0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

สุพรรณจ๋าฉันม๋าแล้ว - 10 จุดเช็ค อิน พัก กิน เที่ยวสุพรรณบุรี

calendar_month 29 มี.ค. 2019 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 586,449 / สถานที่ยอดนิยม

นี่ก็ม๋า นั่นก็ม๋า โอ๊ยโน่นก็ม๋า ม๋าเที่ยวสุพรรณบุรีกันเถอะจ้า

(ฉัน)จะเล่าให้ฟังว่าเมืองสุพรรณบุรีนั้นน่ารักขนาดไหน แม้จะเป็นเมืองรองที่หลายคนอาจจะคิดว่าใกล้กรุงแค่เนี้ย เที่ยวเมื่อไรก็ได้ แต่(ฉัน)บอกเลยว่าเมื่อคุณได้มาทำความรู้จักความน่ารักของเมืองคนเหน่อแห่งนี้ คุณจะไม่ผลัดวันประกันพรุ่งในการมาเที่ยวสุพรรณบุรีแน่นอน เพราะที่นี่มีที่เที่ยวเยอะจนเรียกว่าเที่ยวแบบไม่หวาดไม่ไหว เที่ยววันเดียวก็ไม่พอ แถมอาหารของสุพรรณบุรีนั้นมีให้กินเพียบ อร่อยจนน้ำตาไหล อิ่มแล้วก็หาที่พักน่ารักที่มีให้เลือกมากมายนอนพักกันสักคืน สองคืน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามม๋า ฉันจะพาไปเที่ยวสุพรรณบุรีกันจ้า

10 จุดเช็ค อิน พัก กิน เที่ยวสุพรรณบุรี

 

ม๋าเช็คอินที่เที่ยวสุพรรณบุรี

อยากชมวิถีชีวิตชาวสุพรรณบุรี หรืออยากหาที่เที่ยวธรรมชาติที่สุพรรณบุรีก็มีให้เลือกเยอะ ส่วนใครเป็นสายเซลฟี่ชอบหาที่ถ่ายรูปสวยๆ เมืองสุพรรณแห่งนี้ก็มีเช่นกัน วันนี้เราเลยขอเลือกที่เที่ยวเด็ดๆ น่าไปเช็คอินให้เพื่อนๆ ได้มาวางแผนเที่ยวสุพรณบุรีกันค่ะ

Navy01.jpg

ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์

แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ในอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี

เริ่มต้นด้วยแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่วินาทีนี้กำลังมาแรงสุดๆ นั่นก็คือ ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงตลาดน้ำแล้วค่ะ ทำเลที่ตั้งของตลาดตั้งอยู่ระหว่างศูนย์หัตถสานบ้านต้นตาล กับสะพานโค้ง 100 ปี วัดทองประดิษฐ์ เวลาตั้ง GPS พิมพ์ว่า "สุ่มปลายักษ์" อากู๋กูเกิลจะพาเราเข้าทางด้านหน้าตลาด ซึ่งเส้นทางนี้ถนนค่อนข้างแคบและไม่มีที่จอดรถจ้า ต้องจอดบริเวณริมถนนแบบซ้อนคัน อีกวิธีพิมพ์ว่า "วัดทองประดิษฐ์" แล้วอากู๋จะพาเราไปอีกทางโดยเข้าทางวัดทองประดิษฐ์ เส้นทางนี้ทางจะค่อนข้างดีกว่า และมีที่จอดรถกว้างขวาง

ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์ ที่เที่ยวสุพรรณบุรี

ทำไมถึงต้องเป็นสุ่มปลายักษ์? คือคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อเราเดินทางมาถึงที่นี่ พอไปคุยกับพี่ๆ พ่อค้าแม่ค้าก็ถึงบางอ้อเลยค่ะ เพราะชาวบ้านแถวนี้อาชีพหลักคือเกษตรกรรม ทำนา และชาวบ้านที่อาศัยริมคลองมักมี "สุ่มจับปลา" เอาไว้จับปลานำมากิน "สุ่ม" จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงวิถีชีวิตของชาวสองพี่น้อง ซึ่งการสร้างสุ่มปลายักษ์แห่งนี้เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านในอำเภอสองพี่น้องที่ใช้ไม้ไผ่กว่า 5,000 ลำ มาสร้างเป็นสุ่มยักษ์สูง 4 ชั้น บนปากสุ่มสามารถขึ้นไปชมวิวของตลาดน้ำและทุ่งนาสีเขียวขจีได้แบบ 360 องศา

ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์ ที่เที่ยวสุพรรณบุรี

มีทางเดินสะพานไม้ไผ่คดโค้งยาวประมาณ 300 เมตรที่ทอดยาวไปในบึงบัว ขนานไปกับคลองสองพี่น้อง และไปสุดที่สะพาน 100 ปีของวัดทองประดิษฐ์ โดยทั้งสองข้างทางของสะพานจะมีพ่อค้า แม่ค้า พายเรือมาขายอาหาร ของกินในท้องถิ่น เช่นกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ก๋วยเตี๋ยวเรือ กาแฟโบราณ ขนมของกินมากมายในราคาที่ไม่แพงเลยล่ะค่ะ เริ่มต้นที่ 10 บาทเท่านั้น ถ้าอยากจะเดินตลาดนี้ให้ฟิน เราขอแนะนำให้มาตอนเวลา 7.00 - 10.00 น. นะคะ เพราะเป็นช่วงที่อากาศกำลังดีไม่ร้อน ไม่ต้องเดินไป เหงื่อไหลไคลย้อยไป จะเดินกินสักสิบร้านก็ไม่ต้องกลัวร้อนเลยล่ะค่ะ

ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์ ที่เที่ยวสุพรรณบุรี

ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์ มีให้เดินกันทุกวันค่ะ แต่วันธรรมดาของจะน้อย แนะนำมาวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีบริการเรือให้พายเล่นลำละ 20 บาท หรือถ้าพายไม่เป็นอยากใช้บริการคุณลุง คุณป้า ที่พายเรือแจวโบราณพาเราเที่ยวก็สามารถไปใช้บริการได้เลย ท่าเรือจอดอยู่บริเวณทางเดินไม้ไผ่ปลายสุดตลาดตรงสะพาน 100  ปี ของวัดทองประดิษฐ์ ราคาค่าเรือคนละ 20 บาทเท่านั้น นั่งชิลๆ ชมวิวตลาดน้ำและวนกลับมาส่งที่เดิม ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้นค่ะ

ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์ ที่เที่ยวสุพรรณบุรี

ที่ตั้ง : ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์ ตำบลต้นตาล อำเภอสองพี่น้อง สุพรรณบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลาประมาณ 7.00-17.00 น.


