calendar_month 26 พ.ย. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 348,729 / ทริปตัวอย่าง
“ถ้าเราเหนื่อยล้า...จงเดินเข้าป่า...”
แต่ถ้าอยากหลบจากรถติดและชีวิตยุ่งๆ มุ่งหน้าไปสระบุรีแล้วเลี้ยวขวาไปกางเต็นท์ชมธรรมชาติที่นี่ “เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า”
จากกรุงเทพฯ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ แวะทานมื้อกลางวันกันที่ร้านอาหารด้านหน้าทางเข้าที่ทำการศูนย์ฯ เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จากนั้นจะเจอด่านทางเข้าศูนย์ฯ ซึ่งเปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น. เท่านั้น หลังจากนั้นด่านจะปิดห้ามเข้า-ออก ถ้าใครมาเที่ยววันธรรมดาแบบพวกเรา แนะนำให้เตรียมซื้อเสบียงมาจากข้างนอกให้พร้อมกันก่อนนะคะ เพราะร้านค้าสวัสดิการจะเปิดเฉพาะแค่วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เท่านั้น
ระหว่างทางเราเห็นป้ายจุดชมวิว เลยตัดสินใจขับรถแวะขึ้นไปชมกันก่อน ถึงด้านบนจะร้อนไปสักหน่อย...แต่ก็ได้เห็นวิวเขาใหญ่ไกลๆ ถ้ามาตอนเช้าๆ ที่มีทะเลหมอกน่าจะสวยกว่านี้
หลังจากถ่ายรูปที่จุดชมวิวเสร็จ เราก็ขับรถลงมาที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะมาแคมป์ปิ้งริมอ่างเก็บน้ำในคืนนี้กันค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนกางเต็นท์ที่นี่ ต้องมาลงทะเบียนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อน โดยใช้บัตรประชาชน (รถ 1 คัน ลงทะเบียน 1 คน) เจ้าหน้าที่จะชี้แจงกฏในการเข้าพัก เช่น ห้ามใช้เครื่องเสียงทุกชนิด ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือห้ามส่งเสียงดังหลัง 4 ทุ่ม เป็นต้น ส่วนค่าบริการในการกางเต็นท์นั้นไม่กำหนด แล้วแต่จะบริจาคเป็นค่าบำรุงสถานที่ ถ้าใครไม่อยากนอนเต็นท์ก็มีบ้านพักทั้งห้องแอร์และพัดลมที่พักได้ตั้งแต่ 2-4 คนให้บริการ
จุดกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณริมอ่างเก็บน้ำซับป่าว่าน เป็นลานกว้างๆ พื้นเป็นสนามหญ้าสีเขียวขจีเหมาะกับการตั้งแคมป์ วันที่เราไปมีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์ที่นี่กันประมาณ 7-8 หลัง มีทั้งครอบครัว คู่รัก และแบบที่ยกแก๊งค์กันมาเป็นกลุ่ม แต่ละเต็นท์ตั้งกระจายกันห่างๆ บรรยากาศอบอุ่นกำลังพอดีๆ ไม่เงียบเหงาหรือแออัดจนเกินไป
พอจอดรถแล้ว เราก็ขนของลงจากรถโดยทางศูนย์ฯ จะมีบริการรถเข็นให้ยืมใช้ด้วย ไม่งั้นคงต้องเดินขนกันหลายเที่ยว พอเลือกได้ทำเลเหมาะๆ เราก็รีบกางเต็นท์กัน แต่พอกางได้แป๊บเดียวฝนก็เทลงมา...เป็นอันว่าต้องหาที่หลบก่อน โกยข้าวของเอาไว้ในเต็นท์รอฝนหยุด ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆ เพราะตกไม่นาน...แค่แป๊บเดียวฝนก็หยุดตก ทำให้อากาศที่ร้อนอบอ้าวคลายลงไปบ้าง แอบมีหมอกจางๆ หลังฝนตกด้วยล่ะ...วิวสวยจนอดใจไม่ไหว ขอกดชัตเตอร์รัวๆ ไว้อัพ IG อวดเพื่อนหน่อยละกัน อิอิ
พอจัดการเรื่องเต็นท์เสร็จ เราก็ไปเดินเที่ยวรอบๆ ศูนย์ฯ กัน มีทางเดินรอบอ่างเก็บน้ำให้ชมวิว เสียดายที่ไม่มีบริการจักรยานให้เช่ายืมปั่นแล้ว พวกเราเลยเลือกไปทำกิจกรรมอย่างการไปเดินป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซึ่งมีให้เลือก 3 เส้นทาง ตั้งแต่เล็ก กลาง ใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าสายชิลอย่างเราต้องเลือกเส้นทางเล็กอยู่แล้ว 555
ก่อนไปตะลุยตามเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ขอเติมพลังด้วยไวตามิ้ลค์ ทูโก กันก่อน เดี๋ยวนี้เค้ามีแพ็คเกจใหม่เป็นแบบฝาเกลียวเปิดดื่มได้ง่ายๆ พกใส่กระเป๋าเวลาไปเที่ยวได้ทุกที่ทุกเวลา เติมโปรตีนให้ร่างกายซะหน่อย พร้อมแล้วไปลุยกันเลย!
