calendar_month 10 มิ.ย. 2019 / stylus Admin Chillpainai / visibility 93,448 / ทริปตัวอย่าง
ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีกลิ่นฝนเข้ามาทักทายบ้างเป็นระยะพอให้เราได้สัมผัสความสดชื่นบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่ว่าจะเข้าสู่ฤดูไหนก็ดูเหมือนว่าอุณหภูมิของประเทศไทยยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย!! และเมื่อความร้อนทวีคูณขึ้นแบบนี้ก็ถึงเวลาแล้วล่ะค่ะที่เราจะต้องปลดล็อคระดับความฮอตปรอทแตกของสภาพอากาศ ด้วยการชวนเพื่อนสนิทไปเที่ยวทะเลให้คลื่นซัดจนหนำใจสัก 3 วัน 2 คืน โดยทริปนี้เราปักหมุดกันไปที่สัตหีบ-พัทยา สองเมืองตากอากาศที่ฟ้าสวย ทะเลใส แถมยังมีที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวให้เลือกเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างครบถ้วน ว่าแล้วก็ตามมาเที่ยวพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่าา Go Go!
แน่นอนว่าการจะไปเที่ยวทะเลทั้งทีเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม แล้วก็ห้ามลืมที่จะจัดของใช้ชิ้นสำคัญใส่กระเป๋าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า บิกินี่ตัวจิ๋ว แว่นกันแดดคู่ใจ หมวก กล้อง เครื่องสำอาง และหูฟังสำหรับฟังเพลงโปรดระหว่างเดินทาง ที่สำคัญควรพกผลิตภัณฑ์กันแดดดีๆ ติดไปด้วยนะคะ ซึ่งตัวช่วยที่เราใช้ปกป้องผิวทุกวันก็คือ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ ที่นอกจากจะช่วยกันแดดให้แล้วยังมีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งด้วยนะ ซึ่งเราก็พกไปทั้งแบบครีมและสเปรย์เลย ทริปนี้แดดจะร้อนแรงแค่ไหนเราก็ไม่กลัว
เมื่อกายและใจพร้อมเกิน 100% เราก็ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้า แวะทานข้าวและซื้อขนมไว้ทานเล่นบนรถก่อนจะมุ่งหน้าสู่พัทยา โดยจุดหมายแรกของวันนี้ก็คือ “สวนนงนุช” ที่หลายคนน่าจะคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีเพราะถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของพัทยาเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งที่นี่มีสวนพฤกษศาสตร์ระดับโลกกว่า 50 สวนสวยที่ถูกจัดตกแต่งด้วยต้นไม้นานาพรรณบนพื้นที่กว่า 1,700 ไร่เชียวนะ ขอบอกว่าอลังการงานสร้างมากๆ แถมยังมีมุมให้ถ่ายรูปเพียบ โดนใจเราสุดๆ ไปเลย
นอกจากจะเพลิดเพลินไปกับการแชะรูปลงอินสตาแกรมแล้ว ที่สวนนงนุชยังมีอีกหนึ่งโซนใหม่ที่น่าสนใจนั่นก็คือ “Cactus Garden 2” พื้นที่ที่ทำให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับสวนกระบองเพชรหรือไม้อวบน้ำกว่า 300 ชนิดจากทั่วทุกมุมโลก และบรรดาไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ที่สมจริงมากเวอร์ เหมือนหลุดมาจากภาพยนตร์ที่เราเคยชมเลยล่ะ งานนี้ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ไดโนเสาร์ก็น่าจะสนุกกับการทายชื่อกันแน่นอน และถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากเดินเล่นชมวิวมุมสูงก็สามารถเดินขึ้นไปบนสกายวอล์คที่มีระยะทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมโยงสวนต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน แถมยังมองเห็นทัศนียภาพในมุมสูงแบบ 360 องศาด้วยนะ
เราเดินเล่นชมกระบองเพชรและถ่ายรูปคู่กับไดโนเสาร์จนเต็มอิ่มแล้ว เห็นว่าพื้นที่ใกล้ๆ กันเป็นโซน “สวนป่าหินธรรมชาติ” ที่นำหินตั้งและหินนอนกว่า 4,000 ก้อนมาจัดวางเรียงตามจินตนาการ ออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ที่ผสมผสานระหว่าง สวนป่าหิน สวนไดโนเสาร์ และสวนกระบองเพชร เข้ากันอย่างลงตัว เราเลยโฉบไปแชะภาพสักหน่อย จะบอกว่าโซนนี้ก็ถ่ายรูปออกมาสวยไม่แพ้โซนอื่นๆ เลยค่ะ
อ๊ะๆ เกือบลืมบอกไปว่าภายในสวนนงนุชกว้างขวางและอากาศก็ค่อนข้างร้อน แนะนำให้เตรียมร่มและหมวกไปด้วยนะคะ ที่ขาดไม่ได้เลยคือผลิตภัณฑ์กันแดดเพราะรังสียูวีพร้อมทำร้ายผิวเราได้ทุกเมื่อ ดังนั้นฉีดสเปรย์กันแดดของ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ ไว้ก่อนก็อุ่นใจดีค่ะ เมื่อปกป้องผิวแล้วก็ได้เวลาไปถ่ายรูปต่อกันเลย!
