ทริปทรานส์ไซบีเรีย ปักกิ่ง-มอสโคว มนุษย์เงินเดือนก็ไปได้ 14 วัน งบ 60,000 บาท รวมทุกอย่าง! อัพเดท 2019 [ตอนที่ 1]

• ทริปช่วงต้นเดือนเมษายน-สงกรานต์ (ปลายหน้าหนาว-ใบไม้ผลิ) อุณหภูมิอยู่ในช่วง -15 ถึง 10 องศา
• ทริป 14 วัน แวะเที่ยวปักกิ่ง 1 วัน, นั่งรถไฟทรานส์มองโกเลีย 1 วันครึ่ง,  เที่ยวมองโกเลีย 2 วัน (นอน Ger 1 วัน) ,นั่งรถไฟจากมองโกเลียไปรัสเซีย 1 วันครึ่ง, เที่ยวเอียร์คุช 1 วัน, นอนทะเลสาบไบคาล 1 วัน, อยู่บนรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียอีก 3 วันครึ่ง, เที่ยวมอสโคว 2 วัน
• ช่วงฤดูของไซบีเรีย แบ่งตามช่วงเที่ยวง่ายๆ คือ ช่วงหน้าหนาว ต.ค.-เม.ย.สำหรับช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค อากาศหนาวจัดถึง -30 องศา ใครชอบหนาวๆ ช่วงนี้เลย ค่าตั๋วถูกด้วยนะ แต่จะได้วิวหิมะล้วนๆ และช่วงหน้าร้อน(ช่วงพีค) พ.ค.- ก.ย. จะได้วิวต้นไม้เขียวๆ แต่ตั๋วแพงกว่าหน้าหนาว
• งบเฉพาะค่าเดินทาง (รถไฟ+เครื่องบิน) ประมาณ 38,000 บาท

รีวิวนี้จะเป็นทริปนั่งรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียแบบชิลๆ เรียบง่าย เที่ยวที่ป๊อบๆ เดินทางจากปักกิ่ง ไปอูลานบาตอร์ นอนเกอร์ในอุทยานแห่งชาติเทเรลจ์ - เที่ยวเอียร์คุช ปารีสแห่งไซบีเรีย - นอนริมทะเลสาบน้ำแข็งไบคาลที่ลิสวานก้า แล้วนั่งรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียไปเที่ยวมอสโควอีก 2 วัน  เน้นสำหรับคนมีเวลาเที่ยวน้อย มีเวลาหาข้อมูลน้อย ก็ใช้รีวิวนี้เป็นตัวอย่างทริปได้เลยครับ หรืออย่างน้อยก็ใช้เป็นอีกข้อมูล เพื่อเปรียบเทียบในการวางทริปที่ถูกใจเพื่อนๆ ครับ