แผนที่การเดินทาง GPS ตลาดน้ำสะพานโค้ง สุ่มปลายักษ์ ที่เที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี

 

Navy02.jpg

ชุมชนตำบลบ้านแหลม สุพรรณบุรี

สัมผัสวิถีชีวิตสุดสโลว์ไลฟ์ริมแม่น้ำท่าจีน

 

"เอิง เงอ  .. เอิ้ง เงย .. ชะเอิงเงิงเงย .. ชะเออเงิงเง้ย .. เฮ้ เอ้า เฮ้ เฮ้
บ้านแหลมเป็นชาวนาลงแขกเกี่ยวข้าวตั้งแต่โบราณ...
เฮ้ เอ้า เฮ้ เฮ้
จำได้ว่าใครช่วยเกี่ยวอีกประเดี๋ยวจะมาช่วยฉัน...
เฮ้ เอ้า เฮ้ เฮ้
ไม่ต้องจ้างด้วยเงินด้วยทองตอบแทนพี่น้องไปด้วยอาหาร
เฮ้ เอ้า เฮ้ เฮ้

บทเพลงเกี่ยวข้าวที่ร้องโดยคุณลุงคุณป้า คุณตาคุณยาย ชาวชุมชนตำบลบ้านแหลม ที่มาตั้งแถวรอต้อนรับพวกเรา บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น เหมือนกับเราเป็นลูกหลานที่หายไปจากบ้านมานาน กลับบ้านมาเจอรอยยิ้มของคุณตา คุณยายที่คอยต้อนรับอยู่เสมอ

ชุมชนตำบลบ้านแหลม สุพรรณบุรี

ชุมชนตำบลบ้านแหลม ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำท่าจีน ตั้งอยู่ในตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตที่เรียบง่ายริมน้ำ ชาวบ้านของที่นี่ทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก และใช้เวลาว่างเว้นจากการทำเรือกสวนไร่นามารวมกลุ่มกันจัดการท่องเที่ยวทางชุมชน โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านสร้างฐานกิจกรรมต่างๆ ทั้งหมด 24 ฐาน เช่น การทำอาหารและขนมท้องถิ่น การทำธูป การทำเครื่องจักสานจากผักตบชวา การทำไข่เค็ม พร้อมกันนั้นยังมีโฮมสเตย์และกิจกรรมล่องเรือ ตามรอยเสด็จประพาสต้นรัชกาลที่ 5 และย้อนรอยนิราศสุพรรณบุรี ของสุนทรภู่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาจากเมืองเร่งรีบอย่างเราได้สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายที่ค่อยดำเนินไปอย่างช้าๆ

ชุมชนตำบลบ้านแหลม สุพรรณบุรี

การท่องเที่ยวที่ชุมชนตำบลบ้านแหลมนั้นมีให้เลือกทั้งแบบนอนโฮมสเตย์ ทานอาหาร และทำกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน หรือถ้ามีเวลาไม่มาก สามารถมาเข้าร่วมแบบวันเดย์ทริปได้ วันนี้เรามาเที่ยวแบบวันเดย์ค่ะโดยพี่โสภณ หัวหน้าชุมชน จะนัดเราตอน 9 โมงเช้า ที่บ้านสวนแผ่นดินแม่ ซึ่งเป็นจุดที่ทางชุมชนจะมารอต้อนรับเราด้วยเสียงเพลงเกี่ยวข้าว ทำให้นึกถึงบทเพลงของแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ครูเพลงพื้นบ้านของเมืองสุพรรณบุรี ที่คุณตาคุณยายเคยเปิดให้ฟังในอดีต

จากนั้นพี่โสภณพาเราไปช่วยคุณยายโสภา ตำน้ำพริกเผาสูตรโบราณ ขอบอกเลยว่าเป็นน้ำพริกเผาที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลยค่ะ ใช้เพียงพริกแห้ง เม็ดเล็กเม็ดใหญ่คั่ว มะขามเปียกแช่น้ำปลา กะปิ หอมกระเทียมคั่วให้หอม เกลือ และโรยหน้าด้วยมะม่วงเปรี้ยว ทานคู่กับผักแนม อร่อยสุดๆ จากนั้นก็ได้ลองทำต้มยำปลาม้า ซึ่งเป็นปลาขึ้นชื่อของทางชุมชน กลิ่นปลาม้ามันยั่วยวนใจ ทำให้น้ำย่อยในท้องเริ่มทำงาน แต่พี่โสภณบอกเราว่าอดใจไว้แป๊บก่อนจะไปกินของอร่อย ไปลองชมการทำธูปของชุมชนพร้อมชมวิธีการตั้งธูปจากพี่ๆ ในชุมชนที่มันอะเมซซิ่งกับเรามากๆ ธูปเป็นกำๆ ที่พี่เขาใช้ความชำนาญ ตั้งธูปให้เป็นวงกลมเหมือนดอกไม้ แถมพี่ๆ ให้เราได้ฝึกตั้งธูปด้วยค่ะ ใครตั้งได้งานนี้มีรางวัลด้วย

