calendar_month 21 ส.ค. 2018 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 70,665 / ทริปตัวอย่าง
ช่วงนี้ฝนตกรถติด อยู่กรุงเทพฯ ชีวิตมันก็ดูจะดาร์คไปนิด ไปใช้ชีวิตสุดสนุกแนวสโลว์ไลฟ์ที่นครปฐมกันดีกว่าไหม ว่าแล้วก็เลยรีบชวนเพื่อนสาวที่เบื่อเมืองกรุงเหมือนกัน ขับรถไปเที่ยวนครปฐมแบบสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ไม่ต้องยื่นวันลาพักร้อนกับบอส เพราะเราจะใช้วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ที่มัวแต่นอนตีพุงอยู่บ้านนี่แหละให้เป็นประโยชน์
แต่ก่อนจะไปขับรถเที่ยว เราก็จำได้ว่าเจ้ารถสุดรักนั้นถึงรอบที่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้ว ก็เลยขอแวะไปให้พี่ๆ ที่ศูนย์บริการ โททาล ควอทซ์ ออโต้ แคร์ ซึ่งเป็นศูนย์บริการฯ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่เราใช้บริการประจำช่วยเปลี่ยนให้
โดยครั้งนี้เราเลือกที่ศูนย์บริการ โททาล ควอทซ์ ออโต้ แคร์ พรโชคชัย ซึ่งอยู่แถวมีนบุรี ที่เลือกสาขานี้เพราะใกล้บ้านและพี่ๆ ช่างของที่นี่ให้คำปรึกษาเรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและการดูแลรักษารถยนต์ได้ดีมากๆ
โดยน้ำมันเครื่องที่เราเลือกใช้เป็นน้ำมันเครื่อง โททาล ควอทซ์ 8000 0W-20 ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% เหมาะสำหรับรถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก เช่น รถ Eco car และเหมาะสำหรับรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกอย่าง E20 และ E85 เพิ่มเกราะป้องกันเครื่องยนต์ ป้องกันการก่อตัวของตะกอนน้ำมันได้มากขึ้น และยังเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบปรับสภาพภายหลังการทำปฏิกิริยาสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
นอกจากนี้ทางศูนย์บริการ โททาล ควอทซ์ ออโต้ แคร์ ยังมีบริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ ตรวจเช็คไส้กรองน้ำมันเครื่อง บริการเปลี่ยนยาง และอื่นๆ กว่า 20 รายการฟรีสำหรับลูกค้าที่มาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง บอกเลยว่างานนี้คนเดินทางอย่างเรามั่นใจว่าทริปนี้จะต้องเป็นการเดินทางที่สนุกและปลอดภัยไร้กังวลแน่นอนค่ะ
เมื่อรถสุดที่รักได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมแล้วเราก็ปักหมุด GPS>> 13.733233, 100.243802 เดินทางไปที่เที่ยวที่แรกของทริปนี้ก็คือสามพราน ริเวอร์ไซด์ นครปฐมกันเลยค่ะ
การเดินทางจากกรุงเทพฯ เราใช้ถนนบรมราชชนนี มุ่งตรงไปยังจังหวัดนครปฐม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 3415 แล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนเพชรเกษม สามพราน ริเวอร์ไซด์จะตั้งอยู่ติดถนนเลยล่ะค่ะ เดินทางง่ายมากๆ
