calendar_month 03 ก.ย. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 142,251 / ทริปตัวอย่าง , ที่เที่ยว
ว่ากันว่าคนเราใช้เวลา 8 วินาทีในการตกหลุมรักใครสักคน…
แต่ถ้าหากเป็นสถานที่ จะต้องใช้เวลาสักเท่าไหร่ในการที่เราจะเกิดความรู้สึกผูกพันกับบางอย่าง
สำหรับเรา “เชียงราย” ใช้เวลาแค่ 3 วัน ก็ทำให้เราอยากหอบกระเป๋ามาอยู่ที่นี่นานๆ ซะแล้ว เมืองอะไรไม่รู้…ทั้งน่ารัก น่ากอด มีทั้งธรรมชาติสวยๆ ศิลปะงามๆ แถมยังเต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารอร่อยๆ ให้กินจนพุงกาง
ทริปนี้เราจะพาคุณไปเที่ยวเชียงรายแบบเนื้อๆ เน้นๆ คัดมาแล้วว่าเด็ด จบทริปแล้วรับรองจะตกหลุมรักเมืองนี้เหมือนเราแน่นอน!
มาถึงเชียงรายถ้าไม่ได้เที่ยววัด…คงไม่ได้สัมผัสความเป็นเชียงรายครบทุกมุม ข้อมูลบอกว่าวัดในเชียงรายมีมากกว่า 1,282 วัด และเชียงรายยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะ ที่มีศิลปินท้องถิ่นฝีมือดีอยู่จำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่วัดหลายแห่งของเชียงรายจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนไทยและต่างชาติ ที่ต้องการมาชมฝีมือเชิงช่างชั้นครูของ “สล่า” ชาวเชียงรายที่รังสรรค์ผลงานศิลปะแห่งศรัทธาออกมาเป็นงานพุทธศิลป์ที่น่าทึ่ง
หนึ่งในจำนวนนั้นคือ “วัดร่องเสือเต้น” วัดสีน้ำเงินที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้ริมแม่น้ำกก ในตัวเมืองเชียงราย พุทธสถาปัตย์สุดประณีตงดงามแห่งนี้ เกิดจากแรงศรัทธาของ “สล่านก” ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ที่ได้หลอมรวมจุดเด่นลวดลายที่พลิ้วไหวมาจากศิลปินเอกอย่าง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เข้ากับรูปแบบผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างบ้านดำ จ.เชียงราย จนกลายมาเป็นพระอุโบสถศิลปะไทยประยุกต์ที่ใช้เฉดสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองเป็นเอกลักษณ์
มองด้านนอกว่าสวยแล้ว พอได้เข้าไปชมด้านในทำให้เราแทบอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง…เพราะผนังด้านในพระอุโบสถจรดเพดานเต็มไปด้วยภาพงานจิตรกรรมฝีมือประณีตและละเอียดงดงาม ในพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ" พระประธานสีขาวมุกขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร ซึ่งภายในพระเศียรได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุให้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ด้านหลังอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติสีขาวองค์ใหญ่ ประทับยืนหันหน้าไปทางเจดีย์พระธาตุแก้วจุฬามณีห้าพระองค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มุมนี้มีนักท่องเที่ยวไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าบริเวณด้านหน้าตัววิหาร เราสามารถเดินชมความงามได้แบบไม่ต้องเร่งรีบ
หลังจากอิ่มใจไปกับงานพุทธศิลป์ที่วัดร่องเสือเต้น เราไปเติมพลังด้วยเมนูอร่อยๆ กันที่ “Melt in Your Mouth” คาเฟ่เก๋ๆ ริมแม่น้ำกก ที่ตกแต่งในสไตล์เฟรนช์วินเทจ แค่ทางเดินปูอิฐท่ามกลางสวนน้ำพุสวยๆ ด้านหน้า ก็ชวนให้รู้สึกว่ากำลังเดินเข้าไปเยี่ยมชมบ้านสวยๆ ในชนบทของฝรั่งเศสเลยเชียวล่ะ