มาต่อกันอีกหนึ่งโซนที่พลาดไม่ได้คือสโตนเฮนจ์ ที่เป็นการนำหินมาวางเรียงกันเป็นวงกลมซึ่งจำลองจากสถานที่สำคัญ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีอายุมากกว่า 4,000 ปี จากประเทศอังกฤษเลยนะ ซึ่งพื้นที่รอบๆ ของโซนนี้จะถูกปลูกไม้ดอกไม้ประดับที่มีสีสันด้วย รับรองว่าถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน
ถ่ายรูปและชมสวนสวยจากโซนนี้เสร็จถ้าเพื่อนๆ อยากไปโซนอื่นต่อ หรือจะกลับออกไปยังจุดจอดรถส่วนตัว ถ้าไม่อยากเดินก็สามารถใช้บริการรถนำเที่ยวไปยังจุดต่างๆ ได้นะคะ ราคาเริ่มต้นคนละ 50 บาทเท่านั้น
ที่ตั้ง : 34/1 ม.7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ เมืองพัทยา
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 08.00 - 18.00 น.
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็กสูง 90-130 ซม. เข้าฟรี (ราคานี้ไม่รวมค่าเข้าชมการแสดงต่างๆ)
โทรศัพท์ : 038-238-061
GPS : https://goo.gl/maps/yTDkfjoyWqhAV4oz5
หลังจากแวะเที่ยวสวนนงนุชถ่ายรูปลงอินสตาแกรมรัวๆ จนเพื่อนเกือบ Unfollow แล้ว เราก็ยังไม่หยุด! ยังคงชวนเพื่อนขับรถไปแชะภาพ เอ้ย! เที่ยวต่อกันที่ “Swiss sheep farm พัทยา” สถานที่ท่องเที่ยวสไตล์ยูโรคันทรี่ที่อยู่ไม่ไกลกับไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติและทิวเขาอันสวยงาม
โดยที่นี่มีการจัดแต่งทุกอย่างอย่างลงตัวเหมาะแก่การถ่ายรูปมากกกก เราเลยไม่พลาดที่จะเตรียมเสื้อผ้าสวยๆ มาเปลี่ยนชุดให้เข้ากับบรรยากาศกับสถานที่ด้วย
จะบอกว่าที่ Swiss Sheep Farm พัทยา นอกจากถ่ายรูปมุมไหนก็สวยแล้ว ภายในฟาร์มยังมีสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ เยอะมากเลยนะคะ ทั้ง ม้า ม้าแคระ อัลปาก้า แกะ กระต่าย หงส์ขาว หงส์ดำ และอีกมากมายให้เราเลือกชมและสัมผัส นอกจากนี้ที่ฟาร์มยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้เราร่วมสนุกด้วยนะคะไม่ว่าจะเป็น ทดลองขี่ม้า นั่งรถลาก หรือให้อาหารแกะ ซึ่งแต่ละกิจกรรมก็เพลิดเพลินไปหมด บอกเลยว่าประทับใจมาก
ที่ตั้ง : 19/20 ม.7 นาจอมเทียน สัตหีบ ชลบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 09.00 - 18.00 น.
