calendar_month 24 ธ.ค. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 21,335 / ทริปตัวอย่าง , ที่เที่ยว
ใครๆ ก็รู้จักจังหวัดสุราษฎร์ธานีในฐานะที่มีทะเลสวย ภาพเมืองร้อยเกาะ น้ำทะเลใส เปรียบเสมือนปกหนังสือที่ทำให้ทั้งโลกรู้จักจังหวัดแห่งนี้ แต่สำหรับเรา ...เชื่อว่าจังหวัดนี้ไม่ได้มีดีแค่ทะเลแน่นอน!! ทริป #ชีพจรลงsouth ครั้งนี้เราเลยเลือกเที่ยวสุราษฎร์ในแบบ No Sea! จะเป็นแบบไหนมาดูกันเลยค่ะ !
ตัวอย่างการวางแพลน 3 วัน 2 คืน เน้นประเพณีและชุมชน
DAY 1
เหิรฟ้าไปกับสายการบิน Airasia ลงเครื่องที่สนามบินนานาสุราษฎร์ธานี
ล่องเรือชมธรรมชาติ ใน “คลองร้อยสาย” ให้สบายตาสบายใจ
จากเรือต่อรถไปชมความน่ารักแสนรู้ของเจ้าลิงจ๋อ ที่ “ศูนย์ฝึกลิง” ต.คลองน้อย
ชมวิธีการต่อเรือที่ “อู่ต่อเรือช่างกบ”
(ทั้งหมดสามารถเที่ยวต่อกันได้เป็นทริปวันเดียวเลย เพราะว่าอยู่ไม่ไกลกันมากจ้า)
ท้องร้องเรียกหาของอร่อยทานแล้ว มุ่งหน้าไป “ร้านอาหารลำพู 1”
ดูวิธีการทำข้าวต้มลูกโยน ณ “วัดบางไทร”
มื้อเย็นอร่อยเต็มอิ่มกับ ร้านอาหาร "Lucky Restaurant"
พักผ่อนเอาแรงที่ “S.22 Hotel”
DAY 2
ใส่บาตรทำบุญยามเช้า
กินมื้อเช้าที่ “เสรีแต่เตี้ยม” ร้านนี้จัดว่าเด็ด
ไหว้เจ้าแม่กวนอิมเอาฤกษ์เอาชัยที่ “ศาลเจ้ามูลนิธิมุทิตาจิต”
ช่วงของไฮไลท์ “ชมงานประเพณีชักพระ” ประเพณีเก่าแก่แต่โบราณ 1 ปีมีแค่ครั้งเดียว
ผ่อนคลายกับสปามะพร้าวที่ “สวนลุงสงค์”
ยามค่ำคืน ชมความงามของ “เรือพนมพระ”
DAY 3
ออกจากเมืองไปเที่ยว “ป่าต้นน้ำ - บ้านนำ้ราด” ที่เที่ยวสุดอันซีน น้ำใสแจ๋วประหนึ่งกระจกเลยทีเดียว
แวะไปชมวิวริมสันเขื่อนที่ “เขื่อนรัชชประภา” มาแล้วต้องถ่ายรูปและเช็คอินสักหน่อย
ไหว้พระวัดอายุร้อยปีที่ “วัดถ้ำสิงขร”
อิ่มบุญ อิ่มใจแล้ว กลับกรุงเทพฯ ด้วยสารการบิน Airasia
คนสุราษฎร์ฯ เรียกคลองสายเล็กๆ ที่เชื่อมต่อจากแม่น้ำตาปี ครอบคลุมถึง 6 ตำบลนี้ว่า "ในบาง" หมายถึง ละแวกในคลอง ซึ่งที่นี่เป็นชุมชนที่ยังคงเสน่ห์ของวิถีดั้งเดิม ที่งบ้านเรือน สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย การประกอบอาชีพ หากใครมาเที่ยวก็มีกิจกรรมล่องเรือเที่ยว ชมป่าชายเลน ผ่านอุโมงค์ต้นจาก บ้านเรือนไทยโบราณ การทำผ้าบาติก นอกจากนี้ยังมีการล่องเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนอีกด้วย
วิธีการติดต่อเช่าเรือ : เดินทางไปยังบริเวณริมน้ำตาปี ถนนหน้าเมือง เรือสามารถนั่งได้ 6 คน ราคาคนละ 50 บาท หากไปไม่ถึง 6 คน เหมาลำ 600 บาท
การท่องเที่ยวคลองร้อยสายจะมาขึ้นฝั่งที่ "ศูนย์ฝึกลิง" ของคุณนิรันดร์ วงศ์วาณิช ซึ่งตั้งอยู่ในบางใบไม้ โดยในศูนย์ฝึกแห่งนี้มีการสอนหลายระดับตั้งแต่ อนุบาลจนถึงอุดมศึกษา (มีระดับเหมือนคนเลยค่ะ) อีกอย่างลิงที่นี่ว่านอนสอนง่ายและไม่ซุกซนอย่างที่คิด แถมยังคุ้นเคยกับมนุษย์เป็นอย่างดี บางตัวเรียบร้อยมากๆ ก็ทำหน้าที่มาต้อนรับนักท่องเที่ยว... บอกเลยว่าน่ารักน่าชังสุดๆ จนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะฝึกสัตว์แสนซนอย่างลิง ให้เชื่อฟังและน่ารักสงบเสงี่ยมได้