ชุมชนตำบลบ้านแหลม สุพรรณบุรี

ชมวิธีการตั้งธูปกันไปแล้วก็ถึงเวลานั่งเรือไม้โบราณ ทานอาหารอร่อยที่เราทำทั้งน้ำพริกเผาสูตรโบราณ ต้มยำปลาม้า และอาหารอีกมากมาย ให้นั่งทานไปด้วย พร้อมกับฟังเพลงเรือที่ขึ้นต้นว่า "เอ่ออออ เอออ เอิงงงง เอยยยย"  และมีลูกคู่ร้องรับว่า "ฮ้า ไฮ้ เชี้ยบ เชี้ยบ" เป็นที่สนุกสนานครื้นเครงกันทั้งเรือเลยค่ะ ยิ่งจังหวะที่ร้องว่า "เชี้ยบ เชี้ยบ" พวกเราจะส่งเสียงดังเป็นพิเศษเลย

เราล่องเรือชมความงามของแม่น้ำท่าจีน แวะชมฐานการเรียนรู้ซึ่งเป็นบ้านคนในชุมชน เช่น ไปชมการทำไข่เค็มไผ่ตาพุด ชมการทำขนมเจ้าบ้านเจ้าเรือน ขนมมงคลของคนบ้านแหลม ไปเยี่ยมชมคุณยายที่ทำเครื่องจักสานจากผักตบชวา  สิ่งที่ได้กลับมาคือความประทับใจและของขวัญติดไม้ติดมือมากันมากมาย จนไม่อยากจากชุมชนนี้ไปเลยค่ะ ใครที่อยากมาสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำแบบชาวสุพรรณบ้านฉันแบบนี้ก็มาได้เลยค่ะที่ ชุมชนตำบลบ้านแหลม ชุมชนน่ารักที่ทำให้เรารักสุพรรณบุรีมากขึ้นไปอีก

ชุมชนตำบลบ้านแหลม สุพรรณบุรี

ที่ตั้ง : กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลม ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
ค่าบริการ : ค่าที่พักโฮมสเตย์คนละ 200  บาท พร้อมอาหารเช้า (สำหรับห้องแอร์เพิ่ม 50 บาท) อาหารกลางวันเพิ่ม 120 บาท อาหารเย็นเพิ่ม 150 บาท
ค่ากิจกรรมฐานต่างๆ ราคา 600 บาท/ฐาน สำหรับ 30 คน มากกว่า 30 คน คิดเพิ่มคนละ 10 บาท
ค่าล่องเรือชมแม่น้ำท่าจีนแบบหมู่คณะราคาคนละ 60 บาท
โทร : 080-073-7397


แผนที่การเดินทาง GPS ชุมชนตำบลบ้านแหลม ที่เที่ยวสุพรรณบุรี

Navy03.jpg

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์)

สัมผัสบรรยากาศเมืองจีนในไทย ณ เมืองสุพรรณบุรี

จากอำเภอปลาม้าเราขอขยับเข้ามาเที่ยวในตัวอำเภอเมืองสุพรรณบุรีกันค่ะ กับที่เที่ยวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสุพรรณบุรี นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร หรืออุทยานมังกรสวรรค์ แค่ก้าวเข้ามาที่นี่ก็เหมือนหลุดไปในประเทศจีนแล้วล่ะค่ะ ใครมาสุพรรณบุรีถ้าไม่ได้แวะมาชมความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้เขาว่ามาไม่ถึงสุพรรณบุรีกันนะจ๊ะ

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) สุพรรณบุรี

อุทยานมังกรสวรรค์ประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร และหมู่บ้านมังกรสวรรค์ เราเริ่มต้นด้วยการไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลเจ้าสไตล์จีนที่มีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธา แต่เดิมเป็นศาลาทรงไทยภายในประดิษฐานเทวรูปพระนารายณ์สององค์คู่กัน แต่ต่อมาได้ทำเป็นอาคารเก๋งจีนครอบศาลาทรงไทยเอาไว้

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) สุพรรณบุรีเมื่อสักการะเจ้าพ่อหลักเมืองกันแล้วก็ถึงเวลาเข้าไปในท้องมังกรสวรรค์ หรือ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกรกันแล้วล่ะค่ะ ซึ่งมังกรยักษ์ตัวนี้เป็นมังกรที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความยาว 135 เมตร สูง 35 เมตร และกว้าง 18 เมตร สร้างเป็นแบบศิลปะจีนที่แฝงไปด้วยความสง่างาม น่าเกรงขาม และมีลวดลายที่วิจิตรงดงามเหมือนกับมังกรยักษ์ตัวนี้กำลังลอยอยู่บนอากาศเลยล่ะค่ะ 

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีนที่ยาวนานกว่า 20 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยความตั้งใจของนายบรรหาร ศิลปอาชา ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ภายในพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกรแบ่งเป็น 18 ห้องจัดแสดงแสงสีเสียงสุดอลังการ เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของแผ่นดินจีนที่ยาวนานกว่า 5000  ปี ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งอาณาจักร ยุคสมัยและบุคคลสำคัญต่างๆ รวมไปถึงการเดินทางของชาวจีนโพ้นทะเลที่มาอาศัยในเมืองไทย นี่คือครั้งแรกที่เราได้เข้าไปชม บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ ห้องแต่ละห้องนั้นจะมีกิมมิคที่แตกต่างกันไป เช่น ห้องมังกรตัวที่ขยับและส่งเสียงร้องได้เหมือนจริงมากๆ และอีกห้องที่เราชอบคือห้องท่านเปาบุ้นจิ้น ที่ท่านเปาจะลุกขึ้นโยนติ้วลงพื้นตอนตัดสินประหารรร สมจริงสุดๆ ใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยวที่นี่แนะนำว่าลองมาชมสักครั้งค่ะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทำได้น่าเดินมากๆ