ค่าบริการ : บัตรเด็ก 50 บาท บัตรผู้ใหญ่ 90 บาท (เด็กสูงไม่เกิน 100 เซนติเมตร เข้าฟรี)
โทรศัพท์ : 038-119095
GPS : https://goo.gl/maps/q7C1pzaKKjZFMs4U8
จาก Swiss Sheep Farm พัทยา เรากับเพื่อนก็ปักหมุดไปเช็คอินกันที่ “TuTu Beach” คาเฟ่และที่พักแบบรถบ้านเก๋ๆ แห่งใหม่ในพัทยา ขอบอกว่าที่นี่บรรยากาศดีมาก (ก.ไก่ล้านตัว) ให้ฟีลเหมือนหลุดเข้าไปในภาพยนตร์ที่ขับรถไปพักริมหาดสวยๆ ซึ่งที่พักแบบรถบ้านสามารถมองเห็นวิวทะเลทุกคันและมีบริการเพียงแค่ 3 คันเท่านั้น เรียกว่าไพรเวทสุดอะไรสุด ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้ง แอร์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ ห้องน้ำ แถมผู้เข้าพักยังสามารถซื้อของสดมาปิ้งย่างบนเตาบาร์บีคิวได้อีกด้วยนะ
เช็คอินเรียบร้อยแล้วเราก็ขอเปลี่ยนชุดมาถ่ายรูปสวยๆ สักหน่อย และแน่นอนว่าก่อนออกไปนั่งชิลริมหาดเราก็ไม่ลืมฉีดสเปรย์ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ ซ้ำอีกครั้ง ซึ่งสเปรย์ตัวนี้มีเนื้อบางเบา เย็นสดชื่น ซึมซับสู่ผิวได้เร็ว แถมยังป้องกันรังสี UVA และ UVB กันน้ำเเละเหงื่อได้ดีไม่ต้องกลัวเป็นคราบเลยค่ะ
เมื่อผิวพร้อมเราก็ได้เวลาออกไปรับลมทะเลซึมซับบรรยากาศสวยๆ แล้วค่ะ อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าที่นี่มีคาเฟ่บริการด้วย ดังนั้นเพื่อนๆ ที่ไม่ได้มาเข้าพักก็สามารถแวะมานั่งชิลที่ส่วนของคาเฟ่ริมหาดได้ ซึ่งที่นี่จะตกแต่งสไตล์ฮาวาเอี้ยน สีสันสดใส ทุกอย่างดูน่ารักกุ๊กกิ๊กไปหมด แถมยังมีมุมให้เลือกนั่งหลากหลายโซนทั้ง Indoor และ Outdoor แต่ที่ฮอตฮิตที่สุดก็คือโซน Outdoor ริมหาดที่ทางร้านจัดวางร่มผ้าใบคู่กับบีนแบคสีชมพูสุดคิ้วท์ ขอกระซิบบอกว่าชิลและใกล้ทะเลแบบฟินสุดๆ เลยล่ะ
ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มก็รสชาติดีไม่แพ้บรรยากาศเลยนะคะ ซึ่งที่นี่เน้นเสิร์ฟอาหารฟิวชั่นพร้อมกับเครื่องดื่มเก๋ๆ ที่คิดค้นใหม่อย่างสร้างสรรค์ เรากับเพื่อนตกลงกันว่าจะทานมื้อเย็นกันที่นี่ เลยสั่งสปาเก็ตตี้เบคอนพริกแห้งรสชาติจัดจ้านโดนใจ มาทานคู่กับ Spring Rolls Ham & Cheese ปอเปี๊ยะแฮมชีสที่กรอบกำลังดี ปิดท้ายกันด้วย Masubi ซูซิวางท็อปด้วยแฮมกระป๋อง อร่อยแบบเต็มๆ คำ ส่วนเครื่องดื่มเราสั่งเป็นตัวซิกเนเจอร์ของที่นี่คือ TuTu Pink Sunset รสชาติกลมกล่อม จิบแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นคลายร้อนได้ดีเลยค่ะ ส่วนเพื่อนเราสั่งเมนู Mix Berry Soda สดชื่น ซาบซ่า อย่างลงตัวเลยล่ะ
ที่ตั้ง : ซอย นาจอมเทียน 10 เมืองพัทยา
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.