ต่อด้วย..อู่ต่อเรือช่างกบ ซึ่งช่างกบนั้นเป็นช่างต่อเรือที่มีฝีมือและมีชื่อเสียงระดับจังหวัด โดยการต่อเรือนั้นได้สืบต่อมามากกว่า 3 ชั่วอายุคนแล้ว และจะสืบต่อให้ลูกหลานต่อไป
ช่างกบบอกบอกว่าเรือออกทะเลแต่ละลำต้องใช้เวลาต่อเป็นแรมเดือน ซึ่งมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่การวางกระดองหมึก ใส่ราวคู่ แรกใส่ทวนหัวทวนใต้ ขึ้นดานวางกงยึด และอีกหลายขั้นตอน ได้เห็นขั้นตอนแต่ละขั้นกว่าจะมาเป็นเรือให้เรานั่งบนน้ำได้ไม่ง่ายเลยค่ะ แถมยังน่าสนใจ...อยากลองศึกษาหาความรู้ภูมิปัญญาของชาวคลองน้อยดูบ้างเหมือนกัน
จริงๆ แล้วการท่องเที่ยวคลองร้อยสายยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกเยอะเลยค่ะ อย่างเช่น ชมปลาเสือพ้นน้ำ ลองทำผ้าบาติก ทำคันเบ็ดตกกุ้งแม่น้ำ แต่ละอย่างน่าสนใจไม่แพ้กันเลยค่ะ
มาถึงเมืองสุราษฎร์ฯ ทั้งทีต้องโดนอาหารทะเล มื้อเที่ยงของวันนี้เราเลยไปกันที่ "ร้านอาหารบางลำพู 1 " ร้านอาหารที่เปิดมากว่า 40 ปี ความอร่อยการันตีด้วยสาขาที่เปิดในเมืองสุราษฎร์ถึง 3 สาขา สำหรับมื้อนี้เราจัดเต็มอาหารทะเลแบบสะใจมาก ... ที่สำคัญ พลาดไม่ได้เลย เมื่อมาสุราษฎร์ฯ คือ หอยนางรมตัวใหญ่ ไซส์เท่าฝ่ามือ ซิกเนเจอร์ประจำจังหวัด เนื้อหวาน สด ตัวใหญ่จริงๆ กินแค่ 3 ตัว บอกเลยว่า อิ่ม !
ที่ตั้ง : 23 หมู่ 3 ถ.สายปากน้ำ ต.บางกุ้ง อ.เมือง
โทรศัพท์ : 077 - 285120
แดดร่มลมตกเราไปดูการทำข้าวต้มลูกโยนที่ "วัดท่าไทร" ซึ่งเขาจะทำในเทศกาลวันออกพรรษา ขึ้น 14 - 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นช่วงที่เราไปพอดีเลยค่ะ โดยขนมต้มนั้นเป็นขนมประจำงานประเพณีชักพระ ลักษณะการทำจะใช้ข้าวเหนียวผัดกับกะทิ เกลือ น้ำตาล ผัดให้น้ำกะทิแห้ง แล้วนำไปห่อด้วยยอดใบกระพ้อเป็นรูปสามเหลี่ยมอย่างมิดชิดก่อนนำไปต้มหรือนึ่งจนสุก
วัตถุประสงค์ของการทำขนมต้มเพื่อทำบุญเรือพระ ถวายแด่พระสงฆ์และแจกจ่ายให้แก่คนลากพระและเพื่อนบ้าน นับเป็นการทำบุญและทำทานไปในคราวเดียวกัน อีกอย่างการมาทำขนมต้มร่วมกันเป็นการสร้างความสามัคคีกันในชุมชนอีกด้วยค่ะ
มาใต้ทั้งทีนอกจากซีฟู้ดแล้ว..เราก็จะพาไปกิน "อาหารปักษ์ใต้" ที่เมื่อได้กินแล้วเป็นต้องส่งเสียงซู้ด…ซ้าด! ร้านนี้เป็นภัตตาคารที่ลูกค้าชื่นชอบกันมาก เนื่องจากทำอาหารตามตำรับใต้ขนานแท้ คือ เผ็ดเข้าไปถึงทรวง ใครที่ชอบเผ็ดมาร้านนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน เมนูเด็ดคือ "คั่วกลิ้ง" ที่ถึงเครื่องมากคลุกข้าวสวยร้อนๆ หรอยจังหู้ หรือจะเป็นแกงส้มปลากระพงยอดมะพร้าว, ผัดสะตอกะปิกับกุ้ง, ปลากระบอกทอดขมิ้น, หล่นไตปลา, ยำถั่วพลู และอีกหลายเมนูไว้ให้เลือก นอกจากอาหารใต้ที่รสชาติจัดจ้านแล้วภายในก็ยังมีอาหารไทย - จีนไว้บริการสำหรับใครที่ไม่ชอบทานเผ็ด อีกทั้งที่นี่ยังรับจัดเลี้ยงนอกและในสถานที่อีกด้วย
ที่ตั้ง : 452/84 - 85 ถ.ตลาดใหม่ ต.ตลาด อ.เมือง
โทรศัพท์ : 077 - 273471,077 - 273267
ทริปนี้เราพักที่ S.22 Hotel ที่พักใจกลางเมืองสุราษฎร์ฯ ตั้งอยู่บนถนนโฉลกรัฐ ให้บริการห้องพัก ห้องประชุม ห้องอาหาร มีลานจอดรถขนาดใหญ่ มีรปภ.ดูแล 24 ชั่วโม ตัวโรงแรมออกแบบแนว Modern Loft โดยเน้นให้เห็น ปูนเปลือย อิฐ ไม้ ตกแต่งภายในโรงแรมได้อย่างลงตัว โดยห้องพักมีให้เลือกสองขนาด คือ 28,35 ตารางเมตร ราคาหลักร้อย ถึงพันต้นๆ เท่านั้นค่ะ