มาดูเรื่องค่าใช้จ่ายกัน แบ่งเป็น

[เดินทาง]เครื่องบินไปจีน Air China  10,257บาท

[ที่พัก]ที่พักจีน 1 คืน NovotelBeijing Xinqiao 1,140บาท

[เดินทาง]ตั๋วรถไฟ ปักกิ่ง - อูลันบาตอร์ Deluxe Soft Sleeper 10,500บาท

[ที่พัก]ที่พัก Khongor Guesthouse 330บาท

[ที่พัก]ที่พัก Ger ในอุทยานฯเทเรลจ์ (อาหาร 3 มื้อ ขี่ม้า รถไปกลับ) 3,100บาท

[เดินทาง]ตั๋วรถไฟอูลานบาตอร์ - เอียร์คุช Soft Sleeper 2,900บาท

[ที่พัก]ที่พักไบคาน Guest House Russky Dom 440 บาท

[ที่พัก]ที่พักเอียร์คุช Hostels Rus 620 บาท

[ที่พัก]ที่พักเอียร์คุช Hostel Tri Matryoshki 265 บาท

[เดินทาง]ตั๋วรถไฟ เอียร์คุช - มอสโค Soft Sleeper 5,256 บาท

[ที่พัก]ที่พักมอสโค 2 คืน Nereus Hostel 970 บาท 

[เดินทาง] ตั๋วกลับมอสโค-กรุงเทพ 9,270 บาท

รวมค่า [ที่พัก] ทั้งหมด 6,856 บาท

รวมค่า [เดินทาง] ทั้งหมด 38,138 บาท

รวมทั้งหมด คนละ 44,994 บาท

งบที่ว่า 60,000 บาท/คน คืองบทีใช้จริงของทริปนี้ ซึ่งหากจองที่พัก หรือ กินอาหารที่แพงกว่าหรือถูกกว่า งบก็จะต่างกันไป ทั้งนี้อาจรวมถึงช่วงเวลาเดินทางที่ทำให้ราคาค่าตั๋วหน้าโลว์-ไฮ ต่างกันไปอีก  แต่คร่าวๆ ก็จะสรุปค่าใช้จ่ายทริปในช่วง 5 -18 เมษายน 2562 (14 วัน) ไว้ประมาณนี้ครับ 

ค่าเดินทาง 38,138 บาท ค่าที่พัก 6,856 บาท ใช้กินเที่ยวช้อป อีกประมาณ 15,000 บาท ก็จะจบที่ 60,000 บาทต่อคน (ไม่รวมค่าเสื้อกันหนาวและคอสตูมต่างๆ นะ บอกเลยว่าเยอะกว่าค่าที่พักอีก 55555)

เตรียมตัวก่อนเดินทาง ขึ้นรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย

นอกจากวีซ่าจีนแล้ว หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องตั๋วรถไฟทรานส์มองโกเลีย ทรานส์ไซบีเรีย ตั๋วเครื่องบิน และ ที่พัก อันไหนจองได้ก็จองไปก่อนจะได้ไม่รนครับ

- ตั๋วรถไฟจาก ปักกิ่ง ไป อูลานบาตอร์ (สายทรานส์มองโกเลีย) 

ใช้เวลาเดินทางราว 37 ชั่วโมง

เราจองกับ Travel China Guide ในราคา 318 USD (10,500 บาท) เป็นตั๋วชั้น 1 Deluxe Soft Sleeper ห้องละ 2 เตียง ใช้ห้องน้ำร่วมกับอีกห้อง ซึ่งช่วงนั้นไม่สามารถจอง Soft Sleeper ได้ครับ (เลยต้องเพิ่มเงินอีก 25 USD/คนเพื่อจอง deluxe) แต่ก็ยังราคาถูกกว่าจอง Soft Sleeper กับ CITS ร่วม 70 USD จึงตัดสินใจจองกับ Travel China Guide แถมเอเจนต์เจ้านี้มีบริการส่งตั๋วไปยังที่พักก่อนเช็คอิน เราก็ไปรับตั๋วได้เลย ณ ที่พักที่เราจองไว้ ไม่ต้องไปรับที่ตึก CITS

(รถไฟ Deluxe Soft Sleeper - ห้องน้ำส่วนตัวแชร์กับอีกห้อง หรูหรามั่กๆ)

- ตั๋วรถไฟจาก อูลานบาตอร์ ไป เอียร์คุช (สายทรานส์มองโกเลีย) 

ใช้เวลาเดินทางราว 27 ชั่วโมง 

พวกเราฝาก Khongor Guesthouse ซึ่งเป็นที่พักที่เรานอนคืนแรกจองให้ครับ ราคาคนละ 2,900 บาท (Soft Sleeper) ไปซื้อเองที่สถานีอาจถูกกว่า แต่เราไม่กล้าครับ ภาษาไม่แข็งแรง ฝากเขาซื้อไปเลย จบปิ๊ง 

- ตั๋วรถไฟเอียร์คุช ไป มอสโคว (สายทรานส์ไซบีเรีย)