โทรศัพท์ : 092-415-6242
GPS : https://goo.gl/maps/j8UnRJWA13LxVt1U8
เริ่มต้นวันที่ 2 เราทานอาหารเช้าจากที่พักแล้วเช็คเอาท์เพื่อเดินทางไปยังสัตหีบค่ะ เช้านี้เราจะไปเริงร่าท้าแดดกันที่ “หาดทรายแก้ว” ค่ะ บอกก่อนว่าที่พวกเราเลือกมาที่นี่เพราะเพื่อนเราเคยมาเที่ยวแล้วประทับใจตรงที่น้ำใส หาดสะอาด เงียบสงบ ผู้คนไม่ค่อยพลุกผล่าน เราเลยตกลงปลงใจว่าจะมาสลัดผ้าใส่บิกินี่กันที่นี่ ซึ่งหาดทรายแก้วตั้งอยู่ในพื้นที่โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ บริเวณอ่าวน้อย ที่นี่เลยอยู่ในการดูแลของทหารเรือนั่นเองค่ะ และก่อนที่จะเข้าไปเล่นน้ำก็ต้องแลกบัตรและซื้อบัตรค่าเข้าหาดด้วยนะคะ คนละ 50 บาท โดยด้านบนจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล มีอุปกรณ์อย่างเต็นท์ เตียงผ้าใบ และมีที่พักแบบบังกะโลให้เช่า มีอุปกรณ์กีฬาทางน้ำบริการ เช่น เรือคายัค และอุปกรณ์ดำน้ำด้วยนะคะ ถ้ามาเที่ยววันธรรมดาสามารถขับรถเข้าไปจอดที่บริเวณหาดได้เลย แต่ถ้าเดินทางมาในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะต้องเสียค่าบริการใช้รถรับ-ส่ง เข้าไปภายในหาดนะคะ
ที่หาดทรายแก้วจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบยั่งยืนนะคะ โดยจะรักษาความสวยงามตามธรรมชาติไว้เป็นหลัก ทัศนียภาพรอบข้างก็รายล้อมไปด้วยภูเขาและพรรณไม้เขียวขจีให้ความรู้สึกสดชื่นดีจริงๆ ค่ะ อีกทั้งตัวหาดยังมีความยาวประมาณ 1,700 เมตร แถมพื้นทรายยังเป็นสีขาวละเอียด เราว่าน้ำทะเลที่นี่ค่อนข้างใสสะอาดเลยล่ะ เหมาะแก่การมาท่องเที่ยว ดำน้ำ และพักผ่อนเป็นที่สุด
หลังจากยืดเส้นยืดสายสัมผัสลมทะเลจนหัวใจดี๊ด๊าพองโตแล้ว ระหว่างรอเพื่อนไปเปลี่ยนชุดเราก็ขอหยิบ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ มาทาซ้ำอีกสักรอบ ซึ่งเจ้าครีมกันแดดตัวนี้ที่เห็นว่าเราใช้บ่อยๆ ก็เพราะเราชอบที่เนื้อครีมเขาบางเบาและซึมซาบลงผิวเร็วมากๆ นอกจากนี้จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างที่เราถูกใจคือส่วนผสมที่ปราศจากสาร Oxybenzone & Parabens ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างปะการังใต้ท้องทะเลด้วยล่ะเธอ เรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดที่นอกจากจะช่วยปกป้องผิวแล้ว ยังช่วยรักษาธรรมชาติใต้ท้องทะเลไปในตัวนั่นเองจ้า
เมื่อผิวพร้อมแล้วก็ได้เวลาไปเปลี่ยนเป็นบิกินี่ตัวโปรดมาถ่ายรูปริมหาด สัมผัสน้ำทะเลใสๆ กันแล้วค่ะ เราเล่นน้ำกันไปสักพักก็เริ่มอยากทำกิจกรรมอื่น เพื่อนเลยบอกให้ไปเช่าเรือคายัคมาพายเล่น ตอนแรกก็ลังเลเพราะเพื่อนไม่ยอมเล่นด้วย แต่ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ เราเลยวิ่งไปเช่าเรือคายัคมาในราคา 100 บาท ขอบอกว่าสนุกมากกกกก ไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ
ไม่เพียงแค่น้ำใส หาดทรายนุ่ม บรรยากาศดีเท่านั้นนะคะ ที่หาดทรายแก้วยังมีร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เราสามารถใช้เวลาที่นี่ได้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยล่ะ