ที่ตั้ง : 349/2 หมู่ 4, ถ.โฉลกรัฐ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง
โทรศัพท์ : 077 - 922229
ยามเช้าของวันที่ 2 เราตื่นแต่เช้าเพื่อไปตักบาตรยามเช้า เอาฤกษ์เอาชัยกันค่ะ โดยในช่วงเทศกาลแบบนี้ในเมืองสุราษฎร์ฯ เต็มไปด้วยผู้คนออกมาตักบาตรยามเช้ากันเยอะเลยค่ะ
เมนูยามเช้าของวันนี้เราไปกันที่ร้านยอดฮิตของชาวสุราษฎร์ฯ อย่าง "เสรีแต่เตี้ยม" สตาร์ทกันด้วยเมนูง่ายๆ แต่อร่อยสุดๆ อย่าง ติ่มซำ ขนมจีบ ซาลาเปา โจ๊ก บะกุ๊ดเต๋ แนะนำเลยว่าต้องลองติ่มซำค่ะ ราคาไม่แพงเลย..แค่จานละ 15 บาทเท่านั้น เราอยากทานอันไหนก็เลือกหยิบให้เขาอุ่นได้เลย บอกเลยว่าอร่อย ! ใครมาสุราษฎร์ฯ ห้ามพลาดนะ
ที่ตั้ง : 2/5 ถ.ต้นโพธิ์ อ.เมือง
เปิด - ปิดบริการ : 06.00 - 11.00 น.
โทรศัพท์ : 077 - 272279 ,077 - 081363
ต่อด้วย "ศาลเจ้ามูลนิธิมุทิตาจิตธรรมสถาน" แวะไปสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมที่สูงที่สุดในประเทศไทยกันค่ะ
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่มีประเพณีชักพระหรือลากพระ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวสุราษฎร์ฯ จัดขึ้นในทุกวันออกพรรษา (แรม 1 ค่ำ เดือน 11) เป็นงานที่แต่ละวัดจะทำบุษบกหรือพนมพระ โดยมีการตกแต่งอย่างสวยงาม ตรงกลางบุษบกเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร งานจัดอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา โดยมีวัดมาร่วมแห้ถึง 100 วัดเลย นอกจากนี้เรายังได้เห็นชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันลากเรือพระ บรรยากาศสนุกสนานและอิ่มบุญสุดๆ ไปเลยค่ะ
นอกจากชักพระบนบกแล้วยังมีการชักพระทางน้ำด้วยค่ะ เนื่องจากในสมัยโบราณเราสัญจรทางน้ำกัน
มีแข่งเรือยาวด้วยนะ บอกเลยว่ามันส์หยด ข้างสนามลุ้นกันตัวโก่งเลย
หลังจากชมขบวนเรือพระสุดแสนตระการตาไปแล้ว เราแวะไปทำสวยกันที่ สปามะพร้าว "สวนลุงสงค์" ที่นี่เราได้ลองทำสปามะพร้าวเองด้วย ซึ่งมะพร้าวเป็น
ที่ตั้ง : 109 หมู่ 3 อ.เมือง
โทรศัพท์ : 081 - 5898635
ก่อนเข้าที่พักเราไปริมแม่น้ำตาปี เพื่อชมความสวยงามของเรือพระยามค่ำคืนกัน ซึ่งพอตกช่วงค่ำคืนจะมีการเปิดไฟประดับเรือพระทั้ง 100 วัด สีเหลืองอร่ามตาไปหมด คนก็คึกคักไม่แพ้ตอนกลางวันอีกด้วยนะ
ป่าต้นน้ำ-บ้านน้ำราด เป็นสถานที่เที่ยวสุดอันซีน ที่ใครๆ ก็รีเควสกันมาว่าต้องไปให้ได้ ทริปนี้เลยไม่พลาด ที่นี่เป็นตาน้ำธรรมชาติที่มีน้ำใสแจ๋วราวกับกระจกกลางป่าเขา ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำราด ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปักหมุดกันให้ดีเลยถ้าหากใครจะไปเที่ยว เพราะวันหยุดนั้นจะมีนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ หากอยากเที่ยวให้ฟินแนะนำว่าธรรมดาจะดีที่สุดค่ะ
ที่ตั้ง : หมู่ 4 บ้านน้ำราด ต.บ้านทำเนียบ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี
เปิด - ปิดบริการ : ทุกวัน 07.30 - 18.00 น.
