calendar_month 29 เม.ย. 2019 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 12,941 / รีวิวที่เที่ยว
ไปเที่ยวฟาร์มกันไหมคะ? แต่ฟาร์มที่เราจะพาไปไม่ต้องขับรถออกนอกเมืองให้วุ่นวาย เพราะยกมาไว้ใจกลางกรุง กับงานเทศกาล 101 กรีนเกินร้อย (Sustainable Fest) ที่ 101 True Digital Park ไลฟ์สไตล์คอมเพล็กซ์แห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานีบีทีเอสปุณณวิถี เดินทางง่ายสามารถนั่งรถบีทีเอสมาได้ ออกทางออกที่ 6 และมีทางเดินสกายวอล์คเชื่อมเข้าสู่ 101 True Digital Park เลยล่ะค่ะ หรือจะนำรถมาก็มีที่จอดรถให้บริการสะดวกสบาย
งานนี้เขาจัดเป็นครั้งแรกเลยค่ะ ใช้ชื่อตอนสุดน่ารักว่า From Farm to City “บ้านสวนเข้ากรุง” โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่าง 101 และ Ginger Farm Kitchen ร้านอาหารชื่อดังจากเชียงใหม่ที่มีคอนเซ็ปต์เก๋ๆ เหมือนชื่องานว่า From Farm to City ส่งตรงวัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์มออร์แกนิคมาปรุงเป็นอาหารอร่อยเสิร์ฟให้เราได้ทาน ซึ่งงานนี้จะจัดบริเวณชั้น 3 บริเวณกลาสเฮ้าส์ติดกับร้าน Ginger Farm Kitchen พร้อมกับจัดพื้นที่บริเวณชั้นดาดฟ้าให้กลายเป็นฟาร์มสุดเก๋ที่ได้ทั้งความรู้และยังมีมุมถ่ายรูปน่ารักอีกเพียบ
ก่อนจะไปชมงาน มาชมแผนผังสุดน่ารักในครั้งนี้กันก่อนเลย โดยจะแบ่งเป็นโซนเวิร์คช้อปและโซนตลาดสินค้าออร์แกนิคที่มีร้านให้เลือกซื้อสินค้าออร์แกนิคกว่า 10 ร้าน อ๊ะ แต่ไม่ต้องกลัวร้อนนะคะ เพราะจัดอยู่ในส่วนกลาสเฮ้้าส์แอร์เย็นเดินสบาย ส่วนโซนเอาท์ดอร์จะเนรมิตรชั้นดาดฟ้าของ 101 ให้เป็นฟาร์มจริงๆ มีการจำลองการปลูกข้าว การเลี้ยงไก่ การปลูกพืชผักสวนครัว มีโซนสนามเด็กเล่นให้น้องๆ หนูๆ ได้สัมผัสชีวิตแบบบ้านทุ่ง
ทางเข้างานจะอยู่บริเวณกลาสเฮ้าส์ติดกับร้าน Ginger Farm Kitchen เลยค่ะ โดยพอเดินเข้ามาจะพบกับโซนเวิร์คช้อปงานศิลปะทั้ง เพ้นท์กระเป๋าผ้า เพ้นท์กระถาง เพ้นท์ร่ม และเพ้นท์พัด ซึ่งจะมีให้บริการทุกวัน ส่วนตลาดสินค้าออร์แกนิคและกิจกรรมเวิร์คช้อปสุดพิเศษจะมีจัดทุกวันเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 20 พฤษภาคมกันเลย
สายช้อปอย่างเราก็ขอตรงดิ่งมายังตลาดออร์แกนิคก่อน โดยร้านค้าที่มาเปิดบูทส่วนมากจะเป็นกลุ่มเกษตรกรจากจังหวัดเชียงใหม่และจากทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลผลิตให้กับทาง Ginger Farm Kitchen งานนี้เราเลยได้พูดคุยกับพี่ๆ เกษตรกรพร้อมเลือกซื้อสินค้าออร์แกนิคที่สดใหม่และปลอดภัยกลับบ้านไปมากมายเลยล่ะค่ะ
วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ซึ่งมีลูกค้าครอบครัวเดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ตลาดแห่งนี้คึกคักและเต็มไปด้วยบทสนทนาดีๆ ระหว่างผู้บริโภคกับผู้ผลิต ใครอยากรู้ว่าผักชิ้นนี้ ผลไม้ชิ้นนั้นมีกรรมวิธีการปลูกและดูแลอย่างไรก็สามารถสอบถามกับพี่ๆ ได้เลย