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) สุพรรณบุรี

เพลิดเพลินไปกับการเดินชมห้องต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์กันแล้วก็ถึงเวลาไปช้อปปิ้งหาของกินสุดอร่อยที่หมู่บ้านมังกรสวรรค์ จำลองมาจากเมืองมรดกโลก "ลี่เจียง" เอาไว้แบบเหมือนเป๊ะๆ มีทั้งสะพานหินข้ามคลอง ตัวอาคารและสถาปัตยกรรมสไตล์จีนที่ทำเป็นร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อและร้านขายของฝากแบบไม่หลุดคอนเซ็ปต์กันเลย แนะนำว่าสาวๆ หนุ่มๆ ที่มาที่นี่หาชุดแบบหนังจีนกำลังภายในมาเซลฟี่ถ่ายรูปสวยๆ กันดูสักครั้ง รับรองว่าถ้าหามุมดีๆ เพื่อนๆ ที่เข้ามากดไลค์จะนึกว่าคุณกำลังอยู่เมืองจีนจริงๆ ก็ได้

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) สุพรรณบุรี
ที่ตั้ง : อุทยานมังกรสวรรค์ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
เปิดบริการ : ส่วนของพิพิธภัณฑ์จะเปิดให้บริการวันธรรมดา เวลา 9.00-16.00 น. วันเสาร์- อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 8.00-17.00 น.(ปิดทุกวันจันทร์ - อังคาร)
ส่วนของหมู่บ้านมังกรสวรรค์และศาลเจ้าจะเปิดทุกวัน สามารถเดินชมได้ตลอดเวลา แต่ของขายจะมีบริการตั้งแต่ 8.00 - 17.00 น.
ราคา : ค่าเข้าชมในส่วนพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกรสำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ 299 บาท เด็ก 149 บาท/ ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 499 บาท เด็ก 299 บาท พิเศษวันอาทิตย์ราคา 149 บาทสำหรับทุกท่าน
โทร : 035-526-212

แผนที่การเดินทาง GPS อุทยานมังกรสวรรค์ ที่เที่ยวสุพรรณบุรี

 

Navy04.jpg

นาเฮียใช้

มาฝึกเป็นชาวนาไทยในหนึ่งวัน ที่สุพรรณบุรี

ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า

เราเชื่อว่าเมื่อตอนคุณเป็นเด็กต้องได้ท่องประโยคนี้ก่อนทานอาหารใช่ไหมคะ ยอมรับว่าตอนเด็กๆ ก็ท่องไปเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่รู้ว่าข้าวแต่ละจานนั้นมีค่าอย่างไร แต่พอโตมาเมื่อเรารับรู้เรื่องอาชีพชาวนา กระดูกสันหลังของชาติก็ทำให้เราเห็นคุณค่าของข้าวทุกจานมากยิ่งขึ้น ซึ่งสถานที่ที่จะทำให้คุณเห็นคุณค่าของข้าวได้ดี อยู่ที่สุพรรณบุรีนี่เองค่ะ ที่นี่คือ นาเฮียใช้ หรือชื่อเต็มว่า ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย รับรองว่าถ้าได้มาเยี่ยมชมที่นี่คุณจะกินข้าวได้อย่างเอร็ดอร่อยมากยิ่งขึ้น

นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี

ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย หรือนาเฮียใช้ สร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาความรู้เรื่องการทำนาในปัจจุบัน ภายในจะมีการแสดงเทคโนโลยีต่างๆ ในการปลูกข้าวให้ชาวนาไทยได้เข้ามาศึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และสำหรับเราที่ไม่ใช่ชาวนา แต่เป็นคนที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลักก็ได้รู้เรื่องราว วิถีชีวิตชาวนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ รวมถึงมีร้านกาแฟให้นั่งชิลชมวิวท้องทุ่งนาอีกด้วย

นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี

ภายในแบ่งเป็น 6 โซน ได้แก่เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ จัดแสดงเกี่ยวกับความผูกพันของพสกนิกรไทยต่อองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลต่างๆ, เรือนแม่โพสพ จัดแสดงองค์แม่โพสพแกะสลักจากไม้สักทั้งท่อนและรูปหล่อแม่โพสพในยุคต่างๆ, เรือนหนังสือพระราชกรณียกิจและเรือนหนังสือข้าว ที่เก็บรวบรวมหนังสือพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 รวมทั้งหนังสือที่ให้ความรู้ด้านกระบวนการผลิตข้าว, เรือนวิถีชาวนาไทยในอดีต ประกอบไปด้วยเรือนไทยโบราณหมู่ 4 หลัง ที่จำลองข้าวของเครื่องใช้วิถีชีวิตคนไทยในอดีต และยังมีคอกควายที่มีน้องควายตัวเป็นๆ มารอทักทายคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ถ้าได้สบตากับน้องแล้วจะต้องติดกับดักความน่ารักเดินเข้ามาให้หญ้า ให้กล้วยกับน้องควายกันเลยล่ะค่ะ และน้องควายที่นี่ยังฉลาด แค่ถามว่ากินกล้วยไหม ก็สามารถพยักหน้าตอบเราได้ด้วยนะ, แปลงนาสาธิต เป็นแปลงนาที่สาธิตลักษณะพันธุ์ข้าวนาปรัง 12 ชนิดพันธุ์ที่นิยมปลูกในปัจจุบันของ 4 ช่วงอายุข้าว เพื่อให้ชาวนาและผู้สนใจได้มีความรู้ในการตัดสินใจเลือกชนิดพันธุ์ข้าวที่เหมาะสม, หอเตือนภัยชาวนา ใช้สำหรับประกาศเตือนภัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับชาวนา สร้างเป็นหอสูง 3 ชั้นที่เราสามารถเดินขึ้นไปชมวิวแบบ 360 องศาด้านบนได้ และร้านโชห่วย เป็นการจำลองรูปแบบร้านค้าในอดีต ซึ่งโซนนี้ยังสามารถนั่งเข้าไปทานอาหารจริงๆ ในบรรยากาศแบบย้อนยุคได้ด้วยค่ะ

นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี

นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟนาเฮียใช้ที่ให้บริการเครื่องดื่ม ร้อน เย็น และเบเกอรี่ พร้อมไปกับการนั่งชมวิวทุ่งนา ใครอยากมาเที่ยวที่เที่ยวที่ให้ความรู้ พร้อมกิจกรรมดีๆ แบบนี้ ก็มาได้เลยที่นาเฮียใช้ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี ติดถนนหมายเลข 322 เดินทางสะดวกสบาย มีที่จอดรถให้บริการกว้างขวาง

นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี

ที่ตั้ง : ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย(นาเฮียใช้) ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
โทร : 035-446955
เปิดบริการ : ทุกวัน 8.00-17.00 น.
ติดต่อดูงานเป็นหมู่คณะ : 092-6261515


แผนที่การเดินทาง GPS ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย(นาเฮียใช้) สุพรรณบบุรี



Navy05.jpg

สมหวังที่วังยาง สุพรรณบุรี

เก็บแห้ว กินแห้ว แต่ชีวิตไม่เคยแห้ว

เขาบอกว่าถ้าชีวิตคุณแห้ว ให้ถือเคล็ดกินแห้วกันซะเลย แต่วันนี้เราไม่ได้แค่พาไปกินแห้วเรายังพาเพื่อนๆ ไปงมแห้วกันอีกด้วย กับการเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ สมหวังที่วังยาง ในตำบลวังยาง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่ามีการทำนาแห้วมากที่สุดในประเทศไทย

สมหวังที่วังยาง สุพรรณบุรี

โดยการทำนาแห้วจะเริ่มปลูกประมาณเดือนมีนาคม - เดือนเมษายน จากนั้นใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือนก็เริ่มเก็บแห้วได้ แล้วจะเก็บได้เรื่อยๆ ไปประมาณ 1 ปี ช่วงเวลาที่เก็บแห้วจะเก็บกันช่วงหลังเที่ยงคืนไปจนถึงเช้ามืด เพราะเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อน และยุงไม่เยอะ พอเก็บเสร็จในช่วงเช้าก็จะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงนาแห้วเลยล่ะค่ะ

สมหวังที่วังยาง สุพรรณบุรี

ใครที่อยากมาสัมผัสการเป็นชาวนาแห้วสามารถติดต่อผ่านทางเทศบาลวังยาง โดยทางเทศบาลจะจัดโปรแกรมท่องเที่ยวให้เราโดยเริ่มตั้งแต่เช้าที่เทศบาลวังยางเพื่อชมเรื่องราวเกี่ยวกับการปลูกแห้ว จากนั้นจะพาเรานั่งรถอีแต๋นเพื่อไปชมการเพาะต้นกล้า การปักดำ และชมวิธีการงมแห้ว ต่อด้วยไปชมการทำอาหารคาวหวาน จากแห้ว และทานข้าวกลางวันที่ล้วนทำจากแห้ว

สมหวังที่วังยาง สุพรรณบุรี

งานนี้แห้วเต็มโต๊ะกันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิที่มีแห้วเป็นส่วนผสม แกงเลียงใส่แห้ว ผัดผักใส่แห้ว จิบน้ำแห้วเย็นๆ และปิดท้ายด้วยการกินทับทิบกรอบไส้แห้ว แต่ละเมนูครีเอทโดยกลุ่มแม่บ้านของตำบลวังยาง  ที่นอกจากจะสร้างสรรค์แล้วรสชาติยังอร่อยจนเราอยากขอแม่ๆ ว่าย้ายมาอยู่บ้านแม่ๆ ได้ไหม เพราะอาหารที่แม่ๆ เขาทำอร่อยจนน้ำตาไหลกันเลย  และทางเทศบาลเขายังมีจัดงานประกวดเมนูจากแห้วด้วยนะ โดยจัดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แล้วคุณจะรู้ว่ามันมีเมนูบนโลกนี้อีกมากมายที่สามารถนำแห้วไปเป็นส่วนประกอบได้ด้วย

ใครอยากนั่งทานอาหารอร่อยไปพร้อมกับชมวิวทุ่งนาสีเขียวแบบนี้ติดต่อมาได้ที่เทศบาลตำบลวังยางได้เลย

สมหวังที่วังยาง สุพรรณบุรี

ที่ตั้ง : สมหวังที่วังยาง เทศบาลตำบลวังยาง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
โทร : 0626785777, 035-528351


แผนที่การเดินทาง GPS สมหวังที่วังยาง ที่เที่ยวสุพรรณบุรี

 

Navy06.jpg

สักการะพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง)

พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาสุดอลังการ ในสุพรรณบุรี

จากอำเภอศรีประจันต์เราจะขอพาเพื่อนๆ เดินทางมายังอำเภออู่ทอง เพื่อมาสักการะพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาสุดอลังการ ในจังหวัดสุพรรณบุรี

สักการะพระปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง) สุพรรณบุรี

ที่มาของพระพุทธรูปแห่งนี้เกิดจากที่เมืองอู่ทอง เป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดประวัติศาสตร์และอารายธรรมแห่งสุวรรณภูมิ ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ ตามที่ได้พบศิลาจารึกภาษาอินเดียโบราณว่า "ปุษยคีรี" ที่ภูเขาทำเทียมแห่งนี้และตรงกับชื่อวัดปุษยคีรีสังฆาราม ในเมืองกาลิงคะ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช

พระพุทธรูปองค์นี้จึ้งได้สร้างขึ้นมาโดยวัดป่าเลไลก์วรวิหาร เริ่มแกะสลักตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2557 ใช้เวลาประมาณ 4 ปีในการแกะสลักพระพุทธรูปปางโปรดพุทธมารดา ขนาดหน้าตักกว้าง 25 เมตร สูง 35 เมตร บนหน้าผามังกรบิน เขาทำเทียม

สักการะพระปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง) สุพรรณบุรี

ซึ่งด้านหลังองค์พระยังมีถ้ำให้เราได้เข้าไปสักการะ พระพุทธรูปต่างๆ ที่ประดิษฐานภายในถ้ำได้ด้วยค่ะ

สักการะพระปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง) สุพรรณบุรี

บริเวณกองอำนวยการจะจัดพื้นที่ให้เราได้ทำบุญไหว้พระ ถวายสังฆทาน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเราและครอบครัว

สักการะพระปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง) สุพรรณบุรี

แนะนำว่ามาช่วงเช้าๆ หรือช่วงเย็นๆ กันนะคะ เพราะช่วงตอนกลางวันที่นี่อากาศค่อนข้างร้อนมากๆ

 

ที่ตั้ง : พระพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ เขาทำเทียม ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง สุพรรณบุรี
เปิดให้เข้าชม : ทุกวันตลอดเวลา (เจ้าหน้าที่จะอยู่ประจำการเวลา 7.00-17.00 น.)
โทร : 093-0080-539


แผนที่การเดินทาง GPS พระพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ที่เที่ยวสุพรรณบุรี

 

Navy07.jpg

อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สุพรรณบุรี

นอนเต็นท์ในอ้อมกอดธรรมชาติที่ปางอุ๋งเมืองไทย

สุพรรณบุรีก็มีปางอุุ๋งนะแกร กับ อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สุพรรณบุรี ที่ีธรรมชาติสวยงามจนได้รับสมญานามว่าเป็นปางอุ๋งสุพรรณฯ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปนอนเต็นท์ พายเรือ สัมผัสธรรมชาติในบรรยากาศชิลๆ ที่นี่กันค่ะ

อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สุพรรณบุรี

อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง ตั้งอยู่ในตำบลพุน้ำร้อน อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ค่ะ จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง และใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งทางเข้าอ่างเก็บน้ำจะอยู่ตรงวัดพุน้ำร้อน และจากตรงนี้ไปถึงอ่างเก็บน้ำเป็นถนนลูกรังประมาณ 9 กิโลเมตร ไม่ใช่ทางลาดชัน รถเล็กก็สามารถเข้าไปได้ค่ะ แต่อาจจะต้องค่อยๆ ขับไปสักนิดนะคะ

เรารู้ข้อมูลว่าที่นี่ไม่มีทั้งสัญญาณมือถือ และไม่มีไฟฟ้า เหมาะกับคนที่ต้องการตัดโลกโซเชี่ยลที่วุ่นวายมาพักกายพักใจท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งที่พักของที่นี่มีให้เลือกทั้งแบบแพริมน้ำ โดยแบ่งเป็นแพหลังเล็กพักได้ 2 คนราคา 400 บาท และแพหลังใหญ่พักได้ 7-8 คนราคา 1,000 บาท พร้อมเครื่องนอน หมอน ที่นอน ผ้าห่ม และมุ้ง สำหรับใครที่เป็นสายกางเต็นท์อย่างเราก็สามารถนำเต็นท์มากางที่นี่ได้เสียค่าสถานที่ 100 บาท ส่วนใครที่ไม่ได้เอาเต็นท์มาสามารถมาเช่าได้ราคา 170 บาทเท่านั้น

อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สุพรรณบุรี

ในส่วนของห้องน้ำก็สะดวกสบายค่ะ บริเวณกางเต็นท์จะมีให้บริการห้องสุขา 2 ห้อง และบริเวณกองอำนวยการจะมีห้องสุขาทั้งแบบส้วมซึมและแบบชักโครก พร้อมห้องอาบน้ำที่แยกชายหญิงโดยบริเวณนี้จะมีไฟที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์คอยให้แสงสว่างเฉพาะตรงกองอำนวยการและตรงห้องน้ำเท่านั้นนะคะ ซึ่งถ้าบางวันแดดไม่ดีก็จะไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้  มีเพียงแสงจากตะเกียงอันน้อยที่คอยให้แสงสว่างกับเรา

อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สุพรรณบุรี

ใครที่ไม่ได้นำอาหารมาก็สามารถสั่งอาหารมื้อเย็นแบบขันโตก ประกอบไปด้วยปลาเผาตัวโตๆ น้ำพริกผักต้ม ต้มยำไก่ ราคา 300 บาท สามารถทานได้ประมาณ 3-4 คนกันเลย เป็นอาหารง่ายๆ ที่อร่อยสุดๆ ยิ่งกินอาหารท่ามกลางแสงดาว และแสงจันทร์ด้วยนะ จะทำให้อาหารอร่อยเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ และในมื้อเช้ามีบริการข้าวต้มร้อนๆ ชุดละ 100 บาททานได้ 3-4 คนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้บริเวณกองอำนวยการยังมีบริการเครื่องดื่ม อาหารตามสั่ง ขนมขบเคี้ยว ไม่ต้องแบกไปให้เหนื่อยเลยล่ะค่ะ

อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สุพรรณบุรี

อ่างเก็บน้ำหุบเขาวงจะเปิดให้เที่ยวในช่วงเดือนสิงหาคม - เดือนกุมภาพันธ์ เท่านั้น ค่ะ หลังจากนั้นจะปิดเพื่อให้ป่าได้ฟื้นฟู และช่วงที่ปางอุ๋งสุพรรณบุรีแห่งนี้จะสวยที่สุดก็เป็นช่วงหน้าฝน และปลายฝนต้นหนาว ที่ทั้งหุบเขาจะเต็มไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้ ใครที่อยากมาสัมผัสปางอุ๋งใกล้ๆ ก็มาที่สุพรรณบุรีนี้ได้เลย