ที่ตั้ง : พื้นที่โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ บริเวณอ่าวน้อย ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
โทรศัพท์ : 038-436-187 ต่อ 2070, 2607
GPS : https://goo.gl/maps/vfqW6ncTv2uzvdjU6
หลังจากเล่นน้ำจนตัวเปื่อย เรากับเพื่อนก็อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเช็คอินเข้าพักในเมืองสัตหีบที่จองไว้ “Summer Stay Sattahip” เพื่อนเราคุยว่าที่นี่เก๋มาก ซึ่งพอไปถึงก็เก๋ตามที่นางบอกจริงๆ แหละนะ ซึ่งที่นี่เป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา ที่ถูกรีโนเวทใหม่ให้ด้านบนเป็นที่พักแบบบูติคโฮเต็ล สไตล์ทรอปิคอลวินเทจ และด้านล่างเปิดเป็นบีชคาเฟ่เก๋ๆ ใจกลางเมืองสัตหีบ
สำหรับห้องพักของที่นี่จะมีให้เลือกด้วยกัน 4 แบบ 9 ห้อง คือแบบห้องดอร์มสำหรับ 8 คน และห้องเดี่ยวซึ่งมีขนาดแตกต่างกันไป ห้องที่เราพักอยู่ชั้น 2 คือห้อง Monstera ขนาด 28 ตร.ม. ภายในห้องตกแต่งแบบเรียบง่าย ดูอบอุ่น น่าเอนกายพักผ่อน มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลยล่ะ
นอกจากจะตกแต่งห้องสวยงามแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้ผู้เข้าพักหลงรักที่นี่ก็คือ อาหารเช้าที่เป็นเมนูเจ้าดังของตลาดสัตหีบ เช่น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวหมูฝอย สปาเก็ตตี้ ปาท่องโก๋ ขนมใส่ไส้ ที่ถึงแม้หน้าตาจะดูธรรมดาแต่รสชาติอร่อยแบบยกนิ้วให้เลยค่ะ
ที่ตั้ง : 333/98-99 ถ.เทศบาล 9 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 09.00 - 20.00 น.
โทรศัพท์ : 08-408-0074
GPS : https://goo.gl/maps/hApHWUbWRNC9pAKX7
เช็คอินเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วเราก็ชวนเพื่อนออกไปรับลมทะเลถ่ายรูปเล่นที่ “หาดดงตาล” ที่มีความยาวกว่า 400 เมตร ตั้งอยู่ในพื้นที่ของกองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่ ที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหาดที่สวยงามและเงียบสงบ อีกทั้งยังมีกิจกรรมการแล่นเรือใบและมีการสอนเล่นเรือใบด้วยนะคะ ถ้าเพื่อนๆ มานั่งเล่นริมหาดก็จะเห็นเรือใบแล่นอยู่ไม่ไกล
สำหรับไฮไลท์ของหาดดงตาลก็คือทิวต้นตาลที่ปลูกไว้ขนาบริมหาดจนกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของที่นี่เลยก็ว่าได้ นอกจากจะให้ร่มเงาแล้วยังถ่ายรูปออกมาเก๋กู้ดอีกด้วยนะ เราว่าถ้าเพื่อนๆ ชอบทะเลและอยากถ่ายรูปมุมเก๋ๆ ต้องไม่พลาดชายหาดนี้เลยล่ะ
ที่ตั้ง : ในพื้นที่ของกองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
GPS : https://goo.gl/maps/nXit5rzPwRMthhMm7
ได้รูปสวยลงโซเชียลแล้วเรากับเพื่อนก็ไปทานมื้อเย็นกันที่ร้าน “เพื่อนทะเล” ที่เราเลือกมาทานกันร้านนี้เพราะว่าคนท้องถิ่นแนะนำมาค่ะ เขาว่าร้านนี้บรรยากาศดี อาหารสด ใหม่อร่อย และราคาย่อมเยา ซึ่งเรากับเพื่อนก็จัดหนักสั่งกันมาเต็มโต๊ะเลย ทั้งหมดนี้ราคาไม่ถึงพัน รสชาติดี กินกันอิ่มมากๆ แทบจะกลิ้งกลับที่พักกันเลยค่ะ
ที่ตั้ง : ถนนเลียบชายทะเล ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 10.00 - 23.00 น.