เริ่มด้วยบูทนี้กับฟาร์มชื่อญี่ปุ่นว่าฮานาดะ จากอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของฟาร์มแห่งนี้คือคุณพิสมัย รอดสวาสดิ์ที่เล่าให้เราฟังว่าได้เรียนรู้การปลูกพืชเมืองหนาว เช่น มัลเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์ พืชผักสมุนไพร และหญ้าหวาน จากคุณฮานาดะซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น และนำมาแปรรูปให้กลายเป็นแยม น้ำ ผลไม้อบแห้ง ใครที่อยากมาอุดหนุนสินค้าเหล่านี้ก็สามารถมาเลือกซื้อกันได้เลย
สำหรับใครที่อยากเลือกซื้อเนื้อสัตว์ปลอดภัยจากฟาร์มออร์แกนิค แนะนำบูทนี้เลยค่ะ ขจรไชยโชติ ฟาร์ม จากจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการเลี้ยงที่ไม่ใช้วัคซีน ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้สารเร่งใดๆ กับไก่ที่เลี้ยง ให้อาหารผสมเป็นพวกรำข้าว และหยวกกล้วย จึงมั่นใจได้ว่าเนื้อไก่ และไข่จากฟาร์มนี้มีความปลอดภัยแน่นอน
ส่วนใครที่กำลังอยากซื้อข้าวหรือกาแฟออร์แกนิคแนะนำร้านนี้เลย มึกะคี จากอำเภอแม่กลางหลวง จังหวัดเชียงใหม่ โดยผลิตภัณฑ์ของฟาร์มมาจากกลุ่มชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ ประกอบไปด้วยผลไม้ พืชผักเมืองหนาว เช่น อะโวคาโด พลับ มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ข้าว กาแฟ ซึ่งครั้งนี้ทางกลุ่มได้นำข้าวกล้องและกาแฟอาราบิก้ามาจำหน่ายพร้อมกับให้เราได้ลองชิมด้วยค่ะ เราได้ลองชิมข้าวกล้องแล้วชอบมากๆ เพราะเป็นข้าวเม็ดกลมคล้ายข้าวญี่ปุ่นแต่มีความหนึบเหมือนข้าวเหนียว ส่วนกาแฟอาราบิก้ารสเข้มข้น และกลิ่นหอมมากๆ ใครอยากซื้อแบบเม็ดกาแฟ หรือแบบที่บดแล้วก็มีให้เลือกซื้อกลับบ้าน
กาแฟอาราบิก้า 100% หอมอร่อยมากๆ
ส่วนใครชอบทานชาแนะนำบูทของกลุ่มม่วนไจ๋ กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่จากอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ที่นำชาดอกไม้ ชาสมุนไพร ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวเหนียวลืมผัว ข้าวหอมมะลิ และข้าวทับทิมบุญแพ มาให้เราได้เลือกซื้อกลับบ้าน ซึ่งวันนี้เราได้ลองชิมชาดอกกุหลาบ ที่มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้เลือดไหลเวียนดี และบำรุงหัวใจ กลิ่นของชาหอมอ่อน และมีสีชมพูระเรื่อถูกใจเรามากๆ ค่ะ งานนี้เลยซื้อกลับไปหลายกระปุกเลย นอกจากนี้ยังมีชาใบเชียงดา ชาดอกเก๊กฮวย ให้ได้ลองชิมอีกด้วยนะ
พืชผักผลไม้จากสวนออร์แกนิคในจังหวัดนครนายกก็มีให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นมังคุด มะพร้าว หรือทุเรียนก้านยาวมา หวาน มัน อร่อยมากๆ