เราเลือกเส้นทางเดินไปน้ำตกเจ็ดคดเหนือ ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเส้นทางนี้เราจะต้องเดินเองโดยไม่มีเจ้าหน้าที่นำทาง
ระหว่างทางมีป้ายบอกเป็นระยะๆ ไม่ต้องกลัวหลง เราเพลิดเพลินกับการเดินชมธรรมชาติสองข้างทาง มีโป่งผีเสื้อนับร้อยตัวและสัตว์ป่าเล็กๆ ออกมาโชว์ตัวให้เห็น เลยหยุดแวะถ่ายรูปพลางพักเหนื่อยกันไปตลอดทาง
ในที่สุดเราก็เดินมาจนถึงน้ำตกเจ็ดคดเหนือ เห็นแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ แม้จะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่ก็ใสน่าเล่นมากๆ เราแช่ขาในน้ำเย็นเจี๊ยบ นั่งฟังเสียงธรรมชาติรอบตัว โชคดีที่วันนั้นแทบไม่มีใครเลย...มีแค่กลุ่มของพวกเราเท่านั้น แต่ละคนแยกย้ายหามุมนั่งชิล ถ่ายรูปของตัวเองกันไป แต่เราเบื่อเซลฟี่แล้ว...ขอถ่ายรูปธรรมชาติสวยๆ เก็บไว้แทนแล้วกัน
หลังจากไปเดินเที่ยวป่ากลับมากันจนหิวซ่ก เราก็รีบจัดแจงลงมือทำอาหารเย็นกัน พวกเราเตรียมของสดมาเต็มพิกัด มื้อเย็นนี้เราจะทำสุกี้ร้อนๆ กินกัน แบ่งหน้าที่กันเสร็จสรรพ คนหนึ่งติดเตาแก๊ซ คนหนึ่งหั่นผัก อีกคนถ่ายรูป55 เป็นประสบการณ์สนุกๆ ที่หาไม่ได้ถ้าเราไปพักตามโรงแรมที่แม้จะสะดวกสบาย แต่มันไม่ได้ฟีลลิ่งแบบนี้
อิ่มแล้วก็นั่งชมวิว เมาท์มอยกันไป บรรยากาศดีมากๆ มองเห็นสายหมอกลอยเหนือยอดไม้ไกลๆ อากาศสดชื่นเย็นสบายจนอยากนอนตื่นมาเห็นวิวแบบนี้ทุกวันเลย
บรรยากาศตอนกลางคืนที่นี่ คือโรแมนติกมากเว่อรรร์...ยิ่งได้มาแคมป์ปิ้งริมน้ำ นอนดูดาวแบบนี้ก็ยิ่งฟิน เสียดายที่คืนนั้นท้องฟ้ามีเมฆเลยเห็นดาวไม่ค่อยชัด แต่ก็ชดเชยด้วยพระจันทร์ดวงโตที่อยากจะเอื้อมมือไปคว้ามาใส่กระเป๋ากลับบ้านจริงๆ
คืนนี้โนแอล…เป็นเด็กดีดื่มนมก่อนนอนจ้า! 555 เอาจริงๆ เราว่านะ...มาเที่ยวพักผ่อนในสถานที่ธรรมชาติแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ได้ แค่มีเพื่อนที่รู้ใจกับบทสนทนาดีๆ ก็พอแล้ว เราเลยหอบเอาไวตามิ้ลค์ ทูโก มานั่งดริงค์ชิลๆ ริมน้ำ ความดีงามของนางคือนอกจากฝาเกลียวแล้ว ยังดีไซน์ฉลาก Limited Edition 12 ลายใหม่ที่เป็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองไทย คือเข้ากับบรรยากาศไปอี๊ก…นี่สารภาพเลยว่าตามเก็บให้ครบอยู่เหมือนกัน แถมยังเอาไปลุ้น Samsung Note9 ได้อีก!