ภายในร้านมีที่ให้นั่งชิลหลายมุม เราเลือกนั่งที่โต๊ะในห้องกระจกจะได้มองเห็นวิวสวนสวยๆ ชัดๆ จิบกาแฟฟังเสียงฝนคลอไปด้วยเบาๆ ระหว่างรออาหาร
วันธรรมดาช่วงกลางวันแบบนี้ลูกค้าไม่ค่อยแน่นเหมือนวันเสาร์อาทิตย์ แป๊บเดียว…พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟ มื้อนี้เราขอประเดิมด้วยเมนูพื้นเมืองผสมอินเตอร์แบบฟิวชั่น จัดหนักทั้ง “ชุดกระเช้าน้ำพริกเมลท์” ชุดน้ำพริกเสิร์ฟพร้อมผักสดสำหรับคนรักสุขภาพที่ทางร้านจัดมาในกระเช้าสองชั้นเก๋ๆ ใครจะคิดว่าน้ำพริกก็สามารถพรีเซนท์ออกมาให้ดูเท่ได้แบบนี้ ยังมีเมนูพาสต้าไส้อั่ว และพิซซ่าผักโขมเบคอนอีกถาดใหญ่ แป้งพิซซ่าบางกรอบได้รสชีสและผักโขมกลมกล่อมเต็มๆ คำ
สาวๆ คนไหนเป็นสายหวาน ต้องไม่พลาดเมนู “เมลท์ฟินน์ฟรุตตี้” สตรอว์เบอร์รี่ปั่นเสิร์ฟพร้อมเบอร์รี่สด ท้อปด้วยวิปครีมและไอศกรีมโยเกิร์ตแก้วโต รสชาติเปรี้ยวอมหวานของสตรอว์เบอร์รี่เข้ากันได้ดีกับไอศกรีมโยเกิร์ตหอมๆ แถมยังเป็นสูตร Fat Free ไม่ต้องกลัวอ้วน
จากตัวเมืองเชียงราย เราขับรถไปที่ “วัดห้วยปลากั้ง” วัดนอกเมืองเชียงรายที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในตำบลริมกก เพื่อชมรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากจะได้ตื่นตากับสิ่งปลูกสร้างที่ถวายเป็นพุทธศิลป์สุดอลังการภายในบริเวณวัดแล้ว วัดห้วยปลากั้งยังเป็นแลนด์มาร์คสำหรับช่างภาพที่ชอบถ่ายรูปอีกด้วย
เนื่องจากตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขา ทางวัดจึงมีบริการรถรางพาเที่ยวชมจุดต่างๆ แต่ถ้าใครอยากเดินเที่ยวสำรวจรอบๆ ด้วยตัวเองก็ทำได้ เราลองเดินขึ้นบันไดที่มีมังกรตัวใหญ่ตั้งตระหง่านขึ้นไปยังฐานรูปปั้นองค์เจ้าแม่กวนอิม ลักษณะบันไดออกแบบได้ดีไม่ชันมาก พอเรียกเหงื่อได้นิดๆ ภายในองค์เจ้าแม่กวนอิมยังมีลิฟท์ให้ขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงได้ด้วย น่าเสียดายที่เรามาช่วงเย็นที่ลิฟท์ปิดไปแล้วเลยอดขึ้นไปชมวิวด้านบน คราวหน้ามาใหม่อีกครั้งรับรองว่าไม่พลาดแน่นอน!
นอกจากรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่แล้ว ไฮไลท์ของที่นี่ยังมี “พบโชคธรรมเจดีย์” เจดีย์เก้าชั้นที่สวยงามศิลปะแบบจีนผสมล้านนา ภายในเจดีย์มีเจ้าแม่กวนอิมจำลองแกะสลักด้วยไม้จันทน์หอมทั้งองค์ โดยแต่ละชั้นจะมีพระพุทธรูปประจำชั้นประดิษฐานเรียงรายอยู่ด้วย ถัดไปใกล้ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของพระวิหารพบโชค วิหารสีขาวล้วนที่ตระการตาตั้งแต่พื้นไปจนถึงเพดานที่สลักเสลาเป็นลวดลายวิจิตรงดงาม
ถ้าใครไปช่วงหลัง 6 โมงเย็น แนะนำให้เดินเล่นและรอทางวัดเปิดไฟประดับตามมุมต่างๆ บอกเลยว่าบรรยากาศตอนกลางคืนที่วัดห้วยปลากั้งสวยงามมากๆ แสงไฟส่องประกายสะท้อนกับสิ่งปลูกสร้าง ทั้งเจดีย์ วิหาร และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม เป็นภาพที่แตกต่างจากตอนกลางวัน งดงามมีเสน่ห์ไปกันคนละแบบ
หลังจากตะลอนเที่ยวในเมืองเชียงรายมาทั้งวัน เราไปเช็คอินเข้าที่พักของเราคืนนี้ที่ “เชียงรายเรียวกัง” ที่พักเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่นสุดน่ารัก ตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่ลาว ห่างจากตัวเมืองเชียงรายโดยการขับรถมาประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็จะได้มาพักผ่อนในบรรยากาศแบบ “เรียวกัง” หรือที่พักแบบโรงเตี๊ยมในสมัยเอโดะของญี่ปุ่น