นอกจากพืชผักต่างๆ แล้วภายในงานยังมีการโชว์ผลิตภัณฑ์จากไบโอ-อีโค ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพปลอดภัยสามารถย่อยสลายได้ 100 % โดยผลิตจากข้าวโพด อ้อย และมันสำปะหลัง ใครที่อยากเปลี่ยนไลฟ์สไตล์มาใช้ผลิตภัณฑ์แนวอีโค่เฟรนด์ลี่แบบนี้ก็มาเลือกซื้อกันได้เลย
มุมถ่ายรูปน่ารักในงาน
ส่วนโซนด้านนอกจะเป็นส่วนเอาท์ดอร์ที่จัดเป็นฟาร์มสุดน่ารักให้แชะภาพกันหลากหลายมุม แนะนำว่ามาตอนเย็นๆ แดดร่มลมตกบรรยากาศเหมาะกับการมาถ่ายรูปมากๆ
มีส่วนสนามเด็กเล่นสไตล์บ้านทุ่งที่นำกองฟางมาทำเป็นที่นั่งให้น้องๆ หนูๆ ได้ปีนเล่น และเป็นมุมถ่ายรูปสิดฮิต พร้อมกันนั้นยังมีชิงช้าให้ได้สนุกกันทั้งครอบครัว
ทุ่งนาก็มีนะเธอ โดยมีการจำลองการปลูกข้าว และให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตข้าวตั้งแต่การตกกล้า การปักดำ ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ทำให้เราได้รู้ว่ากว่าจะมาเป็นข้าวหนึ่งจานให้เราได้ทานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ชมวิธีการเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดี ซึ่งเป็นการเลี้ยงไก่ในพื้นที่กว้างมีรั้วหรือคอกล้อมไว้และอาจะปล่อยให้หาอาหารตามธรรมชาติบ้างบางโอกาส ทำให้ไก่ของที่นี่อารมณ์ดี แข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค และส่งผลให้เราได้บริโภคไข่ไก่ที่มีคุณภาพ
มุมตรงนี้จะมีการนำพริก นำกล้วย มาตากแห้งแสดงถึงวิถีชีวิตของเกษตรกรไทย ส่วนด้านหลังทำเป็นที่นั่งบนกองฟัง สำหรับการนั่งฟังเสวนาในยามเย็น ซึ่งทุกวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 5 โมงเย็นจะจัดให้มีการเสวนาโดยมีวิทยากรเป็นเหล่าเกษตรกร เจ้าของแบรนด์ เจ้าของร้านที่เกี่ยวกับสินค้าออร์แกนิคหมุนเวียนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ให้เราได้ฟัง
หลังจากถ่ายรูปสวยๆ ด้านนอกกันแล้วก็ขอหลบร้อนเข้ามาตากแอร์เย็นๆ ที่ด้านในกลาสเฮ้าส์ พร้อมร่วมเวิร์กช้อปงานศิลปะที่มีทั้ง การเพ้นท์กระเป๋าผ้า (250 บาท) เพ้นท์กระถาง (250 บาท) เพ้นท์ร่ม (250 บาท) และเพ้นท์พัด (150 บาท) โดยครั้งนี้เราขอเลือกเพ้นท์ร่มกับกระเป๋าผ้าค่ะ ทำเสร็จก็สามารถนำกลับบ้านได้เลย
ส่วนในตอนบ่ายเรารอทำกิจกรรมเวิร์คช้อปการหุงข้าวสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ซึ่งสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ฟรีที่เฟ้สบุ้คเพจของทาง 101 >>https://web.facebook.com/101thethirdplace/ และยังได้รับของที่ระลึกกลับบ้านอีกด้วย
เวลาของกิจกรรมจะเริ่มตอนบ่าย 2 ค่ะ จะมีพี่เจ้าหน้าที่มาเล่าเรื่องการหุงข้าวสมุนไพรให้ฟัง และให้เราเลือกสีที่เราจะทำ โดยสีม่วงจะมาจากข้าวโพดหวานสีม่วง สีฟ้ามาจากอัญชัน สีเหลืองมาจากขมิ้น และสีเขียวมาจากใบเตย สำหรับเราเลือกเป็นสีฟ้าจากดอกอัญชันค่ะ
