้ต้องขอลองกันหน่อย
ที่อยู่ : เลขที่ 32/7 หมู่ 12 ถนนปราจีนอนุสรณ์ ตำบลท่างาม จังหวัดปราจีนบุรี
โทร : 037 211 088
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 08.30-20.30 น.
GPS : https://goo.gl/maps/WJWMG74RkPH6vCnU8
...ก่อนกลับมีพี่ๆ แนะนำว่าไหนๆ ก็มาตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแล้วให้แวะไปที่ ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ หรือพิพิธภัณฑ์หมอไทย สิ เพราะเขาเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่เพิ่งแยกออกไปจากตัวโรงพยาบาลอภัยภูเบศร มีเนื้อที่กว้างขวางกว่าด้วย
เมื่อมาถึงเราก็ไปยังจุดแสดงหลักของที่นี่ นั่นก็คือ เรือนหมอพลอย ซึ่งเรือนหลังนี้เป็นเรือนต้นแบบของความหมาย “เรือนเป็นยา บ้านเป็นยา” เพราะในการปลูกเรือนสมัยก่อนจะมีการดูทิศทางลม ทิศเหนือใต้ออกตก เพื่อให้บ้านตั้งอยู่ในมุมที่เหมาะสม และด้วยสภาพอากาศเมืองไทยเป็นเมืองร้อนเลยมักสร้างบ้านที่มีอาคารสูง มีหน้าต่างทุกด้านเพื่อรับลมทำให้อากาศถ่ายเทดี เราหายใจสะดวกเลือดลมไหลเวียนดี ไม่อึดอัดเหมือนห้องที่อับทึบติดแอร์แบบทุกวันนี้ อันนี้ถือเป็นความรู้ใหม่มากๆ แอบคิดไปไกลเลยว่าถ้าจะสร้างบ้านสักหลังจะขอใช้หลักการนี่แหละ พามาดูในบ้านกันบ้าง ชั้นล่างจะมีมุมยาย้อนยุคให้ผู้มาเยือนได้ตรวจธาตุเจ้าเรือน พร้อมกับได้ทดลองทำยาอย่างง่ายๆ รวมถึงร้านกาแฟ
ในส่วนชั้น 2 แบ่งออกเป็น 3 ห้องจัดแสดง ห้องที่ 1 “ย้อนรอยหมอหลวง ชื่อหมอพลอย” ห้องนี้จัดแสดงเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตของหมอพลอยและจำลองมุมสงบของห้องพระหมอพลอย ห้องที่ 2 “หมอไทยนั้นเป็นฉันใด” ห้องนี้เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวการแพทย์เชิงระบบ การแพทย์เหนือธรรมชาติและการแพทย์พื้นบ้าน และห้องสุดท้าย ห้อง “หั่น สับ จับมาเป็นยา” ห้องนี้ชอบมากก...เพราะเราจะได้ลองทำ ลองหั่น ลองบดยาจริงๆ ท่ามกลางกลิ่นหอมจรุงของเครื่องยาจนนึกว่าอยู่ในละครหมอยาท่าโฉลงเลยนะเนี่ย
ถ้าหากใครไปเที่ยวที่ตึกอภัยภูเบศรแล้ว ก็อย่าลืมแวะมากันที่ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ กันด้วยน้า ห่างกันไม่ถึง 10 นาที เราจะได้มาเรียนรู้ความเป็นมาและความรู้ของสมุนไพรไทยกันว่ามันดีแค่ไหน
ที่อยู่ : หมู่ 1 ถนน 319 ตำบลบางเดชะ อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี
โทร : 097-0983582
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 08.30-16.30 น.
GPS : https://goo.gl/maps/8JKhdiSdnQbKgQrE6
...ก่อนกลับบ้านเราก็ไปแวะทานข้าวกันหน่อย เพื่อนบอกว่าในตัวเมืองปราจีนบุรีมีร้านอาหารกึ่งคาเฟ่สวยๆ อยู่ร้านนึงห่างจากพิพิธภัณฑ์หมอไทยแค่ 10 นาทีเอง ชื่อร้าน Gardener House Cafe & Bistro ใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้เชื่อเลยว่าต้องสะดุดตากับเจ้าตึกสีฟ้านี้แน่ๆ
เมนูของทางร้านที่ถึงแม้จะเน้นไปทางอาหารฝรั่งแต่ก็มีอาหารไทย อาหารทานเล่นของหวานและเครื่องดื่มด้วยน้า แต่เมนูขึ้นชื่อของทางร้านที่ไปแล้วต้องสั่งคือ “ทีโบนสเต็ก” สเต็กหมูเนื้อนุ่มๆ มาพร้อมความชุ่มฉ่ำจากมันที่แทรกอยู่ นำมาย่างแบบมีเดียม ราดด้วยซอสเกรวี่สูตรเฉพาะของทางร้าน เข้มข้นสุดๆ บอกเลยว่าจานนี้ห้ามพลาดเลยน้า
ถ้าใครมาเที่ยวในเมืองปราจีนบุรีแล้วมองหาร้านอาหารกึ่งคาเฟ่น่ารักๆ อย่าลืมแวะมาที่ร้าน Gardener House Cafe & Bistro กันนะคะ บริการเป็นกันเองมากๆ บอกเลยไม่ผิดหวังค่า
ที่ตั้ง : 42/7 ม.2 ถ.ปราจีนอนุสรณ์ ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
การเดินทาง : หากมาจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ขับตรงมาตามถนน 304 ประมาณ 3 กม. ร้านอยู่ฝั่งซ้ายมือ
เวลา เปิด-ปิด : ทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 08.00 - 19.00 น.
โทร. 098-661-668
จบทริปแล้ววว...เตรียมตัวกลับบ้าน วันหยุดทำไมผ่านไปเร็วแบบนี้น้าา แต่ก็ถือว่าใช้เวลาที่นี่ได้คุ้มค่ามากๆ เราขอยกให้ปราจีนบุรีทริปนี้ เป็นทริปที่ดีต่อใจจริงๆ ไม่ต้องขับรถไปไหนไกล ก็สนุกได้ครบแถมได้เก็บแต้มบุญในช่วงครึ่งปีหลังไปเต็มๆ เลย
Tags: ปราจีนบุรี เที่ยวปราจีนบุรี เที่ยวปราจีนบุรี3วัน2คืน หลวงพ่อทวารวดี วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ กลุ่มโบราณสถานสระมรกต โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ รอยพระพุทธบาทคู่ The PlatooKitchen เดอะเวโรน่าแอททับลาน กลุ่มจักรสานใบลานบ้านทับลาน แก่งหินเพิง ล่องแก่งหินเพิง ดาษดา น้ำพุเต้นระบำ วัดแก้วพิจิตร ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพบางเดชะ พิพิธภัณฑ์หมอไทย GardenerHous Cafe & Bistro GOLOCALTHAILAND ททท เที่ยวเมืองรอง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 22 พ.ย. 2024 | 76 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 15 พ.ย. 2024 | 1,058 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 22 พ.ย. 2024 | 160 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 05 พ.ย. 2024 | 6,046 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 07 พ.ย. 2024 | 2,940 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 15 พ.ย. 2024 | 511 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 พ.ย. 2024 | 944 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 08 พ.ย. 2024 | 1,771 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 27 ต.ค. 2024 | 3,271 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน | 15 พ.ย. 2024 | 310 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน | 03 พ.ย. 2024 | 1,111 อ่าน