ใช้เวลาเดินทางราว 82 ชั่วโมง  

รถไฟรัสเซียจองง่ายมาก ฃจองล่วงหน้าได้ 90 วัน ลิงก์นี้เลย จองตั๋วรถไฟรัสเซีย เข้าไปแล้วเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษที่ไอคอนด้านบนก่อน แล้วก็จิ้มเลือกเมืองที่จะขึ้น เช่น Irkutsk และเมืองที่จะลงก็เลือก Moskva แต่แนะนำว่าควรเลือกตู้ที่เขียนว่า Service Class : 2Э เพราะคือดีที่สุดและมีห้องน้ำแบบ Bio Toilet นั่นเอง ราคาประมาณ 5,000 - 7,000 บาท

แล้วเราก็ได้ e-ticket มาหน้าตาแบบนี้ ปริ้นท์เก็บไว้ใช้ยื่นตอนขึ้นรถไฟได้เลยครับ

การทำวีซ่าจีน

การขอวีซ่าจีนแบบ L (ท่องเที่ยว) ต้องขอก่อนเดินทางอย่างน้อย 15 วัน และขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 120 วัน ที่อาคารธนภูมิ ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 เวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ 9:00 – 15:00 น. วิธีเดินทางง่ายๆ ก็ไปลง MRT เพชรบุรีแล้วนั่งวินมอไซค์ 20 บาทครับ หรือใครขับรถไปก็ จิ้มเพื่อดูแผนที่ ได้เลยครับ

เอกสารที่ต้องเตรียม

• 1 กรอกแบบฟอร์มของศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าจีน โหลดได้ที่นี่ แบบฟอร์มของศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าจีน 

• 2 Passport หนังสือเดินทางฉบับล่าสุด มีอายุคงเหลือมากกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างสำหรับวีซ่าไว้ 2 หน้า พร้อมถ่ายสำเนาไปอีก 1 ฉบับ

• 3 ใบยืนยันการจองตั๋วเครื่องบิน

• 4 ใบยืนยันการจองโรงแรมที่พัก(เฉพาะโรงแรมในจีน)

• 5 เอกสารรับรองการทำงาน ที่ทางบริษัทออกให้

• 6 รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป พื้นขาวไม่มีกรอบ ต้องเห็นหู ห้ามใส่แว่นหรือยิ้มยิงฟัน รูปหนึ่งทากาวติดแบบฟอร์มไว้ได้เลย อีกรูปเอาที่คลิปมาหนีบไว้ ถ้าลืมเอารูปไป ที่สำนักงานมีบูทให้ถ่ายรูปครับ

ค่าทำวีซ่าจีนราคา 1,500 บาท แบบธรรมดาใช้เวลา 4 วัน (แบบด่วน 2 วัน) ไม่รวมเสาร์อาทิตย์ จ่ายเงินตอนไปรับ (ให้แมสเซนเจอร์เอาใบเสร็จไปรับแทนก็ได้) สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-207-5888

- ซิมอินเตอร์เน็ตต่างประเทศ

เราใช้ของ Sim2Fly แพคเกจ 900 บาท ได้เน็ต 6Gb ใช้ได้ 15 วัน ถ้าเน็ตหมดก็เติมเงินเพิ่มเข้าไปได้ ใช้ได้ทั้งจีน และรัสเซีย (มองโกเลียใช้ไม่ได้ แต่ไปซื้อซิมที่โน่นเจ๋งกว่า) ซื้อที่สนามบินสุวรรณภูมิ วิธีใช้ก็ง่าย แค่เปลี่ยนซิม เปิดโรมมิ่ง ก็ใช้ได้ทันที สะดวกดีครับ ความเร็วแล้วแต่พื้นที เมืองใหญ่เน็ตเร็วดีครับ

จองตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟทรานส์ไซบีเรีย จองที่พัก ทำวีซ่าจีนครบแล้ว 

มาเริ่มทริปกันเลยครับ!