ง่ายๆ แค่ซื้อไวตามิ้ลค์ ทูโก รสอะไรก็ได้ แค่บิดเปิดฝาก็ได้เปิดประสบการณ์ลุ้น Samsung Note9 ใหม่ ถึง 100 เครื่องทุกสัปดาห์ โดยดูที่ใต้ฝาจะมีรหัสอยู่ หยิบมือถือขึ้นมาแล้วกด *470*88* ตามด้วยรหัสใต้ฝา 9 หลัก ตามด้วยเครื่องหมาย # แล้วก็โทรออก หรือแสกน QR Code บนฉลากข้างขวด แล้วกรอกเบอร์โทรศัพท์ และรหัสใต้ฝา 9 หลัก แค่นี้ก็ลุ้นรับมือถือใหม่เพื่อออกไปเปิดประสบการณ์กับสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ พร้อมเก็บภาพความประทับใจในมุมของเรากันได้แล้ว
หลังจากนั่งชิลดูดาวใต้แสงจันทร์กันมาทั้งคืน ตอนเช้าเราตื่นมาพร้อมกับวิวสวยๆ แบบนี้ เห็นแล้วไม่อยากตื่นเลยอ่ะ คือมันโรแมนติกสุดๆ นึกว่าอยู่ในความฝัน แต่นั่งเคลิ้มอยู่ได้ไม่กี่นาที ความจริงก็มากระชากปลุก คือนี่ลืมเก็บของเข้าเต็นท์กันจ้า...ไม่ทันนึกว่าน้ำค้างจะแรงขนาดนี้ ข้าวของเปียกกันไปตามระเบียบ ใครจะมาเที่ยวกางเต็นท์ที่เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้าอย่างพวกเรา อย่าลืมพกฟลายชีทมาคลุมหน้าเต็นท์เผื่อไว้ด้วยก็ดีนะ
หลังจากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในเต็นท์จนแดดเริ่มสาดมาไล่ และแล้วความอลเวงยามเช้าก็เริ่มขึ้น นั่นคือการทำอาหารเช้านั่นเอง งานย้ายเต็นท์ก็มาจ้า! นี่ก็ตะหงิดๆ อยู่ตั้งแต่เมื่อวานว่า แปลก...ทำไมไม่ค่อยมีใครมากางเต็นท์แถวๆ ริมน้ำเลยแฮะ พอแดดออกเท่านั้นแหละ...รู้เรื่อง!
ฉะนั้น ถ้าใครมากางเต็นท์ที่เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า แล้วไม่มีหลังคาฟลายชีทมาด้วยอย่างพวกเรา แนะนำกางเต็นท์แถวๆ ใต้ร่มไม้แบบนี้จะดีกว่า
เราเตรียมพวกไส้กรอก แฮม เบคอน และไข่ไก่เอามาทอดทานคู่กับขนมปังเป็นมื้อเช้าง่ายๆ ใครไม่อิ่มก็มีมักกะโรนีราดซอสสำเร็จรูป ตบท้ายด้วยไวตามิลค์ ทูโก อีกสักขวด แค่นี้ก็อิ่มสบายท้อง พร้อมออกไปเที่ยวกันต่อแล้วล่ะ
ขากลับเราแวะไปเที่ยวทุ่งทานตะวันที่ลพบุรี แล้วทานมื้อกลางวันกันที่ “ร้านกะเพรา & Coffee” ตอนนี้ดอกไม้ที่ทางร้านลงไว้ยังไม่ออกดอก น่าจะบานช่วงกลางเดือนธันวาคมพร้อมๆ กับดอกทานตะวัน เลยไปเดินเล่นถ่ายรูปบนสะพานไม้แทน มองเห็นวิวเขาจีนแลไกลๆ อยู่ด้านหลัง
เมนูที่นี่มีทั้งเครื่องดื่มอย่างชา กาแฟ เบเกอรี่ และเมนูเด็ดอย่างผัดกะเพราเหมือนชื่อร้าน เราสั่งสเต็กหมู และผัดกะเพราเขาจีนแล กะเพราเนื้อสูตรเฉพาะของทางร้าน เนื้อไม่เหนียวมาก ไม่มีกลิ่นคาว รสชาติจัดจ้านถึงเครื่องกะเพราแท้ๆ
อิ่มแล้วขับรถไปเที่ยวทุ่งทานตะวันเขาจีนแล ถึงแม้ส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยออกดอก แต่ก็ชดเชยด้วยวิวเทือกเขาหินปูนตัดกับท้องฟ้าใสๆ เป็นฉากถ่ายรูปด้านหลัง ปลอบใจตัวเองเบาๆ ว่ามาเที่ยวช่วงนี้คนไม่เยอะ เที่ยวก่อนได้ถ่ายรูปก่อน อิอิ
ไหนๆ ก็มาแล้ว จะถ่ายรูปกับดอกทานตะวันหรอมแหรมก็ยังไงอยู่...โชคดีที่เราเจอไร่ทานตะวันข้างทาง ชื่อไร่ทานตะวันลุงหมึก เลยจอดรถแวะเข้าไปเที่ยว เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท จะถ่ายรูปนานแค่ไหนก็ได้...เจ้าของไร่อธิบายว่าทานตะวันในไร่เป็นพันธุ์เดียวกับดอกทานตะวันที่ปลูกที่เขาจีนแลนั่นแหละ แต่ปีนี้เมล็ดทานตะวันราคาไม่ค่อยดี เลยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปแทน ใครอยากซื้อดอกทานตะวันกลับบ้านก็ได้ ลุงให้ถือมีดเข้าไปเลือกตัดในไร่เองได้เลย ราคาดอกละ 20 บาทเท่านั้น เราเลยหอบกลับใส่ตะกร้ากลับบ้านกันคนละ 4-5 ดอก