พอเลือกได้แล้วก็ถึงขั้นตอนทำค่ะ วิธีทำง่ายและไม่ซับซ้อนเลยค่ะ โดยนำอัญชันมาใส่กระชอนลวกน้ำร้อนก่อนหนึ่งครั้ง จากนั้นก็นำอัญชันใส่ในชามที่เราเทน้ำร้อนลงไป ใช้มือขยำเพื่อคั้นให้น้ำอัญชันออกมาแล้วนำมาพักเอาไว้ นำข้าวสารลงไปใส่ในหม้อดิน ตามด้วยน้ำอัญชันที่คั้นแล้ว และนำไปนึ่งประมาณ 45 นาทีก็จะได้ข้าวสมุนไพรสีสวย หอม อร่อย
หลังจากทำกิจกรรมเสร็จก็ได้ข้าวหม้อนี้กลับไปเป็นของฝากที่บ้านด้วย
งานดีๆ แบบนี้เราไม่อยากให้คุณพลาด เพราะนอกจากจะได้รับความสุขจากการได้ซื้อสินค้าทางการเกษตรซึ่งเป็นสินค้าออร์แกนิคปลอดสารพิษจากผู้ผลิตโดยตรงแล้ว ยังได้ความสนุก ความรู้จากกิจกรรมเวิร์คช้อป และกิจกรรมพูดคุยเสวนาที่น่าสนใจอีกด้วย
งาน 101 กรีนเกินร้อย (Sustainable Fest) ที่ 101 True Digital Park แห่งนี้จะจัดตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 20 พฤษภาคมนี้ พิเศษในวันที่ 20 พฤษภาคมพบกับกิจกรรม FARM TO CITY DINNER จะมานำเสนออาหาร 9 คอร์สโดย เชฟ Carsten Kyster เชฟชาวเดนมาร์กเจ้าของตำราอาหารชื่อดังที่ได้รับรางวัล คุณจะได้ลิ้มลองอาหารเหนือแนวใหม่ที่เข้าใจง่ายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติ โดยรายได้จากการขายบัตรไม่หักค่าใช้จ่าย สมทบทุนศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สนใจซื้อบัตร Charity Dinner ติดต่อ คุณธันย์นิชา โทร.02-092-6943 หรือโทร. 064-6396956 หรือ คุณกัลยา โทร.02-092-6941 หรือโทร. 081-3761640
ส่วนใครที่อยากรู้ว่าในแต่ละอาทิตย์จะมีกิจกรรมอะไรน่าสนใจสามารถชมได้ที่ตารางด้านล่างนี้เลย หรือสามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟ้สบุ้คของเพจทาง 101 >>https://web.facebook.com/101thethirdplace/ โดยจะมีการอัพเดตข่าวคราวกิจกรรมต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
Tags: กรุงเทพฯ 101 กรีนเกินร้อย 101 True Digital Park Sustainable Fest ที่เที่ยวกรุงเทพฯ เที่ยวกรุงเทพฯ Ginger Farm Kitchen
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 03 ก.ค. 2024 | 1,846 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 28 เม.ย. 2024 | 2,672 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 08 มี.ค. 2024 | 2,716 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 06 ก.พ. 2024 | 3,648 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 29 ม.ค. 2024 | 4,407 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 24 ม.ค. 2024 | 3,329 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 22 ม.ค. 2024 | 6,182 อ่าน