สอบถามเส้นทางได้ที่ กำนันสุจิน นาคบำรุง 080 - 6961166,096 - 6356358
อีกหนึ่งไฮไลท์ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ "เขื่อนรัชชประภา" ตัวเขื่อนตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก โอบล้อมไปด้วยภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตา ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายๆ คนฝันถึง เพราะด้วยความงามทางธรรมชาติที่เพียบพร้อม มีทั้งสายน้ำและภูเขาสวย จนได้รับการขนานนามว่าเป็นดินแดนกุ้ยหลินเมืองไทย
ทริปนี้เราไม่ได้ไปเข้าพักในตัวเขื่อน เพราะมีเวลาน้อย เลยได้แค่มาถ่ายภาพ เช็คอินเล่นๆ บนสันเขื่อน บอกเลยว่าวิวสวยฟินได้เหมือนกันค่ะ เราแนะนำสำหรับคนไม่มีเวลาไปพัก อาจจะมานั่งเรือชมเขื่อน 1 วันหรือไปถ่ายรูปเล่นริมสันเขื่อนได้ค่ะ
ยังมีเวลาเหลือก่อนจะกลับกรุงเทพฯ เราแวะกันไปที่ "วัดถ้ำสิงขร" เป็นวัดอายุหลายร้อยปี ลักษณะของวัดเป็นถ้ำ ด้านในมีพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดต่างๆ จำนวนมาก โดยมีพระพุทธรูปสำคัญคือ พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาทขนาดใหญ่ มีช้างปูนปั้นยืนเรียงราย บนผนังถ้ำขวามือและตรงกลางถ้ำ มีภาพปูนปั้นเป็นรูปเทวดา ยักษ์ แม่พระธรณีล้อมรอบพระพุทธรูปบนเพดานถ้ำเป็นลายปูนปั้น รูปลายก้านขดและติดกระเบื้องถ้วยชามประดับ
ที่ตั้ง : ต.ถ้ำสิงขร อ.คีรีรัฐนิคม
เปิด - ปิดบริการ : 08.30 - 16.30 น.
ถึงเวลาโบกมือลาเมืองคนดี จังหวัดที่ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ... ครั้งหน้าเราสัญญาว่าจะมาสำรวจจังหวัดนี้อีกในแง่มุมต่างๆ สำหรับทริปนี้เราอิ่มบุญ อิ่มใจ เที่ยวในเมือง แวะเขื่อนเพลินๆ สำหรับใครที่อยากลองสัมผัสสุราษฎร์ธานีในแง่มุมแบบนี้่บ้าง อย่ารอช้า...ตามเราไปเลย !!
ชิลไปไหน
Tags: สุราษฎร์ธานี เที่ยวสุราษฎร์ธานี คลองร้อยสาย ศูนย์ฝึกลิงตำบลคลองน้อย อู่ต่อเรือช่างกบ ร้านอาหารบางลำพู 1 วัดบางไทร Lucky Restaurant S.22 Hotel เสรีแต่เตี้ยม ศาลเจ้ามูลนิธิมุทิตาจิต งานประเพณีชักพระ สปามะพร้าวสวนลุงสงค์ วัดถ้ำสิงขร เรือพนมพระ ป่าต้นน้ำ บ้านนำ้ราด เขื่อนรัชชประภา
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 416 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 363 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 05 พ.ย. 2024 | 3,995 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 พ.ย. 2024 | 873 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 08 พ.ย. 2024 | 1,633 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 886 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 2,098 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,195 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 10 ต.ค. 2024 | 1,480 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,204 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 884 อ่าน