โทรศัพท์ : 099-6235693
GPS : https://goo.gl/maps/81S4jH6pCHK1iJaNA
เช้าวันสุดท้ายเพื่อนเราปลุกมาอาบน้ำแต่งตัวและทานอาหารเช้าจากที่พักเพื่อขึ้นไปชมวิวมุมสูงที่ “เขาแหลมปู่เจ้า” เขานี้ตั้งอยู่ในเขตนาวิกโยธินทหารเรือสัตหีบค่ะ เพื่อนๆ ต้องแลกบัตรเข้ามาก่อนนะ จะบอกว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ภายในศาลจะบรรจุรูปหล่อของพระองค์ท่านขนาดเท่าพระองค์จริง รวมถึงเป็นที่เก็บอัฐิของพระองค์ท่านด้วย เรากับเพื่อนเลยอยากขึ้นมาสักการะท่านเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งระหว่างทางที่ขับรถขึ้นมาจะเจอกับน้องๆ ฝูงลิงด้วยนะคะ ถ้าใครอยากเอาอาหารมาให้น้องก็มีจุดให้อาหารอยู่ค่ะ
พอขึ้นมาถึงด้านบนจะมีซุ้มขายธูป เทียน ดอกไม้ขายด้วย พอสักการะเสร็จแนะนำให้จุดประทัดด้วยนะเพราะคนสัตหีบเชื่อกันว่าหากมาขอพรกับกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์แล้ว ถ้าอยากประสบความสำเร็จดังที่ขอควรจุดประทัดถวายท่านด้วย งานนี้เรากับเพื่อนเลยจุดประทัดกันรัวๆ ขอให้ลูกสมหวังด้วยเถิด เพี้ยง!
จุดประทัดกันไปแล้ว ก่อนกลับลงไปยังที่พักเราเลยเดินเล่นชมวิวด้านบนกันอีกสักนิด เพราะว่ากันว่าที่นี่วิวงามมากๆ แต่สิบปากว่าคงไม่เท่าตาเห็น แนะนำให้ขึ้นมาสักครั้งค่ะ เพราะวิวสวยจริงๆ แถมจุดชมวิวเขาแหลมปู่เจ้านั้นเราสามารถมองเห็นวิวอ่าวสัตหีบ อ่าวเตยงาม เกาะพระ เกาะเตาหม้อ รวมถึงอ่าวไทยได้อย่างชัดเจนกว้างไกลสุดสายตาเลย ที่สำคัญคือมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของชายหาดด้วยนะคะ
ที่ตั้ง : อยู่ในเขตนาวิกโยธินทหารเรือสัตหีบ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ ชลบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
โทรศัพท์ : 099-362-4299
GPS : https://goo.gl/maps/Bz5GnLgVYgPu4qCH9
หลังจากกลับลงมาจากเขาแหลมปู่เจ้า เราก็ตรงดิ่งกลับมายังที่พักเพื่อเก็บของและเช็คเอาท์ แต่ก่อนจะกลับเรากับเพื่อนตั้งใจว่าจะนั่งชิลที่คาเฟ่ด้านล่างกันสักพัก เพราะที่ Summer Stay Sattahip เป็นคาเฟ่บรรยากาศสุดชิลที่ถ่ายรูปสวยมาก ซึ่งการตกแต่งของที่นี่นั้นจะเป็นสไตล์ทรอปิคอลวินเทจ เน้นสีสันสดใสแบบบีชคาเฟ่เก๋ๆ คุมโทนด้วยสีเขียวอ่อนและสีชมพูอ่อนเป็นหลัก ภายในร้านมีมุมให้เลือกนั่งชิลหลายมุม จัดวางโต๊ะไม้คู่กับเก้าอี้หวายให้กลิ่นอายแบบทะเลตะวันตก ซึ่งก็ดูเข้ากันดีกับไม้ประดับสีเขียวขจีที่จัดวางไว้ตามมุมต่างๆ มองแล้วเพลินตามากเลยค่ะ
ถ่ายรูปกันจนครบเกือบทุกมุมแล้ว เราเลยชวนเพื่อนสั่งขนมและเครื่องดื่มมาทาน ซึ่งเราสั่งเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Lychee Tea เป็นแก้วที่มีความหอมของชาผสมกับความสดชื่นของลิ้นจี่แบบกำลังดีเลยค่ะ ส่วนเพื่อนเราสั่ง Passion Fruit Sparkling น้ำเสาวรสโซดาเปรี้ยวหวานซาบซ่าชื่นใจ กับ Choco mint รสชาติเข้มข้นถึงใจยิ่งทานคู่กับชีสเค้กโอรีโอเนื้อหนึบหนับ บอกเลยว่าความฟินอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ที่ตั้ง : 333/98-99 ถ.เทศบาล 9 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 09.00 - 20.00 น.