DAY 0 พฤหัสที่ 4 เมษายน กรุงเทพ - ปักกิ่ง

เราบิน Air China ใช้เวลาบิน 4.50 ชั่วโมง ราคาคนละ 10,257 บาท เครื่องออก 19.35 ถึงปักกิ่งตี 2.25 

คืนนี้หาที่ซุกตัวจนถึงเช้า ค่อยไปเช็คอินโรงแรม แนะนำเทอร์มินอล 3 จะมีที่นั่งโค้งๆ รอบเสาใหญ่ๆ ใช้นอนได้นะครับ ส่วนใครหิวลองนั่ง shuttle bus ไปเทอร์มินอล 2 ดู มี KFC และมินิมาร์ท และสามารถขึ้นรถไฟและรถบัสเข้าเมืองจากเทอร์มินอล 2 ได้เช่นกัน

DAY 1 ศุกร์ที่ 5 เมษายน จากสนามบินเข้าเมืองปักกิ่ง

ปักกิ่ง : อุณหภูมิ สูงสุด 14 องศา ต่ำสุด 3 องศา

เงิน : หยวน (1 หยวนราวๆ 5 บาท)

ดาวน์โหลดแผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่งได้ ที่นี่

 (จิ้มที่รูปเพื่อเปิดภาพใหญ่)

วิธีเข้าเมืองปักกิ่งจากสนามบินปักกิ่ง

1) นั่งรถไฟ Airport Express จาก Terminal ไหนก็ได้ครับ รอบแรกออก  06: 35 ราคา 25 หยวน วิ่ง 45 นาที มาลงที่สถานี Dongzhimen แล้วซื้อบัตร Beijing Transportation Smart Card 50 หยวน ใช้ขึ้นรถไฟและสาธารณูปโภคต่างๆ (บัตรจะคิดมัดจำ 20 หยวน เหลืองเงินในบัตร 30 หยวน แต่ค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเที่ยวละราวๆ 3 หยวนเองครับ ใช้ไม่พอก็ไปเติมเงินเพิ่มได้ครับ)

2) นั่งรถเมล์เข้าเมือง เป็นรถ Night Bus สาย 2 (ที่วิ่งไป Xidan) ที่ซื้อตั๋วของ Terminal 3 จะอยู่ตรงชั้ัน 1 ทางออกประตู 7 และ 9 ส่วนจุดขึ้นรถจะอยู่ตรงประตู West Gate ชั้น 1 ค่ารถ 30 หยวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 70 นาที ไปลงที่ Beijing Railway Station ได้เลย

8.00

เรามาฝากกระเป๋ากับที่พัก และรับตั๋วรถไฟไปมองโกลที่จองไว้กับ Travel China Guide ที่เคาน์เตอร์ ให้มั่นใจแล้วค่อยไปเที่ยว กำแพงเมืองจีน ต่อ

วิธีไปกำแพงเมืองจีน ชมความงามสิ่งมหัศจรรย์ของโลก!

9.00 

แต่เช้า เรานั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี  Jishuitan  exit A ออกมาแล้ว เลี้ยวซ้าย เดินไปเรื่อยๆ มีป้ายภาษาอังกฤษบอกตลอดครับว่าสาย 877 ไปทางไหน  เดินตามป้ายไปจนเจอท่ารถเมล์ ก็เดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอจุดจอดรถบัส 877 ก็ไปต่อแถวขึ้นได้เลยครับ  ราคา 6 หยวน (ใช้บัตร Beijing Transportation Smart Card) ถ้าบางคันไม่ยอมให้ใช้บัตรก็จ่ายเงินสด 12 หยวนครับ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง เที่ยวรถขาไป 6.00-12.30 ขากลับ 11.00-17.00