และแล้วก็ถึงเวลาต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ จบทริปนอนกางเต็นท์ชมดาวริมน้ำที่เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า สระบุรี 2 วัน 1 คืน แถมท้ายด้วยทุ่งทานตะวันที่ลพบุรีแบบพอกรุบกริบ แค่นี้ก็ได้ชาร์จแบตความสดชื่นให้เราพร้อมกลับไปทำงานต่อ แล้วคุณล่ะ…พร้อมจะออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการท่องเที่ยวให้กับตัวเองแล้วหรือยัง?
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า
ที่ตั้ง ตำบลท่ามะปราง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
เวลาในการเข้าออกสถานที่ ด่านเปิด 08.30-20.00 น.
ติดต่อสอบถามหรือจองบ้านพัก โทร.089-2378659, 085-9683520, 080-0192762 (ในเวลาราชการ 08.30-12.00 น. และ 13.00-16.30 น.)
ร้านค้าสวัสดิการ เปิดวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ (ร้านอาหารเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์)
ติดต่อร้านค้าสวัสดิการ โทร.065-3428282,089-8014932
ราคาเช่าเครื่องนอน :
เต็นท์ 2 คน ราคา 300 บาท
หมอน 20 บาท
ผ้าห่ม 50 บาท
ถุงนอน 50 บาท
เตา 50 บาท/มัดจำ 50 บาท
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางด่วนบางปะอินหรือดอนเมืองโทลเวย์ก็ได้ แล้วใช้ถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปสระบุรี, ถึงสระบุรีแล้วเลี้ยวขวา (แยกต่างระดับมิตรภาพ) หรือจะใช้บายพาสสระบุรีตะวันออกเพื่อเลี่ยงเมืองก็ได้ จากนั้นใช้ถนนมิตรภาพ (ไปทางเดียวกับนครราชสีมา) จนถึงช่วงอำเภอแก่งคอย ใช้สะพานกลับรถตรงโรงงาน 2 ปูนซีเมนต์นครหลวง แล้วย้อนมาเข้าทาง "ตลาดกวางทอง" ขับเข้าไปอีกประมาณ 19 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า
Tags: สระบุรี เที่ยวสระบุรี เที่ยวเจ็ดคดโป่งก้อนเส้า เจ็ดคต โป่งก้อนเสา ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า เดินป่า แคมป์ปิ้ง น้ำตกเจ็ดคด น้ำตกเจ็ดคต น้ำตกเจ็ดคตเหนือ ศูนย์ฝึกอบรมที่ 6 (เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า) บ้านพักอุทยาน อ่างเก็บน้ำซับป่าว่าน ทุ่งทานตะวันลพบุรี เขาจีนแล ร้านกะเพราแอนด์คอฟฟี่ กะเพรา & Coffee คาเฟ่ลพบุรี ร้านอาหารลพบุรี ไวตามิ้ลค์ทูโก Vitamilk
ทริปตัวอย่าง | 18 ธ.ค. 2024 | 106 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 298 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 390 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 513 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 26 พ.ย. 2024 | 732 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 1,045 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 01 ธ.ค. 2024 | 482 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 911 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 28 ต.ค. 2024 | 1,243 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 1,404 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,765 อ่าน