โทรศัพท์ : 08-408-0074
GPS : https://goo.gl/maps/hApHWUbWRNC9pAKX7
เติมพลังกันที่คาเฟ่แล้ว เรากับเพื่อนก็ขับรถกลับไปยังพัทยาแวะเที่ยว “เขาชีจรรย์” สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดชลบุรี เพราะที่นี่มีพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาหินด้วยแสงเลเซอร์ในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยถูกสร้างขึ้นมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ที่ทรงเสียดายความสวยงามของเขาลูกนี้ ประกอบกับเห็นว่าภูเขาถูกระเบิดทำลายอยู่เรื่อยๆ ท่านจึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้างเป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาลที่ 9 เป็นพระพุทธรูปแบบประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตรศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ซึ่งมีความสูงถึง 109 เมตร ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสรัชกาลที่ 9 ทรงครองศิริราชสมบัติครบ 50 ปี นั่นเองค่ะ
นอกจากมีพระพุทธรูปแกะสลักลายเส้นแล้ว พื้นที่รอบๆ ของเขาชีจรรย์ยังสวยงามและร่มรื่นมากเลยนะคะ เพราะรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีสนามหญ้าเปิดโล่งสามารถมองเห็นพระพุทธรูปได้อย่างชัดเจน เราว่าที่นี่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกจริงๆ ค่ะ
ที่ตั้ง : ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ใกล้วัดญาณสังวราราม
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
โทรศัพท์ : 063-842-7667
GPS : https://goo.gl/maps/8g9yo4QmFqwhgkrK8
จากเขาชีจรรย์เรากับเพื่อนก็รีบสตาร์ทรถขับไปเที่ยวต่อยัง “สวนน้ำรามายณะ” สวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งที่นี่มีเครื่องเล่นสไลเดอร์ 21 เครื่องด้วยกัน ตั้งอยู่ที่ท่ามกลางหุบเขาและทิวทัศน์ที่สวยงามของเขาชีจรรย์ อีกทั้งยังอยู่ติดกับไร่องุ่นซิลเวอร์เลค เป็นพิกัดที่ง่ายต่อการไปถึงมากเลยล่ะ พอเรามาถึงที่หมายสุดท้ายหลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้ริชแบรนด์ติดข้อมือมาคนละอัน โดยเราต้องใช้สแกน QR Code ผ่านประตูทางเข้าและใช้เปิดล็อกเกอร์เพื่อเก็บข้าวของ รวมไปจนถึงรับรูปและคลิปวิดิโอตามเครื่องเล่นต่างๆ ที่จะส่งตรงเข้าอีเมลและเราก็สามารถแชร์ลงโซเชียลต่อได้เลยทันที
สแกน QR Code ผ่านประตูมาแล้ว เรากับเพื่อนก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเล่นน้ำกันทันที และแน่นอนว่าอากาศร้อนๆ แดดแรงๆ แบบนี้ทางเราก็ไม่ลืมที่จะฉีดสเปรย์ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ เพื่อปกป้องผิวก่อนจะลงเล่นน้ำเพราะตัวนี้เป็นสูตรกันน้ำและทนต่อเหงื่อ ปราศจากน้ำมันและน้ำหอม แถมยังช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บอกเลยว่าของเขาดีจริงๆ สเปรย์เนื้อบางเบา เย็นสดชื่น ซึมซับสู่ผิวได้เร็ว ซึ่งเราขอแนะนำเพื่อนๆ ว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดก่อนออกกลางแจ้งสัก 15-30 นาทีนะคะ ที่สำคัญควรทาซ้ำๆ ทุก 2 ชั่วโมงและทุกครั้งหลังขึ้นมาจากเล่นน้ำด้วยนะจ๊ะ