12.00 

ถึงด่าน ปาต้าหลิง เสียค่าเข้า 40 หยวน ใครฟิตลองเดินเส้นทาง 12 ป้อม (ไฮไลท์อยู่ป้อม8) ใช้เวลาเดินราว 3 ชั่วโมง(ในกรณีคนไม่เยอะ) ใครอยากขึ้นกระเช้าไปป้อม8เลย ก็ราคา 100 หยวน แล้วถ้าซื้อขากลับก็อีก 40 หยวน ฉะนั้นรวมราคาค่าเข้าและขึ้นกระเช้าไปกลับก็อยู่ที่ 180 หยวนหรือเกือบ 1,000 บาทเลยทีเดียว

รูปจาก  Travel China Guide

(*แนะนำว่าอย่ามาวันที่เป็นวันหยุดพิเศษของจีนอย่างพวกเรานะครับ จะเจอแต่ฝูงชนจนไม่เห็นความงามของกำแพงเมืองจีนเลยครับ เบียดคนเหนื่อยสุดๆ ก่อนเที่ยวเช็ควันให้ดีนะ5555)

 คนจะเยอะประมาณนี้5555

16.00

เดินจนเหนื่อยก็เดินทางกลับถึงเมือง นั่งรถไฟใต้ดิน(สายสีแดง)ไปถ่ายรูป จัตุรัสเทียนอันเหมิน ที่สถานี Tian anmen East station 

และปิดท้ายการเที่ยวจีนของเราที่ ถนนคนเดินหวังฝูจิ่ง ที่สถานีรถไฟใต้ดิน Wangfujing อยู่ถัดจากสถานีเทียนอันเหมินไป 2 สถานี ไฮไลท์คือ ต้องเดินไปจนเจอซุ้มประตูจีนๆ ซึ่งคือทางเข้าโซนอาหารแปลกแหวกแนว ปลาดาว แมงป่อง ตะขาบเสียบไม้ทอดมาหมดครับ แต่เราไม่ได้กิน ใจไม่ถึงครับ 5555 (อย่างที่บอกว่าเป็นวันพิเศษของจีน คนเยอะมาก เข้าไปเบียดไม่ไหวจริงๆ)

21.00 น.

กลับที่พักเข้านอนเพราะจะออกไปรอขึ้นรถไฟที่ Beijing Railway Station แต่เช้าเลยครับ ออกแนวตุนเสบียงด้วย กลัวอาหารไม่ถูกปาก กะว่าจะจัดเสบียงไปเต็มที่

[ตอนที่ 1] เตรียมตัวและเที่ยวปักกิ่ง

อ่านต่อ [ตอนที่ 2] นั่งรถไฟปักกิ่ง-มองโกเลีย ทรานส์มองโกเลีย

อ่านต่อ [ตอนที่ 3] เอียร์คุช ปารีสแห่งไซบีเรีย - ลิสต์วานก้า ทะเลสาบน้ำแข็งไบคาล

อ่านต่อ [ตอนที่ 4] นั่งรถไปสายทรานส์ไซบีเรีย เอียร์คุช - มอสโคว  5180 กิโลเมตร!  82 ชั่วโมง! ก็มาดิค๊าบ

ทริปทรานส์ไซบีเรีย ปักกิ่ง-มอสโคว มนุษย์เงินเดือนก็ไปได้ 14 วัน งบ 60,000 บาท รวมทุกอย่าง! อัพเดท 2019 

Tags: trans-siberian ทรานไซบีเรีย ทรานส์ไซบีเรีย รัสเซีย จีน ปักกิ่ง อูลานบาตอร์ มองโกเลีย ไบคาล ทะเลสาบน้ำแข็ง เอียร์คุช การเดินทางต่างประเทศ ซื้อตั๋วรถไฟทรานส์ไซบีเรีย ทรานส์มองโกเลีย นั่งรถไฟ รถไฟ ลิสต์วานก้า เทเรลจ์ นอนเกอร์ นอนเกีย มอสโคว mongolia russia moscow irkutsk listvyanka bikal ทะเลสาบ ไซบีเรีย

เขียนโดย

Omega Chillpainai

แชร์บทความนี้