ที่ตั้ง : อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง ตำบลพุน้ำร้อน อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
โทร : 092-493-3833


แผนที่การเดินทาง GPS อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สุพรรณบุรี

 

ม๋าเช็คอินที่กินสุพรรณบุรี

ตะลุยเที่ยวกันมาหนำใจแล้ว เราขอพักเหนื่อยพาเพื่อนๆ ไปนั่งพักจิบเครื่องดื่มและทานอาหารอร่อยในบรรยากาศสุดชิล กับ 2 ร้าน คาเฟ่ 2 สไตล์ จาก 2 อำเภอสุดฮอตนั่นก็คือ ร้าน Ricker's Cafe จากอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี และ ร้านบ้านริมนา คาเฟ่ คาเฟ่ริมทุ่งนาที่อำเภอสองพี่น้องจังหวัดสุพรรณบุรี จะน่าชิลแค่ไหนตามไปชมกันเลย

Navy08.jpg

Ricker's Cafe 

คาเฟ่สุดชิคสไตล์โฮมเมดในสามชุก สุพรรณบุรี

คาเฟ่ที่แรกที่เราจะพามาเช็คอินนั่นก็คือ Ricker's Cafe คาเฟ่สุดชิคสไตล์โฮมเมดในอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ใครมาเที่ยวตลาดสามชุกก็สามารถขับรถมานั่งชิลได้ใช้เวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้น การตกแต่งเป็นสไตล์ลอฟต์สุดเท่ ร่มรื่มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ตกแต่งภายในร้าน มีมุมให้นั่งชิลทั้งด้านในห้องแอร์ และด้านนอกแบบกึ่งโอเพ่นแอร์ พร้อมกันนั้นยังมีบันไดวนไปสู่ชั้น 2 ของร้านที่ฮิปไม่แพ้ด้านล่าง เหมาะกับการมานั่งรับลมชิลๆ ชมวิวยามเย็นเป็นที่สุด

Ricker's Cafe สุพรรณบุรี

Ricker's Cafe สุพรรณบุรี

เจ้าของร้านนี้คือ คุณเอ้น ธีระณัฐ คุ้มวาณิชย์ อดีตวิศวกรที่ผันตัวเองมาทำร้านคาเฟ่ร่วมกับพี่สาว ซึ่งเมนูต่างๆ ในร้านก็เป็นเมนูที่คุณเอ้นกับพี่สาวช่วยกันคิดขึ้นมา โดยยึดหลักว่าถ้าเรากินอย่างไรก็ต้องทำให้ลูกค้ากินแบบนั้น ดังนั้นอาหารทุกเมนูคุณเอ้นจึงใส่ใจ เลือกสรรวัตถุดิบที่ดี ปลอดสารพิษ นำมาปรุงเป็นเมนูอาหารอร่อยเสิร์ฟให้ลูกค้าได้ทาน เช่นการเลือกใช้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ลุงบุญมี ข้าวออร์แกนิคปลอดสารพิษ ซึ่งเป็นข้าวจากวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ หรือการใช้เนื้อหมูอนามัยจาก Happy Farm ที่ปลอดสารเร่งเนื้อแดง รับรองว่ามาที่นี่นอกจากจะได้เช็คอินร้านชิคๆ เก๋ๆ ยังมีเมนูอร่อยดีต่อสุขภาพให้เราได้เลือกชิมในราคาไม่แพงอีกด้วย

Ricker's Cafe สุพรรณบุรี

เมนูแนะนำของร้านได้แก่ ข้าวหมูตุ๋นซีอิ๊วสมุนไพร เมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นกับไทยเข้าด้วยกัน, สเต๊กไก่สไปซี่ อะโลฮ่า   โดยใช้อกไก่นำไปหมักสูตรสไปซี่ ย่างจนหอม แล้วนำไปอบต่อจนสุก ทานกับทาร์ทาร์ซอส และสับปะรดย่างรสชาติตัดกันอย่างลงตัว ส่วนของว่างทานเล่นแนะนำโฮมเมดนักเก็ต  และการ์ลิคเบรดสติ๊ก 2 เมนูทานเล่นที่อร่อยไม่เบาเลย และยังมีเมนูเครื่องดื่มร้อนเย็นให้เลือกสั่งมาทานกับอาหาร มาร้านนี้รับรองว่าฟินทั้งรสชาติและบรรยากาศที่ดีไม่แพ้กันเลยค่ะ

Ricker's Cafe สุพรรณบุรี

ที่ตั้ง :   ริคเกอร์ คาเฟ่  เลขที่ 199/1 หมู่บ้านอิงสวน หมู่ที่ 1 ตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน 9.30-20.30 น.
ราคา :   49-175 บาท
โทร : 098-2719933

GPS : 
https://goo.gl/maps/yKCGVCb3dKF2

แผนที่ริคเกอร์ คาเฟ่  สุพรรณบุรี

 

Navy09.jpg

บ้านริมนา คาเฟ่

คาเฟ่สุดชิลชมวิวทุ่งนาในอำเภอสองพี่น้อง สุพรรณบุรี

อีกหนึ่งร้านคาเฟ่ในสุพรรณบุรี ที่กำลังมาแรงเลยล่ะค่ะกับ บ้านริมนา คาเฟ่ คาเฟ่สุดชิลชมวิวทุ่งนาในอำเภอสองพี่น้อง สุพรรณบุรี ใครไม่ได้มาเช็คอินร้านนี้ถือว่าคุณพลาดแล้วล่ะค่ะ ร้านตั้งอยู่ติดกับวัดไผ่โรงวัว มาทำบุญไหว้พระกันแล้วก็สามารถขับรถมาแวะนั่งชิลชมวิวท้องทุ่งนาสีเขียวขจีที่ร้านนี้ได้