เอาล่ะ เมื่อผิวพร้อมแล้วก็ได้เวลาท้าแดดจัดหนักจัดเต็มกับเครื่องเล่นสุดมันส์กันแล้วค่า ซึ่งเราขอเริ่มจากอควาโคสเตอร์ เครื่องเล่นที่ถูกออกแบบมาให้เล่นสำหรับห่วงยางแบบคู่ แต่เราสามารถเล่นคนเดียวได้นะคะถ้าน้ำหนักเกิน 45 กิโลกรัม โดยห่วงย่วงจะลื่นไหลไปตามท่อที่มีความยาวถึง 240 เมตร ความสนุกของเครื่องเล่นนี้จะอยู่ที่แรงดันน้ำผลักให้ห่วงยางลอยขึ้นและตกลง หมุนซ้ายขวาไปตามแรงเหวี่ยง ขอบอกว่าตื่นเต้นและสนุกมากๆ
ความสนุกยังไม่หมดเท่านี้ค่ะ เพราะเราจะไปเล่นเครื่องเล่นสุดเสียวอย่างเซอร์เพนไทน์กันต่อ บอกเลยว่าเจ้าเครื่องนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักการการผจญภัยแบบเรา เพราะเป็นสไลเดอร์แบบเปิดครึ่งหนึ่งและปิดอีกครึ่งหนึ่ง ตอนเล่นเราจะรู้สึกถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเร็วถึงขีดสุดก่อนหล่นลงสู่พื้นด้านล่างจนน้ำกระจาย เปียกสะใจปิดทริปสุดๆ
ที่ตั้ง : 9 หมู่ 7 ถ.บานเย็น ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 10.00 - 18.00 น.
โทรศัพท์ : 033-005-929
GPS : https://goo.gl/maps/eRPiSNuqwTRaSDRp9
สุดท้ายนี้ขอบอกเลยว่าทริปสัตหีบ - พัทยา 3 วัน 2 คืนนี้ ประทับใจเรากับเพื่อนสุดๆ นอกจากจะได้พักผ่อนแบบชิลๆ ไม่ต้องกังวลใจอะไรแล้ว ยังได้เล่นน้ำ ชมวิวสวย เช็คอินที่พักสุดเก๋ ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงเล่นสวนน้ำแบบสุดมันส์ ถือเป็นทริปที่ดีต่อใจเรามากๆ เพราะพอกลับมาทำงานไม่มีใครทักว่าคล้ำขึ้นเลย กรีดร้องสิจ๊ะ แบบนี้ต้องขอยกความดีความชอบให้ตัวช่วยสำคัญอย่าง Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ ที่ปกป้องผิวของเราตลอดทริป ของเขาดีขนาดนี้...ว่าแล้วก็เปิดปฏิทินแพลนทริปเที่ยวสู้แดดต่อไปกันเลยดีกว่า!
Tags: ชลบุรี ทริปตัวอย่าง สัตหีบ พัทยา เที่ยวสัตหีบ เที่ยวพัทยา เที่ยวทะเล รีวิวพัทยา รีวิวที่เที่ยวพัทยา รีวิวที่เที่ยวสัตหีบ รีวิวสัตหีบ คาเฟ่พัทยา คาเฟ่สัตหีบ ที่พักพัทยา ที่พักสัตหีบ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ ครีมกันแดด Banana Boat บานาน่าโบ๊ท ครีมกันแดดบานาน่าโบ๊ท BananaBoat tutu tutubeach ตูตู้บีช
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 553 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 919 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 649 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน ทริปตัวอย่าง | 11 ก.ย. 2024 | 1,998 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 05 ส.ค. 2024 | 1,756 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 31 ก.ค. 2024 | 1,249 อ่าน
ทริปตัวอย่าง ที่เที่ยว | 25 ก.ค. 2024 | 1,184 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 23 ก.ค. 2024 | 1,887 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 16 ก.ค. 2024 | 1,369 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 05 ก.ค. 2024 | 1,682 อ่าน