ห้องพักที่นี่ออกแบบได้อบอุ่นน่าพักมากๆ มีทั้งประตูบานเลื่อนแบบโชจิที่ทำจากโครงไม้สนกรุด้วยกระดาษฟางข้าวสีขาว ห้องพักปูด้วยเสื่อตาตามิ พร้อมชุดยูกาตะให้แขกที่มาพักได้สวมใส่ภายในห้องและยังมีอ่างแช่น้ำร้อนเอาท์ดอร์ในสวนหินญี่ปุ่นด้านนอกให้เราลงไปแช่น้ำร้อนผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้อีกด้วย
ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าที่ทางเชียงรายเรียวกังจัดมาเป็นเซ็ทแบบญี่ปุ่นแท้ๆ มีทั้งข้าวต้ม ซุปเต้าหู้สาหร่าย ปลาทอด หมูทอด ผัดผัก และข้าวปั้น พร้อมน้ำชา ขนมและผลไม้อีกชุดใหญ่ อิ่มแปล้พร้อมออกไปลุยเที่ยวเชียงรายกันต่อแล้ว!
จุดหมายแรกของวันนี้ คือสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คของเมืองเชียงรายอย่าง “วัดร่องขุ่น” ใครมาเชียงรายแล้วไม่ได้มาที่นี่ ถือว่ามาไม่ถึง นอกจากจะได้ทึ่งกับผลงานศิลปะของศิลปินเอกชาวเชียงรายอย่าง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้ที่อุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนาและสร้างสรรค์ผลงานสุดประณีตออกมาเป็นพุทธบูชาแล้ว สถาปัตยกรรมทุกชิ้นภายในวัดร่องขุ่นยังสอดแทรกพุทธปรัชญาและปริศนาธรรมเอาไว้ให้ผู้ที่มาเยือนได้ค้นพบ
นอกจากไฮไลท์อย่าง “พระอุโบสถขาว” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว ทุกครั้งที่มาเยือนวัดร่องขุ่น เราจะได้ตื่นตากับสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ อย่างครั้งนี้เราก็ได้มาชมความยิ่งใหญ่ของหอพระพิฆเนศที่เพิ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้ไม่นาน อลังการกับสะพานแขวนสีทองที่ทอดยาวไปยังตัวหอพระพิฆเนศที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ โดยมีองค์พระพิฆเนศขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ท่ามกลางประติมากรรมลวดลายปูนปั้นอันอ่อนช้อย
หลังจากชมศิลปะสวยๆ ที่วัดร่องขุ่นกันจนเต็มอิ่ม เราขับรถมุ่งหน้าไปเที่ยวกันต่อที่ “สิงห์ปาร์ค” อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเชียงราย สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติอย่างฟาร์มเกษตร ก่อนเข้าไปเที่ยวในฟาร์มเราก็ไม่พลาดไปเซลฟี่กับเจ้าสิงห์ทองตัวยักษ์สัญลักษณ์ของที่นี่บริเวณด้านหน้าทางเข้าเป็นที่ระลึกกันซะหน่อย
นอกจากจะได้นั่งรถรางเที่ยวชมฟาร์มเกษตรเนื้อที่กว่า 8,000 ไร่ ภายในมีทั้งไร่ชา สตรอว์เบอร์รี่ พุทรา มัลเบอร์รี่ ฯลฯ ปลูกหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล หากมาช่วงฤดูฝนแบบนี้ที่ผลไม้และดอกไม้ยังไม่ออกดอกออกผล ลองไปผจญภัยโหนซิปไลน์จากบนหอสูงกระตุ้นอะดรีนารีนกันซะหน่อย สนุกแถมยังได้ชมวิวทะเลสาบจากมุมสูงแบบนี้อีกด้วย
มื้อเที่ยงเราขับรถเข้าไปในตัวเมืองเชียงราย เพื่อไปทานมื้อกลางวันกันที่ร้าน “ผามไส้อั่ว” ร้านอาหารเหนือสไตล์ฟิวชั่นสุดเก๋ ที่ทำให้การทานอาหารพื้นเมืองดูไม่จำเจอีกต่อไป เริ่มตั้งแต่สไตล์การออกแบบตกแต่งร้านที่ดูร่วมสมัยแต่ยังรักษาความเป็นล้านนาไว้ ไปจนถึงเมนูอาหารเหนือที่มีให้เลือกลิ้มลองหลากหลายเหมือนฝีมือแม่ทำให้กินที่บ้าน
สำหรับการตกแต่งภายในร้านได้กลิ่นอายความเป็นพื้นเมือง บนผนังมีกวักข้าว หรือ “กัวะข้าว” ภาชนะที่คนภาคเหนือใช้คนข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ๆ ทำจากไม้สักแท้ ซึ่งเจ้าของร้านสะสมและนำมาใช้ตกแต่งภายในร้าน ช่วยเสริมเสน่ห์ให้ผนังปูนเปลือยสไตล์ลอฟท์ดิบๆ ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
เมนูขึ้นชื่อของที่นี่ มาแล้วต้องไม่พลาดสั่ง อาทิ ผัดกะเพราไส้อั่วที่ทางร้านพลิกแพลงสูตรผัดกะเพรา นำเอาไส้อั่วมาเป็นวัตถุดิบหลัก ส่วนใครชอบกินอาหารเหนือต้องลองเมนูนี้ “ล้านนาผาม” ออร์เดิร์ฟเมืองที่รวมของกินพื้นเมืองเหนือ ทั้งแคบหมู น้ำพริกอ่อง ไส้อั่ว และแกงฮังเล เสิร์ฟพร้อมผักสดชุดใหญ่ ตบท้ายด้วยซาลาเปาหลากหลายไส้ มีให้เลือกทั้งไส้อั่ว, แกงฮังเล ฯลฯ ซาลาเปาที่นี่ลูกใหญ่ ไส้แน่นเว่อร์ กินเข้าไปแค่ลูกเดียวก็อิ่มตื้อจนแทบลุกไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว
อิ่มแล้วตอนบ่ายขอเปลี่ยนชุด ไปตะลุยเที่ยวไร่ชากันต่อที่ “ไร่ชาฉุยฟง” ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกชาอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ฟินกับไร่ชาที่มีขนาดเนื้อที่กว่า 1,200 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีคาเฟ่เก๋ๆ ให้เราได้นั่งจิบชาชมวิว โดยเฉพาะชาเขียวและเบเกอรี่ที่นี่ขึ้นชื่อมาก แนะนำสั่งชาเขียวมัตฉะมาทานคู่กับเครปชาเขียว แค่ตักเข้าปากคำแรกก็ฟินนนน…สุดๆ
ถ้ายังไม่จุใจ ขับรถทะลุขึ้นไปเที่ยว “ไร่ชา 101” บนดอยแม่สลองกันต่อ ลองแปลงร่างเป็นชาวเขา เก็บใบชากันซะหน่อย ที่นี่เค้ามีตะกร้าเก็บชาให้เช่าเป็นพร็อบไว้ถ่ายรูปในราคา 20 บาท เหมาะจะมาเดินเล่น ถ่ายรูปท่ามกลางวิวไร่ชาที่ลดหลั่นไปตามแนวเขาบนเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า 350 ไร่ ซึ่งหากใครมาเที่ยววันธรรมดาแบบเรา เหมือนแทบจะเหมาทั้งไร่ชาเป็นของเราคนเดียว เพราะแทบไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ให้เห็นเลย
เดินเล่นถ่ายรูปในไร่ชาจนจุใจแล้วไปนั่งพักจิบชาหอมๆ แล้วไปเลือกซื้อใบชากลับไปฝากคนที่บ้าน ที่ไร่ชา 101 มีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชาหลากหลายให้เลือกซื้อ ใครเป็นนักดื่มชามือใหม่แนะนำ ชาอู่หลงเบอร์ 12 ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จิบง่าย หรือจะขยับไปลองชิมชาอู่หลงเบอร์ 17 หรือชาอู่หลงก้านอ่อนที่ทางไร่ได้คัดสรรยอดใบชาชั้นดีจนกลายมาเป็นชารสชาติกลมกล่อม ส่วนใครเป็นคอชาตัวจริง ก็มี “ตุ้งติ่ง” (ชาอูหลงเบอร์ 19) ชาที่ผ่านกระบวนการหมักและอบแบบพิเศษ ทำให้ได้รสชาติชาที่เข้มข้น แต่ยังคงความหวานชุ่มคอ นอกจากนี้ ยังมีชาหอมหมื่นลี้, ชาอู่หลงน้ำค้าง, ชาเขียวอู่หลงมัทฉะ พร้อมชุดอุปกรณ์ชงชา ฯลฯ ให้เลือกช้อปเป็นของฝากกลับบ้านอีกหลายแบบ
ด้านบนยังเปิดเป็นที่พักบรรยากาศดี ชื่อว่า “101 Tea Green View Resort” ที่พักสไตล์ลอฟท์ท่ามกลางบรรยากาศของไร่ชาที่โอบล้อม สามารถมองเห็นวิวไร่ชาจากระเบียงห้องได้เลยแบบนี้ เราเลยตัดสินใจพักที่นี่เพื่อซึมซับบรรยากาศกันสักคืน
เราทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านอาหารภายในรีสอร์ท จัดหนักกับเมนูสุกี้ยูนนาน ที่มีทั้งเต้าหู้ ไข่ไก่ เห็ด และผักสดอีกหลากหลายให้ลวกในหม้อสุกี้ตรงกลาง และยังมีเนื้อแดง เบคอนให้ได้นั่งปิ้งหมูบนกระทะไป พร้อมซดน้ำซุปสุกี้ร้อนๆ ท่ามกลางอากาศดีๆ มองเห็นวิวภูเขาสวยๆไปด้วยแบบนี้ บอกเลยว่าฟินนนน…
วันสุดท้าย เราเช็คเอาท์จากรีสอร์ทตอนสายๆ แล้วขับรถไปเที่ยวที่ “บ้านหล่อโย” หมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่บนดอยท่ามกลางหุบเขาในตำบลแม่สลองนอก และอยู่ไม่ไกลจากดอยแม่สลอง ที่นี่เป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายอาข่าที่ปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนได้ช่วยกันพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับใครที่สนใจอยากไปเรียนรู้วิถีชีวิตชาวอาข่าที่นี่ โดยมีทั้งที่พักบ้านดินแบบโฮมสเตย์ให้ค้างคืนได้ด้วย ถ้าหากไม่ได้มาพักก็สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ อย่างเดินเที่ยวรอบๆ ชุมชน, ปักผ้า, ทำกำไลข้อมือ, เล่นไม้โยกเยก, โล้ชิงช้าอาข่า ฯลฯ ร่วมกับเด็กๆ ชาวอาข่าที่เป็นมัคคุเทศน์น้อยในชุมชน
นอกจากจะได้จิบชาและฟินกับวิวสวยๆ ในที่พักของบ้านดินชาวอาข่าแล้ว เรายังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่นี่ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน อย่างการเรียนทำอาหารอาข่า ซึ่งจะมีชาวบ้านในชุมชนมาคอยสอนและให้คำแนะนำในการลงมือทำทุกขั้นตอน ทั้งสนุกและได้ภูมิใจกับอาหารอร่อยๆ ฝีมือของเราเองอีกด้วย
หลังจากอิ่มอร่อยและสนุกสนานไปกับการท่องเที่ยวและทำกิจกรรมในชุมชน น่าเสียดายที่ทริปนี้เราต้องถึงเวลาอำลาเชียงรายกันซะแล้ว เวลาสั้นๆ แค่ 3 วันในเชียงราย…ยังทำให้เราตกหลุมรักได้ขนาดนี้ แล้วคุณล่ะ…พร้อมจะออกมาค้นหาเสน่ห์ของเมืองนี้ด้วยตัวเองแล้วหรือยัง?
Tags: เชียงราย เที่ยวเชียงราย ที่เที่ยวเชียงราย วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยปลากั้ง วัดร่องขุ่น สิงห์ปาร์ค ไร่ชาฉุยฟง ไร่ชา 101 ร้านอาหารเชียงราย คาเฟ่เชียงราย ร้านอร่อยเชียงราย Melt in Your Mouth ผามไส้อั่ว ร้านอาหารเหนือ ที่พักเชียงราย เชียงรายเรียวกัง 101 Tea Green View Resort ที่พักดอยแม่สลอง บ้านดินอาข่า Akha Mudhouse Maesalong บ้านหล่อโย เที่ยวดอยแม่สลอง ทริปเที่ยวเชียงราย เที่ยวเมืองรอง
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 09 ธ.ค. 2024 | 104 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 105 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 04 ธ.ค. 2024 | 784 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 209 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 05 ธ.ค. 2024 | 1,935 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 368 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 25 พ.ย. 2024 | 1,338 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 22 พ.ย. 2024 | 1,221 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 26 พ.ย. 2024 | 562 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 25 พ.ย. 2024 | 6,391 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 770 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 01 ธ.ค. 2024 | 328 อ่าน