ค่าเข้าผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาทค่ะ จะบอกว่าตอนแรกนั้นเราไม่รู้ว่าสามพราน ริเวอร์ไซด์มีอะไร แต่เพื่อนสาวที่เคยมาแล้วบอกว่าที่นี่ดีมากๆ เลยแกร ต้องมาให้ได้ ซึ่งพอเข้ามาจริงก็ชอบกับบรรยากาศที่ร่มรื่นมากๆ เหมาะกับการมาปั่นจักรยานเที่ยวมากๆ ค่ะ ซึ่งวันนี้เราก็ได้มาเช่าจักรยานคันละ 60 บาทเท่านั้น สามารถปั่นได้ทั้งวันเลย
เช้าๆ แบบนี้เราเลยปั่นชมธรรมชาติภายในสามพราน ริเวอร์ไซด์ซึ่งระหว่างทางมีภูเขาดอกไม้ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้มากมายให้เราได้แวะถ่ายรูปกันด้วย
ปั่นจักรยานเสร็จก็ไปถีบเรือเป็ดกันต่อที่บึงน้ำขนาดใหญ่ภายในสามพราน ริเวอร์ไซด์ ค่าเรือเป็ด 60 บาท/ลำ ปั่นเพลินชมวิวสวยๆ ของสามพราน ริเวอร์ไซด์ซึ่งบริเวณริมสระน้ำมีอาคารสไตล์จีนให้ถ่ายรูปสวยๆ ด้วย
หลังจากปั่นจักรยาน ถีบเรือเป็ดกันจนหนำใจยังไม่หมดเท่านั้นนะคะที่ สามพราน ริเวอร์ไซด์ ยังมีกิจกรรมรอเราอยู่เยอะแยะมากมาย ทั้ง การร้อยมาลัย การปั้นดิน การจักสาน การแกะสลัก การทำพิมเสน วาดพัด วาดร่ม และการย้อมผ้า ซึ่งโซนกิจกรรมจะอยู่บริเวณลานศิลป์ริมคลอง เปิดบริการ 9.30-15.30 น. มีค่าบริการเริ่มต้นที่ 40 - 120 บาท/กิจกรรม/คน โดยหลังจากทำกิจกรรมเสร็จเขาก็จะให้ผลงานที่เราทำเอากลับบ้านได้เลยค่ะ
พอมาถึงก็เดินขึ้นไปชั้น 2 ก่อนเลยเพื่อไปทำผ้ามัดย้อม แนะนำว่าให้วางกิจกรรมนี้ไว้เป็นกิจกรรมแรก เพราะต้องใช้เวลารอผ้าแห้งก่อนถึงจะนำกลับบ้านได้ วิธีการทำเขาจะให้เราเลือกว่าจะทำกระเป๋าผ้าหรือผ้าเช็ดหน้า พอเลือกได้แล้วก็นำผ้าขาวไปชุบน้ำ แล้วนำมามัด จากนั้นก็นำไปย้อมด้วยสีธรรมชาติ แล้วนำไปตากให้แห้งก็จะได้ผ้ามัดย้อมสีสวยฝีมือของเราเอง กิจกรรมนี้ค่าทำ 120 บาทค่ะ
จากนั้นลงมาที่ชั้น 1 เพื่อมาร้อยมาลัยกันต่อ ซึ่งเรียกกันว่ามาลัยตุ้ม โดยจะใช้กลีบดอกกล้วยไม้สีม่วง ดอกรัก และดอกบานไม่รู้โรย ค่อยๆ บรรจงร้อยเป็นมาลัย ใครที่ไม่ค่อยมีสมาธิ สมาธิสั้นลองมาฝึกสมาธิโดยวิธีการร้อยมาลัยดูค่ะ จะช่วยให้คุณจดจ่อกับงานได้มากยิ่งขึ้น ค่ากิจกรรมนี้ 40 บาทเท่านั้น
ต่อด้วยการปั้นดิน พี่เจ้าหน้าที่มาช่วยสอนเราปั้นน้องช้างกันค่ะ โดยปั้นเสร็จเขาจะมีกล่องให้เรา แล้วนำไปตากแดดที่บ้านต่อ พาแห้งปุ๊บก็มาวางโชว์ไว้ข้างหัวนอนก็ได้น่ารักมากๆ ค่ากิจกรรมนี้ 40 บาทเท่านั้น
ใกล้ๆ กับลานศิลป์ริมคลองมีกิจกรรมสาวไหม โดยการนำรังไหมหลายๆ รังไปต้ม แล้วดึงเส้นใยออกมาจากรังไหม ทำให้เรารู้เลยว่ากว่าจะได้ผ้าไหมสวยๆ สักหนึ่งผืนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะค่ะ
ส่วนใครอยากเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคกลับบ้าน ที่นี่ก็มีจำหน่ายบริเวณอาคารที่พัก โดยมีให้เลือกทั้งแชมพู สบู่ ครีมอาบน้ำ และอีกมากมาย น่าใช้มากๆ สามพราน ริเวอร์ไซด์ เปิดบริการทุกวันค่ะตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. สามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 034-322-544 , 034-322-588-93
หลังจากออกจากสามพราน ริเวอร์ไซด์ท้องก็เริ่มร้องแล้วค่ะ เพื่อนสาวเลยชวนแวะทานอาหารกลางวันที่ร้าน Say Hay Cafe & Cuisine ซึ่งเป็นร้านอาหารเปิดใหม่ กำลังมาแรงในตอนนี้เลยค่ะ โดยจากสามพราน ริเวอร์ไซด์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีเท่านั้นก็ถึงร้านแล้วค่ะ
Say Hay Cafe & Cuisine ร้านอาหารสไตล์ฟาร์มคาเฟ่บรรยากาศน่ารักมากๆ โดยมีไฮไลท์คือเหล่าบรรดาสัตว์ต่างๆ ทั้ง หงส์ ห่าน นกเป็ดน้ำ นก และกระต่ายที่เดินเล่นบริเวณสระน้ำ พร้อมกับมีสะพานสีแดงเป็นกิมมิคเก๋ๆ เหมาะกับการมาถ่ายรูปเซลฟี่อีกด้วยค่ะ
โดยต้วร้านแบ่งเป็น 2 โซน คือโซนอินดอร์เป็นห้องแอร์เย็นๆ ตกแต่งสไตล์ลอฟท์ มีบรรดาเฟิร์นที่แต่งแต้มให้ร้านสดชื่นขึ้น พร้อมกันนั้นยังมีกระจกบานใหญ่รอบร้านที่สามารถมองออกไปชมบรรยากาศด้านนอกได้ด้วย และในส่วนของโซนเอาท์ดอร์ ลูกค้าสามารถมานั่งชิลทานอาหารเพลินๆ พร้อมทั้งใกล้ชิดกับบรรดาสัตว์ต่างๆ ในบรรยากาศริมน้ำได้ ชิลมากๆ ค่ะ
โรงเรือนปลูกเมล่อนที่อยู่ใกล้ๆ กับร้าน โดยทางร้านจะนำเมล่อนในฟาร์มมาทำเป็นอาหารสุดอร่อยให้เราได้ทานกันอีกด้วย
สะพานสีแดงไฮไลท์ของร้าน ออกแบบให้เหมือนเป็นสะพานแขวน สามารถมาเดินชมน้องหงส์ น้องห่าน และนกเป็ดน้ำที่บริเวณนี้ได้เลย
มาชิมเมนูอาหารสุดอร่อยของร้านกันดีกว่า วันนี้เราสองคนจัดเต็มเพราะหิวกันมากๆ เราเลยสั่งเมนูทั้งคาวหวาน มาเต็มโต๊ะเลยค่ะ เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้บอกเลยว่าเราสองคนกินจุมากๆ 555 เริ่มเมนูแรก กุ้งซอสมะขาม จานนี้เป็นกุ้งแม่น้ำตัวโตทอดกรอบ ราดมาด้วยซอสมะขามสุดเข้มข้น เปรี้ยวอมหวานนิดๆ โรยหน้าด้วยหอมแดงทอดหอมๆ กรอบๆ ต่อด้วยชะครามน้ำมันหอย เมนูหาทานได้ยาก เพราะใบชะครามนั้นมีเป็นบางที่ค่ะ โดยรสชาติก็จะมีความมัน และกลิ่นเฉพาะ ทางร้านผัดมาได้กลมกล่อม ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ เข้ากันได้เป็นอย่างดี มาถึงบรรดาเมนูแบบฟิวชันกันบ้างกับ ซี่โครงแกะซอสมิ้นต์ จานนี้เป็นซี่โครงแกะขนาดพอดีคำ กริลล์มาแบบอ่อนๆ ไม่สุกมาก เคียงข้างมาด้วยซอสมิ้นต์สูตรของทางร้าน และจานสุดท้ายอย่าง สปาเก็ตตี้ปูนิ่ม เส้นสปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง และกระเทียม รสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป เสิร์ฟเคียงคู่มากับปูนิ่มทอดกรอบตัวโต สามารถทานได้ทั้งตัวที่สำคัญคือเพิ่มความหอมให้กับสปาเก็ตตี้จานนี้เป็นอย่างมากเลยล่ะ
ส่วนเมนูขนมหวานเราสั่งเค้กเมลอน และชาไทย ตัวเนื้อเนียนนุ่ม ละลายในปาก สอดแทรกด้วยชั้นครีมหนาๆ ทานคู่กับเมลอนปั่น จัดเต็มเนื้อเมลอนอย่างเข้มข้น หอมตลบอบอวลในปากตั้งแต่ดูดไปคำแรกเลยล่ะค่ะ
ใครอยากมานั่งชิลที่ร้าน Say Hay Cafe & Cuisine ก็ปักหมุด GPS มากันได้เลยที่ 13.783607, 100.233097 ร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. หรือโทรมาสอบถามรายละเอียดกันได้ที่ 065-629-6142
ทานอาหารเสร็จหลายคนอาจจะเลือกขับรถกลับ กทม. แต่สำหรับเราทั้งคู่วันนี้จะค้างคืนที่จังหวัดนครปฐมสัก 1 คืน ที่ Jumtla Campiness ที่พักสไตล์แคมป์เปิดใหม่ที่อำเภอ บางเลน จังหวัดนครปฐมกันค่ะ
ทำเลที่ตั้งของ Jumtla Campiness นั้นอยู่ใกล้กับ ตลาดน้ำลำพญาเพียง 800 เมตร และยังสามารถเดินทางไปเที่ยวตลาดน้ำทุ่งบัวแดง แอร์ออร์คิดส์ & แล็ป ซูเปอร์มาร์เก็ตกล้วยไม้ รวมถึงตลาดบางหลวง ร.ศ.122 ได้ขับรถไม่ไกลมากค่ะ
Jumtla Campiness เป็นที่พักสไตล์แคมป์ที่ตั้งอยู่ภายใต้แบรนด์บ้านไร่เกษมสุข โดยอนาคตมีแพลนจะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร พร้อมกับเปิดร้านคาเฟ่ให้นั่งชิลด้วย ซึ่ง Jumtla Campiness เคยเปิดที่แรกที่เนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลกและได้ผลตอบรับที่ดีมาก ทางเจ้าของเลยตัดสินใจมาเปิดที่นครปฐมเพราะเป็นเป็นพื้นที่ของบรรพบุรุษที่อยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน
โดยตอนนี้มีให้บริการเพียง 3 เต็นท์เท่านั้นค่ะ ภายในเต็นท์ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้ง เตียงนุ่มน่านอน พัดลม เครื่องปรับอากาศ ปลั๊กไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟ ผ้าขนหนู น้ำดื่ม ไฟฉาย ร่มและยาฉีดกันยุง ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมอยู่ห่างจากเต็นท์ไปประมาณ 20 เมตรค่ะ สะอาด ปลอดภัยมากๆ
ค่าที่พักของที่นี่ คิดเป็นรายหัว 1450 บาท (ราคารวมอาหารเช้า-อาหารเย็น-น้ำสมุนไพรตลอดทั้งวัน) ถ้าเข้าพักคนเดียวคิดเหมาเต็นท์ละ 2200 บาท กิจกรรมที่เราทำเมื่ออยู่ที่นี่ก็คือการนั่งอ่านหนังสือ นั่งชิลชมแม่น้ำท่าจีนปล่อยใจให้เรื่องราววุ่นวายในชีวิตไหลไปตามกระแสน้ำ เป็นการหยุดพักจากความวุ่นวายในเมืองกรุงและมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ที่สามารถทำได้ง่ายๆ อยู่ใกล้แค่นครปฐมเท่านั้น
อาหารเย็นวันนี้ของเราเป็นเมนูจากผักสวนครัวที่ทางโรงแรมปลูกเอง มีเมนูแกงส้ม น้ำพริกกะปิผักต้ม ไก่ทอดเกลือค่ะ ซึ่งเมนูจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขอบอกว่าอร่อยทุกเมนูเลยค่ะ และไฮไลท์ของมื้อนี้ก็คือกุ้งแม่น้ำเผาตัวโต ที่ทางโรงแรมจะแถมให้คนละ 1 ตัว ถ้าอยากทานเพิ่มคิดตัวละ 350 บาท (เมนูกุ้งแม่น้ำเผาหมดเดือนสิงหาคมนี้ เดือนถัดมาจะเป็นกุ้งทอดเกลือ) ทุกเมนูไม่ใส่ผงชูรสนะคะ อาหารอร่อยทานคู่กับเครื่องดื่มสมุนไพร ที่สามารถขอได้ทั้งวันตลอดการเข้าพักโดยมีให้เลือกหลายสิบเมนู เช่นน้ำแคนตาลูป อัญชัญมะนาว จับเลี้ยง เป็นต้น
วิวที่เรานั่งทานอาหารเป็นวิวท้องนาแต่เสียดายตอนที่เราไป เขาเกี่ยวข้าวแล้ว ซึ่งถ้ามาช่วงต้นข้าวเป็นสีเขียวเต็มท้องทุ่งนาคงจะสวยงามมากๆ
ค่ำคืนนี้ของเราผ่านไปอย่างมีความสุขมากๆ ได้นอนในเต็นท์ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้หลับสบายมากๆ ค่ะ
ยามเช้าได้ตื่นมานั่งชมแม่น้ำท่าจีนไหลเอื่อยพร้อมกับวิถีชีวิตชาวบ้านบางเลนที่ยังคงพึ่งพาแม่น้ำนี้อยู่เป็นภาพที่สวยงามและประทับใจมากๆ
มื้อเช้าเรามาทานอาหารกันบริเวณล็อบบี้ของที่พัก ซึ่งปลูกเป็นเพิงไม้ไผ่หลังคามุงจาก เบื้องหลังเป็นกอไผ่ขนาดใหญ่ บรรยากาศเป็นธรรมชาติมากๆ
ต้มเลือดหมูร้อนๆ สุดอร่อยเสิร์ฟเป็นอาหารเช้าของเรา ซึ่งถ้าใครที่กินอาหารอะไรไม่ได้ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตอนเช็คอินได้เลยค่ะ เพื่อเขาจะได้จัดเตรียมอาหารที่เราทานได้ให้ทั้งมื้อเย็นและมื้อเช้า
มีขนมไทยให้ทานด้วยนะ เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ตักทานได้เรื่อยๆ เลยค่ะ
ใครที่อยากมานอนเต็นท์ริมน้ำใกล้กรุงแบบนี้ก็มากันได้เลยที่ Jumtla Campiness โทร.081-806-5444 หรือจิ้ม GPS นี้มาได้เลยจ้า>>13.968764, 100.201674
เราออกจาก Jumtla Campiness กันตอนสายแล้วขับรถต่อมายังตลาดน้ำทุ่งบัวแดงซึ่งไกลจากที่พักประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น ก็จะพบกับตลาดน้ำทุ่งบัวแดงซึ่งมีพื้นที่ 44 ไร่ แบ่งเป็นส่วนบึงบัว 24 ไร่ ตัวตลาดจะอยู่ริมฝั่งทำเป็นทางเดินขนาดยาว พร้อมกับมีร้านขายอาหารและที่นั่งทานชมบึงบัว โดยบัวของที่นี่จะมี 2 สายพันธุ์คือบัวแดงสายพันธุ์ดั้งเดิมซึ่งจะบานตอนเช้า และบัวแดงพันธุ์มะเหมี่ยวที่จะบานตอนสาย จานนั้นก็จะบานไปตลอดทั้งวัน จึงไม่ต้องกลัวว่ามาที่นี่แล้วจะไม่เจอบัวแดงค่ะ เพราะมาตอนไหนคุณก็จะได้พบความสวยงามของบัวแดงได้ตลอดเวลา ซึ่งตลาดจะคึกคักในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ แต่วันธรรมดาก็สามารถมาได้เช่นกันเพราะที่นี่มีคาเฟ่น่ารักริมน้ำให้บริการ พร้อมกับกิจรรมล่องเรือชมทุ่งบัวแดงก็สามารถมาล่องได้ในวันธรรมดาเช่นเดียวกัน
บริเวณทางเข้าจะมีจุดให้บริการชุดไทย ราคา 199 บาท มีให้บริการทั้งของผู้ชายและผู้หญิง เราเลยไม่พลาดขอแปลงกายเป็นออเจ้าใส่ชุดไทยมาถ่ายรูปกับรากไทรขนาดใหญ่ที่ห้อยลงมาจากหลังคา ซึ่งเป็นจุดที่ถ่ายรูปสุดฮิต ใครอยากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ครับรองว่ามาที่นี่ไม่มีผิดหวัง
หลังจากเดินชิลในตลาดกันแล้วก็ไปนั่งเรือชมดอกบัวกันค่ะ ค่าบริการเหมาเรือลำละ 100 บาท นั่งได้ประมาณ 5 คน แต่ถ้าใครอยากได้ภาพมุมสูงเขาก็มีบริการถ่ายภาพจากโดรนด้วยนะ ภาพละ 40 บาทเท่านั้น
นั่งเรือกันจนเหนื่อยก็เริ่มหิวเราเลยมาแวะทานของอร่อยกันที่ Red Lotus Cafe คาเฟ่ชมวิวทุ่งบัวแดงสวยๆ โดยไฮไลท์ของที่นี่ก็คือเมนูเมี่ยงดอกบัวแดง ที่เขาใช้กลับบัวแทนใบชะพลู ขอบอกว่าหอมและอร่อยมากๆ
นอกจากนี้ยังมีเมนูอีกมากมายให้เราได้ลองชิมค่ะ ใครอยากมาเที่ยวที่นี่สามารถมาได้เลยโดยขับมาตาม GPS นี้ได้เลยค่ะ>>14.013677, 100.157083 ตลาดน้ำเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. โทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 081-259-7667
ขากลับจากนครปฐมสู่กรุงเทพมหานคร เราใช้ถนนบรมราชชนนีซึ่งจราจรค่อนข้างติดขัด การเบรกบ่อยๆ ออกตัวบ่อยๆ ความร้อนของเครื่องยนต์จะขึ้นสูงแต่โชคดีที่เราเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตรวจเช็คสภาพมาแล้วทำให้รถยนต์ขับลื่นไหลไม่มีปัญหาเลยค่ะ ทริปนี้จึงเป็นทริปที่เต็มไปด้วยความสุข ใครที่อยากหาเวลาปลีกตัวออกจากเมืองสัก 2 วัน 1 คืน มาสัมผัสชีวิตแบบสโสลว์ไลฟ์ที่นครปฐมก็นำทริปนี้ไปปรับใช้กันได้เลย
Tags: นครปฐม ที่เที่ยว นอนเต็นท์ริมน้ำ เที่ยวนครปฐม สวนสามพราน ศูนย์บริการ โททาล ควอทซ์ ออโต้ แคร์ น้ำมันเครื่อง โททาล ควอทซ์ 8000 0W-20 น้ำมันเครื่องโททาล Total Quartz ที่พักนครปฐม สามพราน ริเวอร์ไซด์ Say Hay Cafe & Cuisine Jumtla Campiness ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 414 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 359 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 883 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,199 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 881 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน ทริปตัวอย่าง | 11 ก.ย. 2024 | 2,235 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 05 ส.ค. 2024 | 1,981 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 31 ก.ค. 2024 | 1,439 อ่าน
ทริปตัวอย่าง ที่เที่ยว | 25 ก.ค. 2024 | 1,324 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 23 ก.ค. 2024 | 2,115 อ่าน