บ้านริมนา คาเฟ่ สุพรรณบุรี

ต้วร้านเป็นบ้านทรงไทย 2 ชั้น ตั้งอยู่ภายในเรือนไทยโฮม รีสอร์ท ด้านบนเป็นห้องพัก 1 ห้องที่มีอ่างอาบน้ำจากุซซี่ให้ชมวิวทุ่งนา ส่วนด้านล่างคือส่วนของคาเฟ่ ขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่มาก มีมุมอินดอร์ในตัวร้าน และเอาท์ดอร์ด้านนอกตัวร้าน โดยทำเป็นระเบียงให้ชมวิวทุ่งนาสีเขียว อ๊ะ และไม่ต้องกลัวว่ามาร้านนี้จะไม่ได้ชมวิวทุ่งนาเหมือนในรูป  เพราะว่านาแห่งนี้ทำตลอดปีค่ะ อาจจะมีเว้นระยะหลังจากการเก็บเกี่ยวแค่ประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น และหลังจากนั้นก็จะกลับมาเขียวขจีอีกครั้ง

บ้านริมนา คาเฟ่ สุพรรณบุรี

บ้านริมนา คาเฟ่ สุพรรณบุรี

มาดูเมนูแนะนำที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านบ้านริมนา คาเฟ่ ก็ต้องนี่เลย เมี่ยงกลีบบัวที่ใช้กลีบบัวหลวงสีชมพูระเรื่อแทนใบชะพลู ทำให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกลีบบัว เข้ากับเครื่องเมี่ยง และน้ำราดสูตรของร้านได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหาร ของว่างทานเล่น และเครื่องดื่มทั้งร้อนเย็นให้เลือกสั่งมานั่งจิบชมวิวทุ่งนาไปด้วย

บ้านริมนา คาเฟ่ สุพรรณบุรี

ที่ตั้ง :   ร้านบ้านริมนา คาเฟ่ (อยู่ติดกับวัดไผ่โรงวัว)  ตำบลบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
เปิดบริการ : ทุกวัน 10.00-19.00 น.
ราคา :   45-400 บาท
โทร : 081-936-6681

GPS :
https://goo.gl/maps/Y3Ptthc4ak72

 

แผนที่ร้านบ้านริมนา คาเฟ่ สุพรรณบุรี

 

ม๋าเช็คอินที่พักสุพรรณบุรี

ม๋าเที่ยวสุพรรณฯ ก็ไม่ต้องเร่งรีบ หาที่พักนอนพักสัมผัสสุพรรณบุรีกันสักคืนสองคืนจะได้ทำความรู้จักเมืองน่ารักแห่งนี้อย่างใกล้ชิดกันสักนิด ซึ่งที่พักสุพรรณบุรีนั้นมีให้คุณเลือกมากมาย วันนี้เราซีเล็คมาให้เป็นที่พักที่ให้คะแนนความน่ารัก และความชิลเต็ม 10 ไปเลย

 

Navy10.jpg

ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา สุพรรณบุรี 

บ้านริมน้ำแห่งนี้มีแต่ความสุข

ที่พักที่เราจะพาคุณมานอนพักกันในวันนี้ก็คือ ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา ที่พักน่ารักริมน้ำท่าจีน ตั้งอยู่ในอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นที่พักเล็กๆ ที่มีเพียง 8 หลัง ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา พร้อมกับมีทุ่งนาแปลงเล็กๆ ที่ทางคุณนะ เจ้าของที่พักแห่งนี้ตั้งใจปลูกไว้ทานเอง กลายเป็นอีกหนึ่งมุมฮอตสำหรับถ่ายรูป

ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา สุพรรณบุรี

ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา สุพรรณบุรี

การตกแต่งภายในรีสอร์ท ใช้คอนเซ็ปต์ฟาร์มในต่างประเทศ บ้านแต่ละหลังของที่นี่ดีไซน์ไม่เหมือนกันเลยล่ะค่ะ โดยตกแต่งตามชื่อเหล่าน้องสัตว์ในฟาร์มที่นำมาตั้งเป็นชื่อบ้านพัก เช่นบ้าน Frog ใช้โทนสีเขียวในการตกแต่ง พอเปิดประตูเข้าไปก็มีตุ๊กตาน้องกบน่ารักตามมุมต่างๆ ของห้องหรือจะเป็นบ้าน Piglet บ้านสีชมพูริมสระว่ายน้ำ ภายในใช้โทนสีม่วง ชมพู พร้อมเจ้าตุ๊กตา Piglet ที่รอทักทายเราอยู่ในบ้าน ใครอยากพักบ้านหลังไหนก็สามารถรีเควสท์กับทางคุณนะ เจ้าของที่พักได้เลย

ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา สุพรรณบุรี

ส่วนการบริการของที่นี่จะใช้วิธี Self Service อยากจะทานอะไร อยากจะดื่มอะไร สามารถหยิบไปทานได้เลย แต่ต้องเขียนเบอร์ห้องและของที่หยิบแล้วนำไปแปะไว้ที่เคาน์เตอร์ด้วยค่ะ พอเช็คเอาท์ปุ๊บก็ค่อยจ่ายทีเดียว แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลือสามารถสั่นกระดิ่งหรือบีบแตรเรียกคุณนะที่อยู่ด้านในได้ ที่นี่จึงเปรียบเหมือนมาพักบ้านตากอากาศในต่างจังหวัด หรือมาพักบ้านเพื่อนมากกว่าการมาพักรีสอร์ท ใครที่อยากสัมผัสความน่ารักของเมืองสุพรรณบุรีลองมาพักที่นี่กันเลย

ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา สุพรรณบุรี

ที่ตั้ง :   ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา เลขที่ 158/3 ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
ราคา :   1,300 - 3,000 บาท
โทร : 092-4296391

GPS : https://goo.gl/maps/2wcXVNTySTR2

จองที่พักสุพรรณบุรีออนไลน์ที่นี่

agoda_but.jpg

แผนที่ ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา สุพรรณบุรี


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน